ครั้นแล้ว โดยไม่มีใครนึกฝันว่าเหตุการณ์ที่เปลี่ยนจากร้ายกลายมาเป็นดีแล้วนั้น จะย้อนกลับมาเป็นร้าย และร้ายยิ่งกว่าเดิมอีก พอข้าวปลาอาหารเหล่านั้นถูกเคี้ยวกลืนเข้าไปในท้องเพียงครู่เดียว ก็กลับกลายเป็นก้อนเหล็กแดงไหม้ เอาไส้พุงขาดกระจุยกระจายออกมา ท่ามกลางความเจ็บปวดและร้องครวญคราง อย่างสุดเสียงของพวกมัน จนในที่สุดต่างก็หงายตึงลงฟาดพื้นสิ้นใจไป อย่างน่าสมเพทเวทนา ทิ้งไว้แต่ชามข้าวที่พึ่งจะกินเข้าไปไม่ทันไร

       นี่เอง ความเมตตาปรานีที่เอิบอาบซ่านใจ ซึ่งพวกมันคิดว่าได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความจริง มันเป็นการใช้ไม้นวม เพื่อหลอกให้พวกมันกินข้าวปลาอาหารเข้าไป จะได้ไหม้ไส้พุงแตกทลายออกมา ตามความประสงค์ของยมพบาลโดยแท้

       "ทำไมท่านโหดร้ายอย่างนั้นเล่า ยมพบาล?" พระมาลัยท้วง "ท่านรู้ว่าอาหารเหล่านี้เป็นก้อนเหล็กแดง ยังอุตส่าห์หลอกให้พวกนี้กินเข้าไปได้?"

       "มิใช่ข้าพเจ้าหลอกพวกเขาดอกขอรับ" ยมพบาลตอบ "กรรมแต่ชาติก่อนต่างหากหลอกพวกเขา-ชาติก่อนนี้ พวกเขาเป็นข้าราชการ ทำงานเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน แต่กลับทุจริตคิดมิชอบ ฉ้อฉลเอาทรัพย์สินตลอดจนข้าวปลาอาหาร จากประชาชน มาบำรุงกระเพาะตนเอง โดยมิได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของใคร เขาถือว่ายังไง ขอให้เราได้กินอิ่มไปตลอดชาติก็แล้วกัน ในที่สุดเลยต้องมาอดอยากปากแห้ง มองเห็นก้อนเหล็กแดงเป็นอาหารโอชะไปเช่นนี้แหละ พระคุณเจ้า"

       ยมพบาลพูดจบ ก็รีบพาพระเถระเดินออกจากที่นั่นไปทันที ไม่ยอมให้ท่านได้ถามอะไรอีกต่อไป เพราะเวลามีน้องเกรงจะไปไม่ทั่ว

       ไม่ช้าก็มาถึงสวนใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยต้นมะม่วงนานาชนิด และต้นสูงใหญ่ และดกหนกด้วยกิ่งใบ ต่างกับมะม่วงธรรมดา เรียงรายเป็นทิวแถว ยาวสุดลูกหูลูกตา อยู่ในอาณาบริเวณอันโล่งเตียน เป็นระเบียบสวยงาม ราวกับผู้หนึ่งผู้ใดมาตกแต่งไว้ และไม่ผิดอะไรกับสวนมะม่วงของพระราชามหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองมนุษย์โดยแท้

       และนอกไปกว่านั้น ทั่วกิ่งใบมะม่วงทุกต้น กำลังสะพรั่งด้วยผลอันสุกงอม แต่ละลูกมีขนาดเท่าฟักแฟงแตงไทยของเรา และส่งกลิ่นหอมน่ากินมากทีเดียว

       ในฉับพลันที่ยมพบาลพระเถระไปถึงนั่นเอง ก็มีสัตว์นรกกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาทางเบื้องหน้า ด้วยกิริยาท่าทางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี รายกับมันวิ่งเข้ามาเห็นป่า ยิ่งกว่านั้น พวกเขายิ่งส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมาแต่ไกล

       "สบายแล้ว พวกเรา ที่นี่เป็นสวนมะม่วงดังที่คิดไว้จริงๆ แหม! มันกว้างใหญ่ร่มรื่นเหลือเกิน และโอ! ต้นมะม่วงเหล่านี้กำลังมีลูกสุกงอมเสียด้วยสิ คราวนี้ต้องฟาดให้หมดทั้งสอนเลย มาพวกเราเร็วเข้า"

       และโดยไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไป พวกมันต่างพากันปีนป่ายขึ้นต้นมะม่วงหมายเขย่าผล ให้หล่นร่วงลงมา จะได้เก็บกินให้สมใจ และสมกับความหิวกระหาย ที่กำลังทวีความรุนแรงหนักขึ้นอยู่ในขณะนี้

       แต่ยังมิทันที่จะได้ถึงคาคบ ก็บังเกิดมีลมพัดแรงขึ้นอย่างกำหนด หมายไม่ได้ว่ามาจากทิศทางใด มันพัดมาต้องใบมะม่วงทั้งหลายให้ร่วงหล่นลงมา กลับกลายเป็นหอกดาบอันคมกล้า พุ่งลงมาเสียบหน้าเสียบหลังสัตว์นรกพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ราวกับห่าฝน

        ยังผลให้พวกมันหกคะเมนลงมาสู่ภาคพื้น พร้อมทั้งส่งเสียงร้องลั่น ด้วยความเจ็บปวด ตัวไหนที่ยังไม่ขาดใจ พอทรงกายลุกขึ้นได้ ก็พยายามตะเกียกตะกายหนีอย่างสุดแรง บางตัวที่ยังมีแรงมากกว่าเพื่อนหน่อย ก็ร้องตะโกนมาบอกพรรคพวก ซึ่งอยู่เบื้องหลังว่า "หนีเร็ว พวกเรา ไอ้ใบมะม่วงนี่ กลายเป็นหอกดาบเล่นงานเราเสียแล้ว เร็วหนีเร็ว"

       ปากตะโกนพลาง เท้าจ้ำอ้าวกลับไปตามทางที่เข้ามา หมายจะให้พ้นจากสวนมะม่วงอุบาทว์นี้โดยเร็วที่สุด ฝ่ายพรรคพวกผู้อยู่เบื้องหลังที่ยังไม่ได้สติสตัง พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบถลันลุกพรวดพราดวิ่งตามมา บางตัวแม้จะแขนขาดด้วนไป เพราะหอกดาบแล่นมาต้อง แต่ก็ยังพยายามยันกายวิ่งมาด้วย

       อย่างไรก็ดี ยังมิทันที่สัตว์นรกผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นจะพ้นไปจากสวน ในขณะนั้น บังเกิดมีกำแพงเหล็กใหญ่ลุกโชนด้วยเปลวไป ผุดขึ้นมาจากพื้นดินขวางหน้า พวกมันไว้อย่างฉับพลัน ไม่ผิดอะไรกับฝูงสัตว์น้อยใหญ่ ในป่าที่ถูกนายพรานผู้ฉลาด สกัดกั้นการหนีของพวกมันไว้ด้วยวิธีเผาป่า ให้ลุกลามขึ้นข้างหน้า ในขณะที่ให้พวกของตนคนหนึ่งคนใดไล่ยิงมาฉะนั้น

       หมดสิ้นกันที สำหรับหนทางจะวิ่งหนีไป ครั้นจะย้อนกลับมาอีก หอกดาบก็ยังพุ่งตามมาราวกับห่าฝน ดูเหมือนชั่วขณะนั้น เหล่าสัตว์นรกผู้น่าสงสารจะมองไม่เห็นวิธีใด ดีไปกว่าการตะเกียกตะกายเลียบไปตามกำแพงเหล็กมหึมานั้นต่อไป เพื่อบางทีจะได้พบช่องทาง พอโผล่พ้นออกไปจากสวนมะม่วงอุบาทว์นี้บ้าง แม้ว่า ความยาวของกำแพงจะเหยียดยาวออกไปจนสุดลูกหูลูกตา และมองหาที่สุดไม่ห็นก็ตามที

       แต่ฉับพลันนั้นเอง เหตุการณ์ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นแล้ว ก็อุบัติขึ้น สุนัขตัวใหญ่ขนาดเท่าช้างสาร มีเขี้ยวยาวโง้งออกมาจากปาก นัยน์ตาทั้งสองโตเท่าไข่ห่านนั้น ลุกวาวอย่างน่ากลัว ๕ ตัวพอดิพอดี วิ่งมาจากทิศทางใดไม่ทันเห็น

       และทั้งหมดทะยานเข้าใส่สัตว์นรกพวกนั้น เหมือนเสือร้าย ที่กำลังกระหายหิว ต่างตัวต่างกระโดยเข้าขย้ำค้ำคอเหยื่อของมันให้ด่าวดิ้นลงสู่ภาคพื้น และกัดกินเลือดเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย ท่างกลางเสียงร้องโอดโอย และพยายามดิ้นรนทุรนทุราย หนีพวกสัตว์นรกอย่างสุดแรงเกิด

       ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาต่อมาไม่ถึงอึดใจ ยังมิทันที่สุนัขพวกนั้นจะกินอิ่ม ก็มีแร้งใหญ่ขนาดเท่าเรือนเกวียนโถมถลาลงมาจากอากาศ ขับไล่สุนัขทั้งหมด ให้หนีไป แล้วจิกทิ้งกินเนื้องสัตว์นรกเหล่านั้นจนเหลือแต่กระดูกในพริบตา

       "ที่นี่มีชื่อว่า  แดนหอกดาบร่วง  ขอรับ พระคุณเจ้า" ยมพบาลสาธยาย "สัตว์นรกต้องมาเสวยทุกข์ทรมาณอยู่ในดินแดนนี้ แต่ชาติก่อนได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยการเป็นพลานล่าเนื้อ ไล่ต้อน ทิ่มแทงสัตว์อื่น ด้วยหอก และเอาไฟเผาป่า ครอกสัตว์ตายอย่างทารุณโหดร้าย พระคุณเจ้า"

       "แหม! น่าอัศจรรย์แท้" พระมาลัยพึมพำเบาๆ

       "ยังมีที่น่าอัศจรรย์กว่านี้มากขอรับ นิมนต์ตามข้าพเจ้ามาเถอะ ข้าพเจ้าจะพาไปดู" ว่าพลางยมพบาลก็รีบเดิน ออกหน้าพระเถระไปยังแดนอื่นโดยไม่รอช้า

       ต่อมา ก็มาถึงที่โล่งแห่งหนึ่ง ซึ่งแลเห็นแม่น้ำเหยียดยาวขวางกั้น เป็นเส้นขนานอยู่เบื้องหน้า ทั้งสองฟากฝั่งมีเครือหวายอันใหญ่มหึมา เท่าต้นมะพร้าวขนาดเขื่องขึ้นสลับซับซ้อน และเกี่ยวพันกันเต็มไปหมด แทบจะไม่มีเถาวัลย์ หรือ พันธุ์ไม้ใดๆเจือปน ราวกับมีคนหนึ่งคนใด จงใจมาปลูกไว้ฉะนั้น

** มีต่อ ๕**