นางขุชชุตตรา
เอตทัคคะในฝ่าย ผู้แสดงธรรม
  นางขุชชุตตรา เป็นลูกสาวของหญิงแม่นมในเรือนโฆสกเศรษฐี ในกรุงโกสัมพี เป็นหญิงพิการหลังค่อม ต่อมาเมื่อโฆสกเศรษฐีได้ยกนางสามาวดีผู้เป็นหญิงกำพร้าให้อยู่ในฐานะเป็นธิดาของตนแล้ว ได้มอบหญิง ๕๐๐ คนให้เป็นบริวารของนางด้วย และนางขุชชุตตราก็ได้เป็นบริวารของนางด้วยเช่นกัน เมื่อนางสามาวดีได้รับการอภิเษกเป็นมเหสีของพระเจ้าอุเทน แห่งเมืองโกสัมภี หญิงบริวารทั้งหมดก็ได้ติคตามเข้าไปรับใช้นางในพระราชนิเวศน์ด้วย และพระเจ้าอุเทนได้พระราชทานทรัพย์ ๘ กหาปณะ แก่นางขุชชุตตราเพื่อจัดซื้อดอกไม้ให้แก่นางสามาวดีทุกวัน
โฆสกเศรษฐีสร้างวัดถวาย

  ในกรุงโกสัมพีนั้นมีเศรษฐี ๓ คน คือ โฆสกเศรษฐี กุกกุฏเศรษฐี และปาวาริกเศรษฐี ทั้ง ๓ ท่านเป็นสหายกันต่างมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธสาสนา ได้ฟังพระธรรมเทศนาจนได้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยกัน และได้สร้างวัดขึ้นท่านละหนึ่งวัด โดยวัดของโฆสกเศรษฐีชื่อว่า โฆสิตาราม ของกุกกุฏเศรษฐีชื่อว่า กุกกุฏาราม และของท่านปาวาริกเศรษฐีชื่อว่า ปาวาริการาม เศรษฐีทั้ง ๓ ท่านนี้ มีคนรับใช้ชื่อนายสุมนะ เป็นผู้จัดการตกแต่งสวนดอกไม้ เนื่องจากเขามีความฉลาดความสามารถในด้านนี้ จึงได้ชื่อว่า “ สุมนมาลาการ” แม้นางขุชชุตตราก็มาซื้อดอกไม้จากนายสุมนะนี้ทุก ๆ วัน


นางขุชชุตตราบรรลุพระโสดาบัน

   ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมายังเมืองโกสัมพี โดยมีพระอานนท์เถระเป็นปัจฉาสมณะตามเสด็จมาด้วย พระพุทธองค์ประทับ ณ อารามของเศรษฐีทั้ง ๓ ท่าน และเสด็จเข้าไปเสวยภัตตราหารที่บ้านของท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ท่านนั้น โดยผลัดเปลี่ยนไปตามวาระ ตามที่ท่านเศรษฐีได้กราบทูลอาราธนา

  วันหนึ่ง นายสุมนะขอโอกาสแก่ท่านเศรษฐีเพื่อกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาเสด็จไปเสวยภัตตราหารที่บ้านของตน เมื่อเศรษฐีอนุญาตให้สมประสงค์แล้ว จึงจัดการตกแต่งเสนาสนะและภัตตราหาร ขณะที่กำลังจัดเตรียมการอยู่นั้น นางขุชชุตตราก็มาถึง นายสุมนะกล่าวกับเธอว่า “วันนี้ขอให้รออยู่ก่อน เพราะตนได้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดามาเสวยภัตตราหารที่บ้าน และขอให้นางช่วยเหลือในการจัดภัตตราหารด้วย เมื่อเสร็จแล้วค่อยรับดอกไม้ไป” ซึ่งนางขุชชุตตราก็ตอบรับด้วยความยินดี

   เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา อนุโมทนา นางขุชชุตตราก็ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนานี้ด้วย นางส่งกระแสจิตไปตามพระธรรมเทศนา เมื่อจบลงก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล

   ตามปกติในวันอื่น ๆ ที่แล้วมา นางขุชชุตตราจะซื้อดอกไม้เพียง ๔ กหาปณะ และเก็บเอาไว้เอง ๔ กหาปณะ แต่วันนี้นางซื้อดอกไม้ทั้ง ๘ กหาปณะ นางสามาวดีเห็นว่า วันนี้ดอกไม้มากกว่าทุก ๆ วัน จึงถามนางขุชชุตตราขึ้นว่า “ทำไมวันนี้จึงได้ดอกไม้มากกว่าปกติ” นางขุชชุตตราได้บอกตามความเป็นจริงว่า “เมื่อก่อนนี้นางได้ยักยอกเงินไว้เพื่อตนเองครึ่งหนึ่ง แต่วันนี้ หลังจากที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาจนบรรลุอมตธรรมแล้ว เห็นว่าการกระทำอย่างนั้นไม่ควร จึงได้ซื้อดอกไม้ทั้ง ๘ กหาปณะ


เป็นอาจารย์สอนธรรม

   นางสามาวดี เมื่อทราบความโดยตลอดแล้ว ก็มิได้ว่ากล่าวติเตียนต่อนางขุชชุตตราแต่ประการใด กลับขอให้นางได้แสดงธรรมที่ได้ฟังมาจากพระบรมศาสดาให้ตนและให้บริวารอื่น ๆ ได้ฟังบ้าง ซึ่งนางขุชชุตตราก็ตอบรับด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอโอกาสอาบน้ำชำระร่างกาย และประดับตกแต่งร่างกายพอควรแก่ฐานะ แล้วนั่งบนอาสนะที่สูงกว่าหญิงทั้งปวง แสดงธรรมไปโดยลำดับตามที่ตนได้ฟังมาจากพระบรมศาสดา เมื่อจบลงแล้ว หญิงเหล่านั้นทั้งหมดมีนางสามาวดีเป็นหัวหน้า ก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันพร้อม ๆ กัน

   หลังจากนั้น นางขุชชุตตราได้รับการยกฐานะจากการเป็นทาสีคอยรับใช้นางสามาวดี ให้ดำรงอยู่ในฐานะมารดาและอาจารย์ ของนางสามาวดีและหญิงบริวารเหล่านั้น มีหน้าที่ไปรับฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้วนำมาแสดงให้นางสามาวดีกับบริวารฟัง นางขุชชตรากระทำดังนี้จนนางเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฏก


บุพกรรมล้อเลียนพระ

  สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่า

   “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงเป็นหญิงหลังค่อม พระเจ้าข้า ?

   “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตชาติ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเป็นเป็นผู้มีสภาพร่างกายเป็นคนค่อมนิดหน่อย มาฉันภัตตาหารในราชสำนักเป็นประจำ นางกุมาริกาคนหนึ่งแสดงอาการเป็นคนค่อมล้อเลียนแบบพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยความคึกคะนองต่อหน้าเพื่อนกุมาริกาทั้งหลาย เพราะกรรมนั้นจึงส่งผลให้เธอเป็นคนค่อมในอัตภาพนี้ ”

   “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงเป็นนางทาสีของบุคคลอื่น พระเจ้าข้า ?

   “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตครั้งที่พระพระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ นางได้เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองพาราณสี มีภิกษุณีเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ซึ่งมีความคุ้นเคยกับตระกูลของนาง มาเยี่ยมเยือนที่บ้าน ขณะนั้นนางกำลังแต่งตัวอยู่ ได้ออกปากขอให้พระเถรีช่วยหยิบกระเช้าเครื่องประดับส่งให้ พระเถรีนั้นคิดว่า

  “ ถ้าเราไม่หยิบส่งให้ นางก็จักโกธรอาฆาต เพราะกรรมนี้เมื่อนางตายไปแล้ว ก็จะไปเกิดในนรก แต่ถ้าเราหยิบส่งให้ นางก็จักเกิดเป็นหญิงรับใช้คนอื่น เพราะกรรมที่ใช้พระอรหันต์ ”

  นางภิกษุณีจึงเลื่อกกรรมสถานเบา เพื่อเป็นการอนุเคราะห์ต่อนาง จึงได้หยิบกระเช้าส่งให้ เพราะกรรมนี้นางจึงเกิดเป็นหญิงรับใช้บุคคลอื่น

   ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงมีปัญญามากและบรรลุพระโสดาปัตติผล?

   “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตชาติครั้งเดียวกันนั้น พระราชาได้ถวายข้าวปายาสที่ยังร้อนอยู่ลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า นางเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าต้องเปลี่ยนมือถือบาตรกลับไปกลับมาด้วยความร้อน นางจำถอดกำไลที่ทำด้วยงาจากข้อมือ ๘ อัน ถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าใช้สำหรับรองมือกันความร้อน ด้วยผลแห่งกรรมที่นางถวายกำไลข้อมือ และกรรมที่ช่วยบำรุงอุปัฏฐากพระปัจเจกพระพุทธเจ้าครั้งนั้น ทำให้นางมีปัญญามาก และได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ”

   เพราะความที่นางขุชชุตตราเป็นผู้มีปัญญามาก สามารถแสดงธรรมได้อย่างไพเราะลึกซึ้งดีกว่าอุบาสิกาคนอื่น ๆ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องนางในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้แสดงธรรม

ย้อนกลับ             ปิดหน้านี้         ถัดไป