พระอนาคตวงศ์
ทั้ง ๑๐ พระองค์

บทสรุป ในภัททและกัปป์ต่างๆ

       องค์สมเด็จพระมหามุนีธิคุณเจ้า แห่งเราทั้งหลายตรัสพระสัทธรรมเทศนา แก่พระสารีบุตรว่านานไปเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ ๑๐ พระองค์นั้น จะได้ตรัสรู้แด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณเป็นลำดับกัน ฯ คือองค์พระศรีอรียเมตไตรยเจ้าเป็นปฐมที่ ๑ ถัดนั้นจึงพระรามโพธิสัตว์จะตรัสที่ ๒ ถัดนั้นจึงพระเจ้าปเสนทิโกศลจะได้ตรัสเป็นพระธรรมราชที่ ๓ ถัดนั้นพระยามาราธิราช

       จะได้ตรัสเป็นพระธรรมสามีที่ ๔ ถัดนั้นอสุรินทราหูจะได้ตรัสเป็นพระนารทะที่ ๕ ถัดนั้นโสณพราหมณ์จะได้ตรัสเป็นพระรังสีมุนีที่ ๖ ถัดนั้นสุภพราหมณ์จะได้ตรัสเป็นพระเทวเทพที่ ๗ ถัดนั้นโตไทยพรหามณ์จะได้ตรัสเป็นพระนรสีหะที่ ๘ ถัดนั้นช้างธนบาลหัตถีนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระดิสสะที่ ๙ ถัดนั้นช้างปาลิไลยหัตถีจะได้ตรัสเป็นพระสุมงคลที่ ๑๐ พระองค์ได้ตรัสเป็นลำดับกันโดยนิยมดังนี้

       อันว่าไม้พระศรีมหาโพธิอปราชิตบัลลังก์ที่นักทรงพิจราณา พระปฏิจจสมุปบาทธรรม แล้วตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้านั้น พระศรีอริยเมตไตรยเจ้าคือไม้กากะทิงที่ตรัส ๑ พระรามเจ้าไม้แก่นจันทน์แดงเป็นที่ตรัส ๒ พระธรรมราชเจ้าไม้กากะทิงที่ตรัส ๓ พระธรรมสามีเจ้าไม้รังใหญ่เป็นที่ตรัส ๔ พระนารทะเจ้าไม้แก่นจันทน์แดงเป็นที่ตรัส ๕ พระรังสีมุนีเจ้าไม้ดีปลีใหญ่ ลางคัมภีร์ว่าไม้เลียบเป็นที่ตรัส ๖ พระเทวเทพเจ้าไม้จัมปาเป็นที่ตรัส ๗ พระนรสีหะเจ้านั้นไม้แคฝอยเป็นที่ตรัส ๘ พระดิสสะเจ้าไม้ไทรเป็นที่ตรัส ๙ พระสุมงคลเจ้าไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๑๐ อันว่าไม้พระมหาโพธิ ๑๐ ต้นนี้เป็นที่ตรัสรู้พระสัพพัญญู แห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ อันจะบังเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้า ฯ

       อันว่านรชาติหญิงชายทั้งหลายจำพวกใด ได้ถวายนมัสการกราบไหว้ ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์กับไม้พระศรีมหาโพธิ ๑๐ ต้น ดังพรรณนามานี้ อันว่านรชาติหญิงชายจำพวกนั้น จะมีผลานิสงส์คือมิได้ไปบังเกิดในนรกสิ้นกาลช้านานถึงแสนกัปป์ ด้วยกุศลเจตนาของอาตมา ที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์นั้น ฯ

       สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าของเราทรงบัญฑูรพระธรรมเทศนาว่า แท้จริงกัปป์ที่เรียกสุญญกัปป์นั้น คือเปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณ กัปป์ที่มิได้ศูนย์จากท่านผู้ทรงพระคุณนั้นมี ๕ ประการคือสารกัปป์ ๑ มัณฑกัปป์ ๑ วรกัปป์ ๑ สารมัณฑกัปป์ ๑ ภัททกัปป์ ๑ อันว่ากัปป์แผ่นดินทั้ง ๕ ประการนี้ มีสมเด็จพระพุทธเจ้าบังเกิดในสารกัปป์นั้นพระองค์ ๑ ในมัณฑกัปป์ ๒ พระองค์ ในวรกัปป์ ๓ พระองค์ ในสารมัณฑกัปป์ ๔ พระองค์

        ในภัททกัปป์ ๕ พระองค์ เหมือนกัปป์แผ่นดินเราทุกวันนี้ ชื่อว่าภัททกัปป์บังเกิดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ฯ คือ กุกกุสนธเจ้าพระองค์ ๑ พระโกนาคมนเจ้าพระองค์ ๑ พระกัสสปเจ้าพระองค์ ๑ พระพุทธเจ้าของเราอันทรงพระนามว่า พระศรีศากยมีนีโคดมพระองค์ ๑ ไปในอนาคตเบื้องหน้าพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าซึ่งจะมาตรัสนั้นพระองค์ ๑ เป็นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ด้วยกัน บังเกิดในภัททกัปป์อันนี้ ฯ

       เมื่อสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ตรัสแล้วล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่นิพพาน สิ้นศาสนาของพระองค์เจ้าแล้ว ล่วงไปจนถึงไฟประลัยโลก สิ้นแผ่นดินแผ่นฟ้าตลอดกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกว่าสุญญกัปป์ เปล่าเสียจากผู้ทรงพระคุณวิดศษนั้นานได้ถึงอสงไขยแผ่นดินล่วงไปแล้ว เกิดกัปป์ใหม่ตั้งแผ่นดินขึ้นใหม่เรียกว่ามัณฑกัปป์จะมีสมเด็จพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิเจ้าและสมเด็จพระบรมจักร์ ในกาลครั้งนั้นจึงมีพระรามเจ้าเป็นอาทิ จะได้ตรัสรู้ก่อนพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่สมควรจะได้ตรัสนั้น

       ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้าสืบ ๆ กันไปตามนัยดังแสดงแล้วแต่หนหลัง ด้วยวาสนาภูมิบารมีของพระบรมโพธิสัตว์สร้างมานั้นต่าง ๆ กัน เป็นอุฆติตัญญูโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า ปัญญาธิกา ยิ่งด้วยปัญญา ฯ ที่เป็นวิปจิตัญญโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๘ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกว่า สัทธาธิกะ ยิ่งด้วยศรัทธา ฯ ที่เป็นเนยยโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๑๖ อสงไขยแสนกัปป์เรียกว่า วิริยาธิกะ ยิ่งด้วยความเพียรตามประเพณีพุทธภูมิโพธิสัตว์ทั้ง ๓ จำพวก อันมีในคัมภีร์พระอนาคตวงศ์ ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัส พระสัทธรรมเทศนาแก่พระธรรมเสนาสารีบุตร ก็สิ้นเนื้อความยุตติลงแต่เพียงนี้ ฯ
 

ปิดหน้านี้