สิ้นพระศาสนาเข้าสู่กลียุค

      เมื่อพระศรีอริยเมตไตยได้ฟังปุจฉาของพระมาลัยเถระถามถึงเรื่องการจะมาตรัสรู้ของพระองค์ในอนาคตกาลข้างหน้า จึงมีพระวิสัชนาดำรัสตรัสว่า " อีกไม่นานดอกพระคุณเจ้า เมื่อครบถ้วนห้าพันปีสิ้นศาสนาของพระพุทธโคดมแล้ว

     ครั้งนั้นพวกสัตว์ทั้งหลายจะหน้ามืดตามัวประพฤติชั่วไม่รู้จักทำบุญกุศลสุจริต มีแต่จะคิดกระทำกรรมอันบาปหนาหยาบช้า ขาดหิริโอตตัปปะมิรู้จักละอายต่อบาปกรรม แม่กับลูกจะอยู่กินด้วยกันเป็นสามีภรรยา พี่สาวกับน้องชาย พี่ชายกับน้องสาว พี่ป้าน้าอาลุงหลานก็จะสมสู่อยู่กินกันเป็นสามีภรรยามิรู้ว่าลูกเขาเมียใคร เมามัวในกามา ใจบาปหยาบช้าเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ประพฤติชั่วนานานัปการอันล่วงละเมิดศีลห้า ด้วยว่ามิมีผู้ใดจะดำรงทรงจำไว้ได้พระสัจธรรมเสื่อมหาย พระสงฆ์ทั้งหลายคนก็มิรู้จัก ด้วยมักละเมิดพระวินัยบัญญัติตัดนั่นเติมนี่ในที่สุดก็มีความประพฤติดังเช่นฆราวาสผู้ครองเรือน ผ้าเหลืองแปดเปื้อนเป็นมลทินจึงเปลื้องออก ครั้นเมื่อมีกิจทางศาสนาจึงนำมาห่มคลุมเพื่อหากิน

     ในที่สุดก็ลืมสื้นในวิธีการครองผ้าจึงฉีกบางส่วนออกมามัดไว้ที่คอ ข้อมือเพื่อหมายให้รู้ว่ามีอาชีพเป็นนักบวช ครั้นนานเข้าก็ขาดเปื่อยไปสิ้นคิดขี้เกียจสรรหามาใหม่ในที่สุดแล้วไซร้ก็หมดซึ่งสีของผ้ากาสาวพัสตร์ ความชั่วกำเริบหนักหนาอายุของสรรพสัตว์ก็จะลดน้อยถอยลงตราบจนเหลือ ๑๐ ปี เด็กเกิดมาได้เพียง ๕ ปี ก็มีระดูแต่งงานได้ อาหารทั้งหลายจะถอยถดหมดลงไป

     ข้างฝ่ายเทพยดาพากันเอ็นดูหมู่สัตว์มีวิบากทั้งหลายก็จำแลงแปลงกายเป็นคนเสียสติบ้านุ่งผ้าแดงร้องบอกแก่สรรพสัตว์กลางตลาดร้านถิ่นว่าจักเกิดมิคสัญญีว่าวันนั้นคืนนั้นจะมีการเข่นฆ่ากัน โดยบอกก่อนล่วงหน้าเป็นเวลา ๗ วัน ผู้ใดมีคุณธรรมแลสติปัญญาก็พากันจดจำหลีกหนีไปเสียได้เพียงแต่เล็กน้อย เข้าไปคอยอาศัยอยู่ในถ้ำภูผากลางป่าเขา เหลือแต่เหล่าพวกหยาบช้าพากันไม่เชื่อถือในคำพูดของเทพยดาก็พากันเยาะเย้ยถากถางเข้ารุมกระทำอันตรายหมายจะเข่นฆ่า เทพยดาเจ้าก็เร้นกายหายวับกลับวิมานอันเป็นสถานที่อยู่แห่งตน

     ครั้นเมื่อถึงวันกำหนดคนทั้งหลายพากันหิวกระหายออกหากินเป็นปกติวิสัย ครั้นเห็นหน้ากันไซร้ก็เข้าใจว่าเป็นเนื้อเป็นปลา จับอะไรได้เป็นต้นว่าท่อนไม้ผุก็กลับกลายเป็นหอกดาบอาวุธศาสตรา เข้าทำการเข่นฆ่าไล่ทิ่มแทงกันจนล้มตายเป็นอันมากเหลือจะประมาณได้กลายเป็นมิคสัญญีกลียุควุ่นวายเป็นหนักหนาจนเข่นฆ่ากันหมดสิ้น

     ข้างฝ่ายพวกที่มีสติปัญญาวิชาความรู้ซ้อนเร้นอยู่ตามเถื่อนถ้ำเงื้อมผาป่าดงลึกสุด ครั้นเมื่อมนุษย์บ้าดีเดือดทั้งหลายฆ่าฟันกันจนหมดสิ้น ก็พากันออกจากที่ซ่อนกำบัง ครั้นมาพบกันเข้าก็ดีใจเหลือกำลังสวมกอดกันเข้าว่าเรานี้หนายังมีสหายรอดตายเหลืออยู่ ต่างก็พากันปรึกษาหารือกันว่า

     อันความฉิบหายที่เกิดแก่พวกเราในครั้งนี้ก็เพราะมีความประมาทพลาดพลั้งในกรรมดี มีแต่ก่อบาปหยาบช้าเป็นส่วนใหญ่ แต่นี้ต่อไปในเบื้องหน้าพวกเราจงอุตส่าห์กระทำแต่กรรมดีมีศีลธรรมเว้นจากการฆ่าสัตว์ ประหัตประหารกัน เว้นเสียจากการลักขโมยฉ้อฉลหลอกลวงกัน เว้นเสียจากการผิดลูกผิดเมียไม่มัวเมาในกาเมมิจฉาจารปราศจากการพูดเท็จ งดเว้นจาการพูดคำหยาบช้า ไม่พูดจาส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ เว้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นที่ผิดจากธรรมนองคลองธรรม เมื่อคนมีสติปัญญาปรึกษากันแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญบุญกุศลมีให้ทานรักษาศีลเป็นต้น

     ครั้นคนเหล่านี้มีลูกหลานสืบสายตระกูล ลูกก็จะอายุยืนได้ ๓ ปี มีหลานหลานก็อายุยืนขึ้นเป็น ๕ ปี จะเจริญไปดังนี้เป็นลำดับ ตราบเท่าอายุมนุษย์เจริญได้ถึงอสงไขยหนึ่งความแก่แลความตายไม่ปรากฏให้เห็นซึ่งหน้า ครานี้มนุษย์ก็จะมีความประมาทไม่ตั้งมั่นในความดี อายุของเขาเหล่านี้ก็จะเสื่อมถอยลงมาเป็นลำดับดังนี้ เหลือเพียงแปดหมื่นปีครานี้ก็จักเข้าสู่ยุคของข้าพระองค์ ขอรับพระคุณเจ้า "

** จากคุณหนอนหนังสือ**