มาณพเข็ญใจถวายดอกบัว
        วันหนึ่งพระมาลัยออกจาริกภึกขาจารเพื่อโปรดสัตว์ตามพุทธประเพณี ณ บ้านกัมโพชคามตามปกติ ลำดับนั้นยังมีมาณพเข็ญใจยากไร้ผู้หนึ่งอยู่กับมารดาด้วยบิดาถึงแก่กรรม มาณพผู้นี้ออกจากบ้านเข้าป่าหาเก็บผักหักฟืนเพื่อนำมาขายเลี้ยงชีพ

    ครั้นเมื่อเห็นว่าได้ปริมาณมากพอควรแล้วจึงเดินทางกลับ ในระหว่างทางพบสระโบกขรณีมีน้ำใสเย็นเดียรดาษด้วยเหล่ากออุบลอันชูดอกบานสะพรั่งน่ารื่นรมย์ มาณพผู้นั้นจึงลงอานน้ำให้หายคลายเหนื่อย เมื่อยล้า ครั้นขึ้นมาจึงเด็ดดอกบัวนั้นมาด้วยจำนวนแปดดอกออกเดินทางกลับ

    ในระหว่างนั้นพระมาลัยเถรเจ้ากลับจากบิณฑบาตออกจากหมู่บ้านหมายกลับยังอาวาสแห่งตนตามมรรคาวิถี มาณพหนุ่มผู้นี้เดินสวนทางมา เห็นกิริยาแห่งพระเถรเจ้าสงบสำรวมน่าเสื่อมใสจึงได้ตรงเข้าไปนมัสการแล้วถวายดอกอุบลอันตนเก็บมานั้น แล้วออกปากตั้งมโนปนิธานปรารถนาว่า

    " ดูกรพระคุณเจ้า อันตัวข้าพเจ้าเกล้ากระหม่อมฉันถวายดอกบุษบันในครั้งนี้ด้วยหวังอยากให้มั่งมีซึ่งทรัพย์สินศฤงคารอันร่ำรวยทันตาเห็น ความปราถนาของกระหม่อมฉันนั้นจักสำเร็จผลหรือไม่ "

    ครั้นพระมาลัยเถรเจ้าได้สดับตรับฟังยังมโนปนิธานของมาณพเข็ญใจผู้นั้นอันแสดงกถาปุจฉามาดังนั้น จึงเจรจาด้วยวาทีอันเอื้อเอ็นดูว่า

    " ดูกรมาณพผู้นี้ ตัวท่านมีมโนปนิธานอันพ้นวิสัย ด้วยทานที่จักให้ผลทันตาเห็นนี้มีได้เฉพาะก็ต่อเมื่อถวายแด่พระอรหันต์อันออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่เพียงเท่านั้น อันว่าอาตมาภาพนี้มิได้ออกจากนีโรธสมาบัติเห็นจักโปรดท่านให้สำเร็จผลดังปรารถนาไม่"

    มาณพเข็ญใจจึ่งย้อนปุจฉาด้วยถ้อยวาจาว่า " เกล้ากระหม่อมเคยสดับรับฟังมาว่า หากกระทำบุญกับพระอรหันต์ผลของทานย่อมบันดาลให้เกิดผลทันตาเห็นมิใช่ฤา หรือไม่เป็นดังเช่นที่เขาเล่าลือมาพระคุณเจ้า "

    พระมาลัยเถรอรหันต์ผู้ประเสริฐได้สดับถ้อยกถาจึงเอ่นสุนทรวาจาแก้ปัญหาข้อสงสัยข้องใจของมาณพให้เข้าใจในการถวายทานว่า " ดูกรมาณพเอ๋ย อันผลของทานนี้มีเร็วมีช้าขึ้นอยู่กับว่าองค์ประกอบอื่นด้วย ตามพุทธดำรัสตรัสเอาไว้ดังนี้ ทานที่จักมีผลทันตาเห็นต้องประกอบด้วย องค์ ๔ คือ ถึงพร้อมด้วยผู้รับทานอันนับตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ถึงพร้อมด้วยวัตถุทานไทยธรรมอันบริสุทธิ์หามาโดยสุจริต ถึงพร้อมด้วนเจตนาที่จะให้ทาน ถึงพร้อมด้วยว่าพระอรหันต์ผู้มากด้วยคุณธรรมยินดีในนิโรธสมาบัติมีเจตนาจะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์จึงไปหา แต่ว่าตัวท่านนี้มิได้ถึงพร้อมทั้งหมดดังที่กล่าวมาจะให้สำเร็จผลทันตานั้นมิได้ "

    ครั้นมาณพเข็ญใจได้ฟังก็ให้อัดอั้นตันใจด้วยตนมิได้สมปรารถนาจึงถามพระเถรมาลัยอรหันต์ว่า "ดูกรพระมหาเถรผู้ประเสริฐ แล้วเกล้ากระหม่อมฉันจักทำเช่นไรจึงจักได้รับหิตานุประโยชน์อันสูงสุดในการถวายทานในครั้งนี้ "

    พระมาลัยอรหันต์มีจิตคิดเอ็นดูกรุณาใคร่จะโปรดมาณพนี้จึงมีบัญชาว่า " ดูกรมาณพเอ๋ย ท่านจงเอาดอกบัวนี้ขึ้นจบอธิษฐานถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อันเป็นการถวายทานแด่พระรัตนตรัย ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วว่า ข้าพเจ้าขอบูชาดอกไม้นี้แด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เพียงเท่านี้ก็จะมีอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ให้ผลดังปรารถนา " มาณพเข็ญใจจึงได้กระทำตามนัยอุบายที่พระเถระเจ้าแนะนำ พร้อมกระทำสัตยอธิฐานปรารถนาว่า

    "ด้วยเดชบุญกุศลผลทานของกระหม่อมฉันในครั้งนี้ มิว่าข้าพเจ้าจะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสังสารนานเท่าใดจักเกิดในชาติภพไหนก็ดี ขึ้นชื่อว่าความยากไร้เข็ญใจไม่มีทรัพย์เหมือนดั่งชาตินี้แล้วขออย่าได้มีมาปรากฏแก่ข้าพเจ้าเกล้ากระหม่อมฉันนี้เลยเป็นอันขาด ตลอดกาลนานเทอญ " พระมหาเถรเจ้าจึงดำรัสอนุโมทนาประสาทพรว่า "เอวัง โหตุ ขอความประสงค์ของท่านจงสำเร็จดังปรารถนานั้นเทอญ " แล้วจึงดำเนินกลับสู่อาราม ฝ่ายมาณพเข็ญใจก็เดินกลับยังเคหาสถานแห่งตน
   

พระมาลัยพิจารณาสังเวชนียสถาน

    เมื่อพระมาลัยเถรเจ้ากลับเข้าอารามขึ้นสู่กุฎีฉันภัตตาหาร ทำภัตตกิจสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว จึงดำริตริตรึกนึกในหทัยว่า " อันบรรดาธรรมสังเวช ๗ สถานของพระศาสดาสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าอันมี ที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงพระปฐมเทศนาธรรมจักร ที่แสดงยมกปาฏิหารย์สังกัตคีรี ที่ปรินิพพาน ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่งนั้น อาตมาภาพได้ไปกระทำการสักการะบูชาอยู่เป็นนิจ ยังขาดแต่พระเจดีย์จุฬามณีสถานอันเป็นที่สถิตประดิษฐานพระเกศาธาตุมุ่นพระโมลีและพระเขี้ยวแก้วมณีแห่งพระสมเด็จชินสีห์พุทธเจ้า ณ ดาวดึงสาสวรรค์อันไกล้โพ้น อาตมาจำต้องเอาดอกอุบลทั้งแปดนี้ไปถวายเป็นพุทธบูชาดูสักครั้ง "

    ครั้นดำริแล้วพระมาลัยเถรเจ้าก็เข้าจตุตถฌาณโดยวสีภาวะอธิษฐานบันดาลให้ร่างของต้นเหาะล่วงพ้นจากมนุษยโลก มุ่งตรงไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทันทีโดยมิช้าเพียงแค่ลัดมือเดียว ก็ถึงลานพุทธเจดีย์จุฬามณีสถานอันไพบูลย์โอ่อ่าโอราฬิกสำเร็จแล้วด้วยแก้วอินทนิลที่ฐาน องค์พระเจดีย์นั้นเป็นสุวรรณนพเก้าอันสุกสว่างประดับด้วยแก้วอัญมณีรัตนเจ็ดประการ ส่องแสงสว่างรุ่งเรืองแพรวพราววาววับจับท้องฟ้าเมืองสวรรค์

    อันพระเจดีย์จุฬามณีนี้มีความสูงถึงแปดหมื่นวา รายล้อมด้วยกำแพงแก้วทองคำล้วนถ้วนทั่วทั้งแปดทิศแต่ละด้านหนึ่งแสนหกหมื่นวานับว่าใหญ่โตโอฬาริกเป็นที่สุด ตั้งอยู้เบื้องทิศาอาคเนย์ของมหาปราสาทไพชยนต์วิมานอันเป็นที่สถิตขององค์อัมรินทราธิราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นนี้

    พระมาลัยเถรเจ้าจึงประนมหัตถ์ขึ้นเหนือเศียรเกล้ากระทำพุทธบูชานมัสการพระจุฬามณีทั้งแปดทิศ บูชาด้วยดอกอุบลทั้งแปดดอกกระทำประทักษิณ ๓ รอบ พร้อมทั้งยอบหมอบกราบลงนมัสการทั้งแปดทิศ เสร็จสรรพกิจเป็นพุทธบูชาแล้วจึงปลีกตัวมานั่งลงมุมหนึ่ง ณ ข้างพระเจดีย์นั้นแล

** จากคุณหนอนหนังสือ**