พระนางโคปาลมาตาเทวี

  ในครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่โน้น มีนิคมหนึ่งชื่อว่า “นาลินิคม” ที่นิคมนั้นมีธิดาเศรษฐีอยู่ ๒ คน คนหนึ่งเมื่อมารดาบิดาล่วงลับไปแล้วก็ยากจน จึงได้อาศัยอยู่กับพี่เลี้ยง แต่มีร่างกายสวยดี มีผมยาวกว่าสตรีอื่น

  อีกคนหนึ่งเป็นคนยังมั่งมีอยู่ แต่เป็นคนมีผมน้อย ได้เคยให้สาวใช้ไปขอชื่อผมของธิดาเศรษฐีนั้นเป็นราคาตั้งร้อยตั้งพันก็ไม่อาจซื้อได้

  ในวันนั้น ธิดาเศรษฐีผู้มีผมยาวได้เห็น พระมหากัจจายนะ เดินมาเที่ยวบิณฑบาตกับพระภิกษุ ๗ องค์ แต่ก็ไม่ได้อะไรในนิคมนั้น จึงให้พี่เลี้ยงไปนิมนต์พระเถระเหล่านั้น ให้ขึ้นมานั่งบนเรือน แล้วธิดาเศรษฐีก็เข้าห้องให้พี่เลี้ยงตัดผมของตน แล้วบอกว่า

  “พี่จงเอาผมเหล่านี้ไปให้แก่ธิดาเศรษฐี ซึ่งไม่มีผมชื่อโน้น เขาให้สิ่งใดมาก็จงนำสิ่งนั้นมา เราจะได้ถวายบิณฑบาตแก่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายด้วยสิ่งนั้น” แล้วก็ใช้ให้พี่เลี้ยงไป

  พี่เลี้ยงได้ไปทำอย่างนั้นแล้วได้เงิน ๘ กหาปณะ (๘ ตำลึง) มาให้แก่ธิดาเศรษฐีนั้นก็ให้ไปชื้ออาหารมา ๘ สำหรับ ๆ ละ ๑ ตำลึง แล้วถวายแก่พระเถระทั้งหลาย ส่วนตนเองหลบลี้อยู่ในห้อง

  พระมหากัจจายนะรู้เหตุการณ์นั้นแล้วจึงเรียกให้ออกมา ธิดาเศรษฐีนั้นก็ได้ออกมาด้วยความเคารพพระเถระเจ้า ไหว้พระเถระทั้งหลายแล้วก็เกิดศรัทธาแรงกล้า

  ธรรมดาทานที่บุคคลถวายในเนื้อนาที่ดีย่อมให้ผลในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ผมของธิดาเศรษฐีนั้น จึงกลับเป็นปกติขึ้นพร้อมกับเวลาไหว้พระเถระเจ้า

  พระเถระรับบิณฑบาตแล้ว ก็พากันเลื่อนลอยขึ้นสู่เวหาต่อหน้าธิดาเศรษฐีนั้นแล้วไปลงที่กาญจนอุทยาน จึงได้ฉันในที่นั้น นายอุทยานได้เห็นพระเถระนั้น จึงไปกราบทูลพระราชา

  พระราชาจัณฑปัชโชต ได้เสด็จไปหาที่พระราชอุทยานพอดีพระเถระฉันเสร็จแล้ว พระบาทท้าวเธอก็กราบไหว้แล้วตรัสถามว่า วันนี้ท่านทั้งหลายได้อาหารที่ไหน พอได้ทรงสดับเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน์แล้วโปรดให้ไปรับธิดาเศรษฐีนั้น มาตั้งให้เป็นอัครมเหสีในวันนั้น

  ต่อมาภายหลังเมื่อพระอัครมเหสีนั้นได้พระราชโอรสแล้ว จึงทรงตั่งชื่อว่า “โคบาลกุมาร” เหมือนกับชื่อมหาเศรษฐีผู้เป็นตา จึงปรากฎพระนามว่า “พระนางโคบาลมาตาเทวี” ตามชื่อแห่งพระราชโอรส

  พระนางมีความเลื่อมใสต่อพระเถระยิ่งนัก จึงโปรดสร้างวัดถวายพระเถระไว้ในกาญจนอุทยานนั้น ดังนี้

ย้อนกลับ             ปิดหน้านี้         ถัดไป