พระอินทร์ตรัสเล่าอัตโนประวัติ

   เมื่อพระมาลัยเถระเจ้าได้สดับพระอินทร์เล่าพรรณนาถึงความเป็นมาของดาวดึงสวรรค์ก็อัศจรรย์ใจกล่าวว่า " อโห! มหาบพิตร อาตมานี้จักใคร่ทราบอดีตชาติปางหลังของท่านว่าทำการกุศลอื่นใดนอกจากวัตตบท ๗ ประการ อันเป็นเหตุที่มาแห่งทิพยสมบัตินี้ แลยังทราบว่ามีช้างเอราวัณอีกด้วยเล่าชาวสวรรค์มีสัตว์ด้วยหรืออย่างไร "

   ครานั้นองค์อัมรินทราธิราชท้าวเธอก็ประกาศเล่าถึงอดีตชาติแห่งตนแต่หนหลังว่า " เมื่อข้าพเจ้าเป็นมนุษย์นั้นโลกยังว่าจากพระศาสนามีชื่อว่า มฆมาณพ ได้ชักชวนสหาย ๓๒ คน ทำถนน สร้างศาลา ขุดสระปลูกต้นไม้ใหญ่ ภายใต้สร้างแท่นศิลา เพื่อว่าคนเดินผ่านไปมาจะได้อาศัยโดยสะดวก กุศลที่สร้างศาลาจึงทำให้มีมหาปราสาทไพชยนต์วิมานอันงดงามนี้ อานิสงส์ปลูกต้นไม้ทำให้มีต้นปาริชาต

   อานิสงค์สร้างแท่นศิลานั้นทำให้มีแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ส่วนภริยาทั้งสี่นางนั้นก็มีน้ำใจเลื่อมใสเป็นอันดี นางสุจิตราปลูกสวนดอกไม้ข้างอาศรมศาลา นางสุนันทาขุดสระไว้สำหรับให้ผู้คนชนเดินทางสัญจรไปมาเมื่อได้พักศาลาได้ลงอาบชำระร่างกายให้สำราญอุรา

   นางสุธรรมาได้สร้างช่อฟ้าเติมแต่งศาลาให้งดงามทำป้ายชื่อว่า ศาลาสุธรรมา นางสุชาดารักษาศีลโดยเคร่งครัด ครั้นเมื่อทำกาลกิริยาจึงมาบังเกิดเสวยทิพยสมบัติร่วมกันกับข้าพระองค์ อานิสงส์ของนางสุจิตราจึงได้มาซึ่งสวนอันชื่อว่า จิตรลดา กว้างยาง ๕๐๐ โยชน์ ด้วยกุศลอันปลูกต้นไม้ดอกไม้นั้น นางสุนันทามีสระโบกขรณีมีขนาดกว้างยาวได้ ๕๐๐ โยชน์ ด้วยกุศลอันขุดสระให้มหาชนได้ใช้สอย นางสุธรรมามีศาลาหลังใหญ่ใช้เป็นที่ประชุมของเทวดา ชื่อศาลาสุธรรมา ด้วยกุศลที่สร้างช่อฟ้าจารึกชื่อมาสมทบ

   อันว่าช้างเอราวัณนั้นปัจจุบันเป็นเทพบุตร ด้วยกุศลผลบุญที่กระทำร่วมกันมา ด้วยว่าช้างตัวนี้มีจิตเลื่อมใสในการกุศล เมื่อครั้งสร้างศาลาข้าพระองค์ก็ได้ใช้ลากไม้มาสร้างศาลาจนแล้วเสร็จ โดยกำหนดว่าในศาลาปูไม้กระดาน ๓๓ แผ่น แต่ละแผ่นมีเจ้าของคือของข้าพระองค์กับสหาย

   ข้าพระองค์จึงสั่งไว้ว่าถ้าชนผู้ใดมาขึ้นนั่งในศาลาบนแผ่นไม้กระดานของผู้ใด ก็จักให้ช้างเชือกนี้เป็นผู้พาไปยังบ้านของผู้นั้น ให้เจ้าของบ้านได้ทำการเลี้ยงดูจนอิ่มหนำสำราญ ช้างตัวนี้กระทำอยู่ดังนั้นเป็นนิจตราบจนสิ้นอายุขัย ครั้นตายลงก็ตรงมาเกิดเป็นเทพบุตรพร้อมกับพวกข้าพระองค์และสหาย มีวิมานอยู่สุขสบายตามกำลังแห่งกุศลผลทานที่ได้กระทำมา

   หากแต่เวลาข้าพระองค์จักเสด็จไปทางใด เอราวัณเทพบุตรนี้ไซร้จะเนรมิตกายให้เป็นช้างสูงใหญ่ได้ หนึ่งล้านสองแสนวา หากว่าไปพร้อมกันทั้ง ๓๓ องค์ ช้างนี้ก็จักเนรมิตเศียรขึ้น ๓๓ เศียร ให้ข้าพระองค์นี้นั่งตรงกลางที่เหลือทั้งสองฟากข้างจึงเป็นของเหล่าเทวสหาย หากเสด็จไปผู้เดียวไซร้จักลดลงเหลือ ๓ เศียร

   อันช้างนี้มี ๓๓ เศียร เศียรละ ๗ งา แต่ละงายาวถึง สี่แสนวา ภายในมีสระโบกขรณีอยู่ ๗ สระ แต่ละสระมีกอบัวอยู่ ๗ กอ แต่ละกอบัวมีดอกอยู่ ๗ ดอก แต่ละดอกมีอยู่ ๗ นางฟ้า แต่ละนางฟ้านั้นมีนางบริวารอยู ๗ นางจับระบำรำฟ้อนอยู่เป็นที่ครึกครื้นโกลาหลเป็นยิ่งนักพระคุณเจ้า "

   ครั้นเมื่อพระมาลัยเถระเจ้าสดับรับทราบแจ้งถ้วนกระบวนความแล้วจึงปรารภถึงพระศรีอาริยเมตไตรบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งเรานี้ว่าท้าวสักกบดีรู้เห็นบ้างหรือไม่ ท้าวอัมรินทราธิราชวิสัชนาว่า " ดูกรพระคุณเจ้า อันสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์เจ้าพระศรีอาริยเมตไตรหน่อพุทธางกูรนี้ทุกทีจะเสด็จมานมัสการพระจุฬามณีเดือนหนึ่งมี ๓ หน คือวันธรรมสวนะ ๘ ค่ำหนึ่งหน ๑๔ ค่ำหนึ่งหน แล ๑๕ ค่ำหนึ่งหน แต่วันนี้ยังหาถึงเวลาที่พระองค์ท่านจะเสด็จไม่ ขอนิมนต์ให้พระคุณเจ้ารออยู่อีกสักครู่เถิด "

** จากคุณหนอนหนังสือ**