ลำดับนั้นยังมีเทพบุตรอีกสี่องค์พาบริวารจำนวนมากเหาะตรงมายังลานพระเจดีย์
แต่ละองค์นี้เฉิดฉายด้วยรัศมีที่เปล่งออกมาจากกายส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งลานพระเจดีย์ดังจะกลบรัศมีของทวย
เทพที่มาก่อนให้ดับสิ้นไป ท้าวสักกบดีจึงตรัสกับพระมาลัยว่า
" ดูกรพระคุณเจ้า เทพบุตรเหล่านี้หาใช่พระศรีอริยเมตไตยไม่เป็นแต่เพียงเทพบุตรสามัญ
เหตุที่มีบริวารแลรัศมีบุญญาอันสว่างไสวนั้นมาแต่บุญในเบื้องบรรพกาลของพวกเขาดังนี้
องค์แรกนั้นก่อนหน้านี้ได้บรรพชาเป็นสามเณรในพระศาสนา ตั้งมั่นอยู่ในพระไตรสรณคมณ์เป็นอันดี
มีศีลสิบสำรวมเป็นอย่างยิ่ง ปรนนิบัติพระภิกษุสงฆ์ด้วยน้ำร้อนน้ำเย็นมิได้ขาดตกบกพร่อง
ปัดกวาดวิหารลานพระเจดีย์มิได้ขาด ครั้นถึงกาลกิริยาก็มาบังเกิดเป็นเทพบุตรนี้
มีบริวารเจ็ดหมื่นด้วยผลของบุญที่เขาได้กระทำแล้วนั้น
องค์ที่สองก่อนหน้านั้นเขาเกิดอยู่ในกรุงอนุราชบุรีในลังกา ได้เป็นไวยาวัจกรแก่ภิกษุสงฆ์ในพระศาสนา
เมื่อเวลาพระภิกษุเที่ยวบิณทบาตภิกขาจารในหมู่บ้านถึงเคหสถานบ้านเรือนใด
หากเจ้าของเรือนนั้นไซร้ไม่รู้ว่าพระภิกษุมายืนอยู่หน้าบ้าน เขาก็จะทำการป่าวประกาศร้องบอกว่า "
พ่อแม่ทั้งหลายบัดนี้มีพระสาวกผู้สืบสายในพระศาสนาเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐเลิศกว่าสิ่งใดได้มาโปรดสรรพ
สัตว์แล้วในเวลานี้ ขอจงอย่ารอรีเนิ่นช้าจงรีบออกมาทำบุญทำทานโดยเร็วเถิด "
เขากระทำเช่นนี้เป็นนิจกาล ครั้นถึงมรณกาลก็มาบังเกิดในสวรรค์มีบริวารมากถึงแปดหมื่นดังนี้
องค์ที่สามนั้นก่อนหน้านี้เป็นมาณพผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงอนุราชบุรีในลังกา
วันหนึ่งเขานำดอกกรรณิการ์กำหนึ่งไปยังลานพระเจดีย์อันเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุของพระศาสดา
ครั้นไปถึงบริเวณลานพระเจดีย์จึงถวายดอกกรรณิการ์บูชาพระเจดีย์ด้วยความเลื่อมใส
มีดวงใจเปี่ยมด้วยความปีติปราโมทย์เป็นอย่างยิ่งรำลึกไว้ในหทัยอยู่เป็นนิจ
ครั้นสิ้นบุญวาสนาในโลกมนุษย์ก็ได้มาเกิดเป็นเทพบุตรองค์นี้มีบริวารถึงเก้าหมื่นด้วยอำนาจบุญของเขาดังนี
้
องค์ที่สี่นี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์เป็นคนยากไร้เที่ยวเกี่ยวหญ้าขายเลี้ยงชีวิตเสมอมา
ครั้นวันหนึ่งเขาไปเกี่ยวหญ้าริมหาดทรายชายฝั่งน้ำมหานที
เขานี้เห็นทรายสีขาวสะอาดตาจึงกวาดทรายนั้นมารวมกันเป็นกองเข้า
เขากระทำให้เป็นพระเจดีย์ทรายประดับประดาด้วยดอกไม้มีสีต่างๆดูงดงาม
เสร็จแล้วเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกระทำการนมัสการกราบไหว้ระลึกถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า
ครั้นเมื่อเขาถึงแก่กาลกิริยาก็มาบังเกิดเป็นเทพบุตรองค์นี้
มีบริวารถึงสิบหมื่นถ้วนอันล้วนเกิดแต่บุญที่เขาสร้างพระเจดีย์ทรายถวายในพระศาสนาระลึกถึงพระพุทธคุณแห่ง
พระศาสดานั้นแล พระคุณเจ้า "
ครั้นเมื่อพระมาลัยเถระได้สดับวาจาท้าวสักกบดีที่ตรัสถึงบุพกรรมของเหล่าเทพบุตรทั้งหลายได้อย่างว่องไวไม
่ติดขัดจึงสงสัยว่าทราบได้อย่างไรจึงปุจฉาไปดังนี้ " ดูกรมหาบพิตร
อันว่าบุพกรรมของเทวบุตรเหล่านี้ที่กระทำไว้มหาบพิตรรู้แจ้งได้อย่างละเอียดนั้นไซร้
มหาบพิตรรู้ได้ด้วยทิพยญาณหรืออย่างใดฤา "
ฝ่ายองค์อัมรินทราธิราชครั้นได้รับข้อปุจฉาจึงวิสัชนาแก่พระมาลัยว่า " ดูกรพระคุณเจ้า
เหตุที่ข้าพระองค์ล่วงรู้ถึงบุพกรรมของเหล่าเทพบุตรเหล่านี้เพราะมีผู้บอกตามหน้าที่
ข้าพระองค์มีพระปัญจสิงขรเทพบุตรเป็นผู้กำหนดจดจารไว้ในแผ่นสุพรรณบัตรข้อกุศลผลบุญนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง
สี่มีบัญชาให้เสมียนเที่ยวไปนานาประเทศ
เมื่อประสบเหตุแห่งการทำกุศลของผู้ใดก็จดไว้นำไปส่งที่ภูมิเทวดาเจ้าที่เพื่อจักได้รายงานแก่ท้าวจตุโลกบา
ล ครั้นท้าวจตุโลกบาลได้มาก็จะนำส่งให้ท้าวปัญจสิขรเทพบุตร
ครั้นถึงวันอุโบสถเข้าประชุมเทวสภาก็จะนำมาบอกกล่าวให้ทราบโดยทั่วกัน
เพื่อให้ทวยเทพทั้งหลายนั้นร่วมอนุโมทนายินดี ขอรับพระคุณเจ้า "