ในวันรุ่งขึ้น พระพุทธเจ้าก็พาองคุลีมาลโจรร้ายซึ้งตอนนี้ได้บวชเป็นพระภิกษุแล้วออกบิณฑบาตร ไปที่ไหนผู้คนก็จำได้ว่า   ภิกษุรูปนี้คือองคุลีมาลจอมโจรผู้โหดร้าย   ที่เตรียมข้าวของจะใส่บาตรก็พากันวิ่งหนีทิ้งข้าวของเตลิดเปิดเปิงปิดประตูแน่นหนาไม่ยอมโผล่หน้าออกมา พระภิกษุองคุลีมาลออกไปบิณฑบาตรที่ไหนก็ถูกปาด้วยก้อนหินก้อนกรวดจนหัวร้างข้างแตกจีวรขาดบาตรทะลุ นี้เรียกว่ากรรมมันตามมาทัน  ทำให้พระภิกษุองคุลีมาลต้องอดอยาก   และ ถูกทำร้ายร่างกาย   พระพุทธเจ้าก็ปลอบว่า   ต้องอดทนเอาเพราะต้องชดใช้กรรมเสียในชาติปัจจุบันนี้ ไม่ต้องไปชดให้กรรมในปลายภพน้อยภพใหญ่อีกต่อไป   บางคนก็มีจิตเลื่อมใสต่อภิกษุองคุลีมาล บางคนก็โกรธแค้นแค้นดุด่าว่าขว้างปาด้วยก้อนกรวดก่อนดินก็มาก

    บางคนมิได้มีเจตนาจะทำร้ายแค่ขว้างปาไปในอากาศด้วยความประสงค์อย่างอื่น ( คือ เพื่อขับไล่สัตว์ต่าง ๆ เช่น กา สุนัข สุกรเป็นต้น) แต่ก้อนหินก้อนดินนั้นกลับหวนมาถูกพระเถระทั้งขาไปและขากลับ

    บางคราท่านไปบิณฑบาตไม่ได้อาหารแม่แต่ทัพพีเดียว และยิ่งร้ายกว่านั้น พระที่ไปบิณฑบาตร่วมทางเดียวกับท่าน เลยพลอยไม่ได้อาหารไปด้วย

    จนกระทั้งมาวันหนึ่งหญิงท้องแก่ออกมาใส่บาตรเพื่อต้องการจะให้ลูกที่จะเกิดมาเป็นคน ที่ยึดมั่นในความดี พอเลือบแลเห็นพระภิกษุองคุลีมาลเดินมารับบิณฑบาตร หญิงท้องแก่นั้นก็ตกใจกลัวตาย วิ่งเข้าไปในระหว่างกอไผ่ ผลที่สุดศีรษะมันไปได้แต่ท้องไปไม่ได้ ดิ้นกระแด่ว ๆ อย่างนั้น ทีนี้พวกสามีคนข้างเคียงนั้นก็ทำใจดีสู้เสือช่วยกันเอาหญิงนั้นออกมาแล้วเอาม่านกั้น เข้าไปกราบเรียนพระภิกษุองคุลีมาลว่า ขอให้ช่วยนางนี้พ้นทุกข์ทรมานจากการเจ็บปวดในครรภ์ด้วยเถิด พระภิกษุองคุลีมาลนั้นก็ตั้งอธิฐานกล่าวว่า   “ยโตหํ ภคินิ อริยาย ชาตยา ชาโต นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปารํ ชีวิตา โวโรเปตา”   นี่ที่กล่าวนี่บท   ยโตหํ   บทโพชฌงค์นะ ตั้งจิตอธิษฐานว่า ตั้งแต่เราเกิดมาในอดิตชาติ ไม่เคยคิดที่จะเบียดเบียนใคร ขออำนาจสัจจะอธิษฐานที่ข้าพเจ้าอ้างอิง เอาเป็นพยานนี้   โสตฺถิ   ความสวัสดี   คพภสฺส   จงมีแก่ครรภ์ของน้องหญิงผู้นี้ พอสิ่นคำอธิษฐาน นางนั้นก็คลอดลูกเหมือนเทน้ำออกจากกระบอก ไม่เจ็บไม่ปวด แต่ประการใด ผู้คนจึงเกิดความเลื่อมใส ต่อพระภิกษุองคุลีมาล