ภายในหลุมคูถแต่ละแห่ง มีหนอนตัวใหญ่เท่าช้าง แหวกว่ายกันเป็นหมู่ๆ อยู่ในหลุมนั้น ต่างตัวต่างคอยจ้อง ปากที่แหลมดังเข็ม คอยเหยื่ออย่างหิวกระหายตลอดเวลา พอเหล่าผู้คุม จับสัตว์นรกโยนทิ้งลงไป พวกมันก็กรูกันเข้ารุมล้อมกัดกินเนื้อสัตว์นรกเป็นการใหญ่ ตัวไหนที่ฉลาดว่องไวกว่าเพื่อน ก็ล้วงเข้าไปในปาก ทึ้งตับไตไส้พุงออกมากินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเนื้อตัวหมดตับไตไส้พุง ก็ฟาดกระดูกเข้าอีก จนราบเรียบไม่มีเหลือหรอ

       ไม่มีหนอนที่ไหนจะร้ายเท่านี้!

       ต่อจากนั้น ยมพบาลก็พาพระเถระมาดูหม้อกระทะเหล็กอันใหญ่เท่าภูเขาลูกมหึมา ซึ่งกำลังตั้งเดือดพล่านอยู่บนเตาไฟ เหล่าสัตว์นรกผู้เป็นเชลยกรรม ต่างถูกจับโยนลงในกระทะเหล็กนั้น ไปด่าวดิ้นปลิ้นไป อยู่ในน้ำร้อน ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ถูกโยนในหม้อนน้ำร้อนทั้งเป็น

       ที่นี่มีชื่อเรียกว่า  โลหะกุมภี  หรือเรียกง่ายๆว่า  แดนกระทะเหล็ก  ผู้ที่ชอบลักลอบข่มขืนลูกเมียเขาโดยไม่เลือกหน้า มักจะมาเสวยกรรมอยู่ ณ โลหะกุมภีนี้ทั้งนั้น

       ถัดจากโลหะกุมภีนี้ไปเพียงเล็กน้อย ก็เป็น  แดนกระทะทองแดง  ซึ่งแดนนี้นอกจากจะมีหม้อกระทะใบใหญ่ต้มน้ำทองแดง และแทรกด้วยก้อนกรวดเหล็กเดือดพล่านอยู่บนเตาไป เช่นเดียวกับโลหะกุมภีแล้ว ณ ภาคพื้นตรงหน้า ยังมีแผ่นเหล็กหนา กำลังลุกโชนด้วยเปลวไฟติดไว้เป็นแท่น ที่สำหรับจับสัตว์นรก มานอนหงายแล้วตักน้ำทองแดงในกระทะ มากรอกปาก ให้ปากคอและท้องไส้ ถูกเผาไหม้แตกพังทลายตายไปในที่สุด

       แดนกระทะทองแดงนี้ เป็นแหล่งลงโทษนักดื่มเหล้าคอทองแดงทั้งหลาย พวกที่เช้าเมาเย็นเมา ระวังไว้ให้ดีเถอะ ตายไป จะถูกนำตัวไปนอนหงายกรอกน้ำทองแดง ณ แดนนี้จนได้

       และทันทีที่เดินผ่านหม้อกระทะทองแดงนั้นไป ก็มาถึงป่างิ้วใหญ่ ซึ่งมีต้นงิ้วสูงยิ่งกว่าต้นไม้ใด ในเมืองมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละต้นมีหนามแหลมคม เป็นเหล็กยาวชี้ออกมา พร้อมด้วยเปลวไฟติดโชนอยู่ทั่วทุกอัน

       นี่คือ  ดงต้นงิ้ว  ที่บรรดาชายหญิง ผู้ไม่รู้จักอิ่มในรสสวาท เที่ยวนอกใจผัวนอกใจเมีย ไปเสพสุขกับคนที่เขามีเจ้าของอื่นๆ พากันกลัวนักกลัวหนา ถึงกับบางคน ก่อนจะตาย ได้สั่งให้ญาติเอาขวานใหญ่ใส่ในโลง จะได้เอาขวานนั้นไปโค่นต้นงิ้วในเมืองนรกเสียนั่นเอง

       พอดีขณะนั้น ผู้คุมในแดนนี้ กำลังไล่ให้สัตว์นรกตัวเมีย ป่ายปีนขึ้นไปตามความสูงลิบลิ่ว ของต้นงิ้วนั้น และไล่ตัวผู้ขึ้นตามไป ครั้นขัดขืนก็เอาหอกแทงส่งขึ้นไป ทั้งตัวเมียตัวผู้ถูกหนามงิ้วทิ่มแทงทั่วร่าง ร้องเจ็บปวดครวญครางออกมาไม่ขาดระยะ

       แต่ดูเหมือนจะยิ่งร้องครวญครางเท่าใด เหล่าผู้คุมก็ส่งขึ้นไปด้วยหอกคู่มือเท่านั้น และพอแข็งจิตแข็งใจขึ้นไปได้ครึ่งต้น ก็มีกาปากเหล็กตัวใหญ่ โผถลาเข้ามาจิกเนื้อกินเป็นพัลวัน ทั้งตัวเมียและตัวผู้ต่างก็สู้ทนความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหว เลยปล่อยร่างหงายผึ่งลงมาสิ้นใจอยู่เบื้องล่าง

       ทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะอวสานเพียงแค่นั้น แต่ในทันทีนั้นเอง มีสุนัขตัวใหญ่เท่าช้างหลายต่อหลายตัว ซึ่งคอยทีอยู่เบื้องล่าง พอเห็นร่างของสัตว์นรกเหล่านั้นหงายผึ่งลงมา ก็โจนฟัดเนื้อหนังกิน จนเหลือแค่กระดูก

       ความจริง อันรสสวาทนั้นจะก่อให้เกิดความชื่นมื่นได้ก็เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่ทว่า หากเป็นการละเมิดต่อ "ของต้องห้าม" ผลลัพธ์ของมันช่างสยดสยองเสียจนเทียบกันไม่ติดเลยจริงๆ

       เมื่อออกจากป่างิ้วแล้ว ยมพบาลก็พาพระเถระมาดูพวกผีดิบ ที่ถูกขังอยู่ภายในอาณาบริเวณ ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กใหญ่หนา และมีเปลวไฟลุกโชนติดไปโดยตลอด

       อันผีดิบพวกนี้ มีรูปร่างผอมกระหร่อง แลเห็นซี่โครงเป็นแถบๆ พวกมันมีเล็บมือเล็บเท้าเป็นดาบ เป็นจอบเสียมอันคมกล้า กำลังก้มหน้าก้มตาถากเนื้อหนังของมันกินเป็นอาหารอย่างน่าเวทนา บางตัวหมดเนื้อหนังที่จะถากกิน ก็จัดแจงงัดกระดูกซี่โครงของมันมาทดแทน แก้ความกระหายหิวต่อไปโดยไม่ยอมอดตาย แต่วาระสุดท้าย มันก็ต้องพาร่างฟาดตึงลงสิ้นใจจนได้

       ยังมีอีกพวกหนึ่ง ซึ่งพวกนี้มีเพียงนิ้วมือเป็นหอกดาบอย่างเดียว แต่ดูเหมือนจะร้ายยิ่งกว่าพวกก่อนเป็นไหนๆ โดยมิได้ใช้น้ำมือที่เป็นหอกดาบนั้นถากเนื้อเถือหนังของตนกิน หากใช้ไล่ทิ่มแทงพรรกพวกมันเองอย่างบ้าดีเดือด และไม่ยอมนึกถึงใคร

       นอกไปกว่าความเคียดแค้นต่อกันและกัน ซึ่งไม่ทราบมีมาแต่ปางใด พอเห็นหน้ากันเข้า ก็โจนเข้าใส่กันทันทีทันใด ราวกับพวกเจ้ายุทธจักรในหนังกำลังภายใจยังไงยังงั้น ที่ตายก็ตายไป แต่ที่ยังอยู่ก็ต้องเป็นศัตรูคอยสังหารผลาญชีวากันต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด นี่เขาเรียกว่า ผีดิบอันธพาล ล่ะ

       กล่าวกันว่า สัตว์นรกพวกนี้ เมื่อชาติปางก่อนเป็นอันธพาล คอยเกะกะรังควาน ความสุขสงบของชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา ครั้นตายจึงถูกส่งมาเป็นอันธพาล ณ แดนแห่งนี้

       อีกแดนหนึ่งซึ่งอยู่ถัดไปอีกไม่เท่าไร แดนนี้ทั้งลึกทั้งกว้าง มีกำแพงล้อมรอบถึงสองชั้น ชั้นนอกเป็นกำแพงเหล็กอย่างที่ผ่านมา แต่ชั้นในเป็นภูเขาเหล็กใหญ่ ลุกโชนด้วยเปลวไฟ และบนพื้นแผ่นเหล็กเหล่านั้น มีขวากเหล็กแหลมปักเรียงรายอยู่เต็ม พอสัตว์นรกถูกไล่หนีขึ้นไปบนภูเขานั้น ก็มีลมกรดพดขวากเหล็กมาเสียบหน้าเสียบหลังของพวกมัน ล้มตายกันเกลื่อนกลาด ไม่มีทางใด จะรอดพ้นไปได้แม้แต่ตัวเดียว

       แดนประหารแหล่งสุดท้าย ใหญ่กว่าทุกแดนในนรก ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กเป็นเปลวไฟ และภายใน มีเปลวไฟ ลุกไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน ทนได้ก็ทนไป หารทนไม่ไหว ก็ตายไปเท่านั้นเอง

       "พระคุณเจ้าขอรับ ที่นี่แหละ คือ  โลกันตนรก  หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า  อเวจี ล่ะ"  ยมพบาลเอ่ยขึ้นภายหลังที่พระมาลัย ตระเวณดูทั่วทุกแดนแล้ว "แดนนี้เป็นแดนที่ยิ่งใหญ่และมีความหฤโหดทารุณที่สุด พระคุณเจ้า"

       "งั้นก็เป็นแดนสุดท้ายแล้วซีท่าน?" พระเถระย้อนถาม

       "ถูกแล้วขอรับ แดนนี้เป็นแดนสุดท้าย หมดสิ้นเมืองนรกเพียงแค่นี้"

       "แหม! น่าชมมิใช่เล่นนะท่าน เออว่าแต่ นรกทั้งหมดนี่ เมื่อรวมแล้ว มีกี่แดนด้วยกัน ท่านยมพบาล?"

       "มีมากแดนเหลือเกินขอรับ เฉพาะแดนใหญ่ๆ ก็มี ๘ แดน และแต่ละแดนยังแยกออกเป็นแดนเล็กๆน้อยๆ เรียกว่า แดนบริวาร อีก ๑๖ แดน  เบ็ดเสร็จทั้งแดนเล็กแดนใหญ่ ดูเหมือนจะมีไม่น้อยกว่า ๑๓๖แดน แล้วก็ยังมีแดนปลีกย่อย สำหรับลงโทษสัตว์นรก ผู้มีโทษน้อย นับไม่ถ้วน พระคุณเจ้า"

       "แล้วทำยังไง ท่านจึงสามารถดูแลทั่วถึงได้เล่า?" พระมาลัยซักต่อไป

       "ข้าพเจ้าดูแลโดยใช้ผู้ช่วยหลายคนขอรับ พระคุณเจ้า โดยเฉพาะแดนใหญ่ๆ แต่ละแดน ข้าพเจ้ามีผู้ช่วยถึง ๔ คน รวมทั้งหมด ๓๒ คน และผู้ช่วยของข้าพเจ้าแต่ละคน มีสุวานคอยทำหน้าที่ จดรายงานถึง ๔ คนด้วยกัน รวมแล้ว มีสุวานถึง ๑๒๘ คน"

       "หมายความว่า ผู้ช่วยของท่านทุกคน ต้องคอยรายงานการลงโทษสัตว์นรก ผู้มีกรรมให้ท่านทราบอยู่เสมอยังงั้นหรือ?"

       "ถูกแล้วขอรับ พระคุณเจ้า และโดยรายงานของผู้ช่วยพวกนี้แหละ ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่า คนไหนได้รับโทษครบถ้วนตามกรรมที่ตนทำไว้หรือยัง? หรือว่ายังมีเศษกรรมใดๆตกค้างอยู่อีก แต่หมดหน้าที่ของเมืองนรกแล้ว ข้าพเจ้าก็สั่งให้เขาไปเกิดเป็นเปรต ชดใช้หนี้กรรมนั้นต่อไปในโลกมนุษย์"

       พระคุณเจ้าจากโลกมนุษย์ ฟังยมพบาลอธิบายดังกล่าวนั้น ก็เข้าใจเป็นอันดี และครั้นจะถามต่อไปอีก ก็เห็นว่ารบกวนเจ้านรกมาพอสมควรแล้ว จึงกล่าวขอบอกขอบใจและอำลากลับ "ไว้วันหน้า อาตมาจะมารบกวนท่านยมพบาลอีก" พระเถระกล่าวในที่สุด

       ยมพบาลกระพุ่มมือไหว้แสดงความเคารพ

       "นิมนต์ได้ทุกเมื่อขอรับ พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยต้อรับถวายคำอธิบายแก่พระคุณเจ้าด้วยความยินดีเสมอ"

       "ขอบคุณท่านมาก อาตมาลาก่อน"

       ว่าแล้ว พระเถระจากเมืองมนุษย์ ก็นั่งเข้าจตุตถฌาน แผลงฤทธิ์ชำแรกแผ่นดิน ขึ้นไปยังโลกมนุษย์ทันที

**จบตอนเยี่ยมเมืองนรก-เชิญอ่านต่อตอนเยี่ยมเมืองสวรรค์**