พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๒

 


พระราม
ตอนจบ

       ครั้งนั้นองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปเจ้าจึงตรัสพยากรณ์ทำนายมาณพนั้น ในท่ามกลางบริษัททั้ง ๔ มีพระพุทธฏีกาว่า ดูก่อนมาณพผู้เจริญในเมื่อภัททกัปป์นี้ฉิบหายไปแล้ว บังเกิดมีกัปป์ตั้งขึ้นมาใหม่ เป็นสุญญกัปป์อยู่สิ้นกาลช้านาน นับได้อสงไขยแผ่นดินล่วงไปแล้วครั้งนั้นจึงบังเกิดมัณฑกัปป์ในกาลเบื้องหน้า คือตัวของมาณพนี้จะได้บังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระรามสัพพัญญูในมัณฑกัปป์อันนั้น พระองค์ทรงพยาการณ์ทำนายมาณพดังนี้แล้ว

       ครั้นเวลาราตรียังรุ่ง ก็กระทำกายของมาณพเป็นประทีปถวายต่างเครื่องสักการบูชาสมเด็จพระพุทธเจ้าเป็นอันดี ครั้นนารทมาณพดับจิต ก็ไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์เทวโลก ในที่เผาสรีรกายกระทำการสักการบูชาแห่งมาณพนั้น บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นมา มหาชนเห็นเป็นอัศจรรย์จึงกล่าวสรรเสริญชมว่า จะหามนุษย์ผู้ใดเปรียบเสมอสองหามิได้ นานไปในอนาคตเบื้องหน้าจะได้ตรัสเป็นพระสัพพญญูเจ้าพระองค์หนึ่ง มั่นคงนักหนา ฝูงมหาชนก็ชวนกันมากระทำ สักการบูชาในที่เผาสรีรกายแห่งมาณพ ฯ

       ดูก่อนสำแดงสารีบุตร พระรามโพธสัตว์นั้นนานไปก็จะได้บังเกิด เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ด้วยผลอานิสงส์ที่ท่านมิได้เอื้อเฟื้อแก่สรีรกายและชีวิตของอาตมา กระทำเป็นมหาบริจากเจตนาอันใหญ่ยิ่งกว่าบารมีทั้งหลายทั้งปวง เป็นยอดปรมัตถบารมี ด้วยเดชะอานิสงส์ที่บูชาสรีรกายของอาตมานั้น

       เมื่อได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า มีสรีรการสูง ๘๐ ศอก สละชีวิตเป็นทาน เป็นปรมัตถบารมีอันอุดมอุกฤษฐ์นั้น จะมีพระชนมายุได้ ๙ หมื่นปีเป็นกำหนด เวลาราตรียังรุ่งตามประทีปแล้ว คือ สรีรการของอาตมากระทำสักการบูชานั้น จะบังเกิดพระรัศมีรุ่งเรืองงามสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นนิจกาล อาจปกปิดเสียซึ่งแสงพระจันทร์และพระอาทิตย์ กระทำให้อัปภาคแพ้พระพุทธรัศมีของพระองค์ ฯ สำแดงมาด้วยเรื่องราวพระรามโพธสัตว์เคารพ ๒ ก็ ยุตติแต่เพียงนี้ ฯ