ดูกร ท่านทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายมีพระมหาสัตว์เป็นต้น ได้เวียนว่ายตายเกิดบำเพ็ญบารมีร่วมกันดังคำอธิษฐานนี้ พระองค์หาได้บังคับฝืนใจใครไม่
 หากสัตว์ทั้งหลายบำเพ็ญบารมีร่วมแก่พระองค์ด้วยจิตเมตตาแก่ส่ำสัตว์ทั้งหลายเป็นสำคัญ
 
พระเวสสันดร

      เราลองมาดูประวัติพระเวสสันดรให้ลึกลงไปอีกหน่อย พระเวสสันดรนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

     ถามว่าท่านเห็นแก่ตัวหรือเปล่า? ลองดูชาติก่อนของท่านดูนะ ก่อนพระเวสสันดร ชาติที่ท่านเป็นสุเมธดาบส (ชาตินี้ท่านจะได้รับคำพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้า) ท่านสุเมธดาบสก็รู้ว่าตนเองนั้นปรารถนาพุทธภูมิมานานแล้ว และก็รำพึงกับตัวเองว่า

     "ถ้าเราจะเลิกล้มความตั้งใจเดิมเดี๋ยวนี้ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปนิพพานแต่เพียงผู้เดียว คืออธิษฐานลาพุทธภูมิขอกลับมาเป็นสาวกภูมิ เราก็จะได้บรรลุอรหันต์พร้อมกับปฏิสัมภิทาญาณเดี๋ยวนี้เพียงชั่วอึดใจเดียวโดยง่ายดาย แต่ประโยชน์อะไรถ้าเราไม่ได้ช่วยขนสรรพสัตว์ให้ข้ามห้วงวัฏสงสาร เราจะมุ่งมั่นปรารถนาพุทธภูมิต่อไปจนกว่าจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตให้จงได้ แม้พระสัมมาสัมโพธิญาณที่เราแสวงหานั้นจะอยู่ที่ก้นอเวจีมหานรก เราก็จะแหวกว่ายไปเอามาให้ได้ "

     จะเห็นได้ว่าความปรารถนาจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์นี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย เป็นไปเพื่อสัตว์โลกทั้งนั้นทุกลมหายใจ

     และหลังจากนั้นไม่นานสุเมธดาบสท่านก็ได้รับคำพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระทีปังกรพุทธเจ้าว่าท่านนั้นเป็นนิยตโพธิสัตว์แล้ว ในอีก ๔ อสงไขยกับอีกแสนกัปจากนี้ไปจะต้องได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตพระนามว่า "พระสมณโคดมพุทธเจ้า" ทีนี้ชาติต่อๆ มาท่านก็บำเพ็ญมาอีกนับไม่ถ้วน สละชีวิตของท่านเพื่อพระโพธิญาณมานับไม่ถ้วน บางชาติมีนามว่าพระเจ้าสีวิราช ท่านต้องควักดวงตาตนเองสดๆ ออกเพื่อเป็นทาน และมีอยู่ชาติหนึ่งเพียงแค่ไม่อยากจะให้แม่เสือหิวทำบาปกรรมด้วยการกินลูกตัวเอง ด้วยความกรุณาต่อสัตว์โลกท่านถึงกับกระโดดหน้าผาลงไปเพื่อให้ตัวเองตาย จะได้เป็นอาหารแม่เสือแทน เห็นน้ำใจพระโพธิสัตว์ไหมว่าประเสริฐเพียงไหน??? นี่เป็นน้ำใจของคนเห็นแก่ตัวหรือ ???

     ทีนี้มาชาติที่เป็นพระเวสสันดรที่ท่านต้องบริจาคลูกเมียเป็นทานนั้น เพราะอะไร ? เพราะว่าการจะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นต้องบริจาคของรักหวงแหนที่สุดออกเป็นทานได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ชีวิตของท่านนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่สิ่งที่ท่านรักยิ่งกว่าชีวิตตัวเองนั้นมีอยู่ คืออะไร? นั่นคือชีวิตลูกเมีย แม้น้ำตาแทบจะไหลออกเป็นสายเลือดท่านก็ต้องให้ลูกเมียเป็นทาน เพื่อปรารถนาจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ บรรลุเพื่อใคร เพื่อตัวเองจะได้โด่งดังเป็นพระพุทธเจ้าสมใจอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ เพื่อสัตว์โลก เพื่อคนอื่นนับจำนวนมหาศาลประมาณไม่ได้

     และแม้แต่ลูกเมียของท่านเอง (กัณหาชาลีและพระนางมัทรี) ก็ได้อานิสงส์จากการบริจาคครั้งนี้ด้วย คือหลังจากพระเวสสันดรได้บรรลุเป็นพระสมณโคดมพุทธเจ้าแล้ว

     กัณหา มาเกิดเป็น "พระนางอุบลวรรณาเถรี" ได้พระพุทธองค์โปรดจนสำเร็จอรหัตผล เป็นภิกษุณีที่เลิศด้วยฤทธิ์ ชาลี มาเกิดเป็นพระราหูล เป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา ภายหลังก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์จากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

     พระนางมัทรีก็ได้มาเกิดเป็นพระนางพิมพา เป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ ภายหลังก็ได้ออกบวชเป็นภิกษุณี และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เช่นกัน ทำไมต้องบริจาคบุตรเป็นทาน คนดีแน่หรือ ? ทั้งชาวพุทธและศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ มักมีคำถามเกิดขึ้นเป็นประจำว่า "การที่พระเวสสันดรบริจาคบุตรเป็นทาน เป็นความดีหรือไม่" ข้อนี้มีวิสัชนาว่าพระเวสสันดร (อดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ไม่ได้บังคับใจผู้ใดให้มาเกิดเป็นบุตรหรือภริยา พระมหาสัตว์ทุกพระองค์ ย่อมมีความปรารถนาเสมอกัน คือ ให้ส่ำสัตว์ทั้งหลายสามารถข้ามพ้นห้วงแห่งความทุกข์ทั้งปวงให้สิ้นไป โดยพระองค์จะเป็นผู้แบกรับภาระในการบำเพ็ญบารมีถ้วนอสงไขยกัปป์ รับเอาความทุกข์ยากทั้งหมดในการฝึกฝนกำลังใจ แล้วนำประสบการณ์เหล่านั้นมาสั่งสอนพุทธบริษัท ซึ่งบำเพ็ญบารมีร่วมกับพระมหาสัตว์พระองค์นั้น ๆ โดยพร้อมแล้ว เพื่อข้ามพ้นห้วงโอฆสงสาร