เทวดามานมัสการพระเจดีย์จุฬามณี ๒

      ลำดับนั้นยังมีเทพบุตรอีกสี่องค์พาบริวารจำนวนมากเหาะตรงมายังลานพระเจดีย์ แต่ละองค์นี้เฉิดฉายด้วยรัศมีที่เปล่งออกมาจากกายส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งลานพระเจดีย์ดังจะกลบรัศมีของทวย เทพที่มาก่อนให้ดับสิ้นไป ท้าวสักกบดีจึงตรัสกับพระมาลัยว่า

      " ดูกรพระคุณเจ้า เทพบุตรเหล่านี้หาใช่พระศรีอริยเมตไตยไม่เป็นแต่เพียงเทพบุตรสามัญ เหตุที่มีบริวารแลรัศมีบุญญาอันสว่างไสวนั้นมาแต่บุญในเบื้องบรรพกาลของพวกเขาดังนี้

      องค์แรกนั้นก่อนหน้านี้ได้บรรพชาเป็นสามเณรในพระศาสนา ตั้งมั่นอยู่ในพระไตรสรณคมณ์เป็นอันดี มีศีลสิบสำรวมเป็นอย่างยิ่ง ปรนนิบัติพระภิกษุสงฆ์ด้วยน้ำร้อนน้ำเย็นมิได้ขาดตกบกพร่อง ปัดกวาดวิหารลานพระเจดีย์มิได้ขาด ครั้นถึงกาลกิริยาก็มาบังเกิดเป็นเทพบุตรนี้ มีบริวารเจ็ดหมื่นด้วยผลของบุญที่เขาได้กระทำแล้วนั้น

      องค์ที่สองก่อนหน้านั้นเขาเกิดอยู่ในกรุงอนุราชบุรีในลังกา ได้เป็นไวยาวัจกรแก่ภิกษุสงฆ์ในพระศาสนา เมื่อเวลาพระภิกษุเที่ยวบิณทบาตภิกขาจารในหมู่บ้านถึงเคหสถานบ้านเรือนใด หากเจ้าของเรือนนั้นไซร้ไม่รู้ว่าพระภิกษุมายืนอยู่หน้าบ้าน เขาก็จะทำการป่าวประกาศร้องบอกว่า " พ่อแม่ทั้งหลายบัดนี้มีพระสาวกผู้สืบสายในพระศาสนาเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐเลิศกว่าสิ่งใดได้มาโปรดสรรพ สัตว์แล้วในเวลานี้ ขอจงอย่ารอรีเนิ่นช้าจงรีบออกมาทำบุญทำทานโดยเร็วเถิด " เขากระทำเช่นนี้เป็นนิจกาล ครั้นถึงมรณกาลก็มาบังเกิดในสวรรค์มีบริวารมากถึงแปดหมื่นดังนี้

      องค์ที่สามนั้นก่อนหน้านี้เป็นมาณพผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงอนุราชบุรีในลังกา วันหนึ่งเขานำดอกกรรณิการ์กำหนึ่งไปยังลานพระเจดีย์อันเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุของพระศาสดา ครั้นไปถึงบริเวณลานพระเจดีย์จึงถวายดอกกรรณิการ์บูชาพระเจดีย์ด้วยความเลื่อมใส มีดวงใจเปี่ยมด้วยความปีติปราโมทย์เป็นอย่างยิ่งรำลึกไว้ในหทัยอยู่เป็นนิจ ครั้นสิ้นบุญวาสนาในโลกมนุษย์ก็ได้มาเกิดเป็นเทพบุตรองค์นี้มีบริวารถึงเก้าหมื่นด้วยอำนาจบุญของเขาดังนี ้

      องค์ที่สี่นี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์เป็นคนยากไร้เที่ยวเกี่ยวหญ้าขายเลี้ยงชีวิตเสมอมา ครั้นวันหนึ่งเขาไปเกี่ยวหญ้าริมหาดทรายชายฝั่งน้ำมหานที เขานี้เห็นทรายสีขาวสะอาดตาจึงกวาดทรายนั้นมารวมกันเป็นกองเข้า เขากระทำให้เป็นพระเจดีย์ทรายประดับประดาด้วยดอกไม้มีสีต่างๆดูงดงาม เสร็จแล้วเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกระทำการนมัสการกราบไหว้ระลึกถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า

      ครั้นเมื่อเขาถึงแก่กาลกิริยาก็มาบังเกิดเป็นเทพบุตรองค์นี้ มีบริวารถึงสิบหมื่นถ้วนอันล้วนเกิดแต่บุญที่เขาสร้างพระเจดีย์ทรายถวายในพระศาสนาระลึกถึงพระพุทธคุณแห่ง พระศาสดานั้นแล พระคุณเจ้า "

      ครั้นเมื่อพระมาลัยเถระได้สดับวาจาท้าวสักกบดีที่ตรัสถึงบุพกรรมของเหล่าเทพบุตรทั้งหลายได้อย่างว่องไวไม ่ติดขัดจึงสงสัยว่าทราบได้อย่างไรจึงปุจฉาไปดังนี้ " ดูกรมหาบพิตร อันว่าบุพกรรมของเทวบุตรเหล่านี้ที่กระทำไว้มหาบพิตรรู้แจ้งได้อย่างละเอียดนั้นไซร้ มหาบพิตรรู้ได้ด้วยทิพยญาณหรืออย่างใดฤา "

      ฝ่ายองค์อัมรินทราธิราชครั้นได้รับข้อปุจฉาจึงวิสัชนาแก่พระมาลัยว่า " ดูกรพระคุณเจ้า เหตุที่ข้าพระองค์ล่วงรู้ถึงบุพกรรมของเหล่าเทพบุตรเหล่านี้เพราะมีผู้บอกตามหน้าที่ ข้าพระองค์มีพระปัญจสิงขรเทพบุตรเป็นผู้กำหนดจดจารไว้ในแผ่นสุพรรณบัตรข้อกุศลผลบุญนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง สี่มีบัญชาให้เสมียนเที่ยวไปนานาประเทศ

      เมื่อประสบเหตุแห่งการทำกุศลของผู้ใดก็จดไว้นำไปส่งที่ภูมิเทวดาเจ้าที่เพื่อจักได้รายงานแก่ท้าวจตุโลกบา ล ครั้นท้าวจตุโลกบาลได้มาก็จะนำส่งให้ท้าวปัญจสิขรเทพบุตร ครั้นถึงวันอุโบสถเข้าประชุมเทวสภาก็จะนำมาบอกกล่าวให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้ทวยเทพทั้งหลายนั้นร่วมอนุโมทนายินดี ขอรับพระคุณเจ้า "

** จากคุณหนอนหนังสือ**