เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงละสังขารเสด็จสู่มหาปรินิพพานแล้ว พระอานนท์พุทธอนุชาซึ่งบัดนี้เป็นเสมือนตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เสด็จออกจาริกไปตามลำพังแต่ผู้เดียว เพื่อโปรดเวไนยสัตว์บ้าง เพื่อแสวงหาความวิเวกบ้าง จากแคว้นหนึ่งสู่แคว้นหนึ่ง จากนิคมหนึ่งสู่นิคมหนึ่ง จากชนบทหนึ่งสู่ชนบทหนึ่ง เป็นเวลานานถึง ๔๐ ปี หลังพุทธปรินิพพาน

  สมัยหนึ่ง พระอานนท์เถระเสด็จออกจากกรุงสาวัตถีมุ่งสู่ทิศใต้ มาถึงลำน้ำ ยมุนา เดินเลียบไปตามลำน้ำอันงดงามสายนี้ จนล่วงเข้าในเขตแดนของกรุงโกสัมพี อันเป็นเมืองที่ชุมนุมของพ่อค้าวาณิชย์ทั้งหลายที่เดินทางค้าขายในภาคใต้ของชมพูทวีป เป็นเวลาเย็นมากแล้ว พระอาทิตย์ใกล้จะอัสดง ลดแสงจ้าอันร้อนแรงกลายเป็นแสงอ่อนที่นุ่นนวล ก้อนเมฆบนท้องฟ้าจับตัวกันสะท้อนแสงเป็นสีอำพันตัดกับท้องทุ่งของ ข้าวสาลี ที่กำลังออกรวงเป็นดั่งสีทอง อร่ามไปทั่วทุ่ง ลมในยามเย็นเริ่มโชยมาต้องพระวรกาย หอบกลิ่นไอของรวงข้าวให้อบอวลเป็นที่สดชื่นยิ่งนัก

  พระมหาเถระ หาได้เข้าไปยังนครอันวิจิตรงดงามไม่ หากแต่ท่านต้องการที่สงัดวิเวก ก็ในบริเวณแห่งนี้ไม่มีที่ใดจะเหมาะสมเท่ากับ ป่าประดู่ลาย ที่ตั้งอยู่ภายนอกนครโกสัมพีนี้ เมื่อเริ่มเข้าสู่ยามแห่งราตรี พระจันทร์ก็โผล่ขึ้นมาจากด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ดวงดาราเริ่มทอแสงระยิบระยับจับท้องฟ้า พระอานนท์เถระเจ้าก็เริ่มนั่งขัดสมาธิโดยลำพังเพียงผู้เดียวตั้งแต่ปฐมยามแห่งราตรี จนล่วงเข้ามัฌชิมยาม จึงทรงพักผ่อนพระวรกาย ในท่ามกลางความเงียบสงัดวิเวกแห่ง ป่าประดู่ลายนั้น ไม่มีเสียงอันใดอื่นนอกจากเสียงของใบไม้กระทบกันเท่านั้น

  ก็ที่ป่าแห่งนี้นั่นแหละ สมัยหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมาประทับอยู่พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ พระองค์ทรงกำใบไม้มาในพระหัตถ์ แล้วตรัสถามว่า

  ภิกษุทั้งหลาย ใบไม้ในมือเรา กับใบไม้ในป่าประดู่ลาย อันไหนจะมีมากกว่ากัน

  บรรดาภิกษุตอบว่า ใบไม้ในป่าประดู่ลายมีมากมายกว่า ใบไม้ในพระหัตถ์มีเพียงนิดเดียว

  พระพุทธองค์จึงกล่าวว่า ในทำนองเดียวกัน ความรู้ที่เราสอนมีเพียงนิดเดียว ความรู้ที่เราไม่สอนมีมากมาย แต่ความรู้เหล่านั้นไม่มีประโยชน์ในการที่จะข้ามพ้นจากทุกข์ สิ่งที่เราสอนเป็นไปเพื่อการดับทุกข์เท่านั้น

  คราวหนึ่ง มีภิกษุทูลถามปัญหา ๑๐ ข้อ ถ้าหากเราไม่ตอบ ภิกษุรูปนั้นก็จะลาเพศไปเสีย ปัญหาเหล่านั้นเช่น โลกนี้เที่ยงหรือไม่ โลกนี้มีที่สิ้นสุดหรือไม่มีที่สิ้นสุด เป็นต้น แต่เราก็หาตอบไม่ เปรียบเหมือนบุรุษคนหนึ่งได้ถูกลูกศรอาบยาพิษยิงโดน ควรหรือที่จะต้องถามหาว่าใครเป็นคนยิง ยิงจากทิศใด คนที่ยิงหนีไปทางไหน จะต้องไปตามจับคนที่ยิงให้ได้ก่อน เป็นแบบนั้นบุรุษที่ถูกยิงคงตายไปเสียก่อน ถ้าเรารีบถอนลูกศรออกก่อนแล้วใส่ยาแก้พิษให้ เขาก็คงจะรอด ฉันใด

  บุคคลทั้งหลายทั้งชายและหญิงต่างถือคบเพลิงที่ลุกโพลงอยู่แล้ววิ่งวนไปวนมา ปากก็ร้องว่าร้อนๆ มีคนมีปัญญาคนหนึ่งตะโกนบอกให้ทิ้งคบเพลิงที่ถืออยู่เสีย คนที่เชื่อก็ทิ้งคบเพลิงที่ถืออยู่แล้วเขาก็ได้ประสบกับความเย็น คนที่ไม่เชื่อก็วิ่งวนไปมา ปากก็ร้องว่า ร้อนๆ อยู่เช่นเดิม

  ภิกษุทั้งหลาย เราได้ทิ้งของร้อนนั้นแล้ว และตะโกนบอกพวกเธอให้ทิ้งของร้อนเช่นนั้นด้วย อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นของร้อน อายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ เป็นของร้อน เป็นที่เกิดแห่งไฟ คือ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ .......

  ใกล้อรุณรุ่งแล้ว ลมยามเช้าโชยมาช่างเย็นกายเย็นใจเสียกระไร พระอานนท์เถระเดินจงกรมกลับไปกลับมาต้อนรับแสงอรุโณทัยในยามเช้าของวันใหม่อยู่ท่ามกลางใน ป่าประดู่ลายแห่งนั้น ได้เวลาบิณฑบาตแล้ว........