นางนกุลมารดาคหปตานี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา
  นกุลมารดา เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะ เมื่อเจริญวัยได้แต่งงานอยู่ครองเรือนตามฆรางาสวิสัย มีความสุขตามสมควรแก่ฐานะ เมื่อบิดามารดาล่วงลับไปแล้ว ได้ครอบครองดูแลทรัพย์สมบัติสืบไป

กล่าวตู่ว่าพระพุทธองค์เป็นลูก

  ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมติดตาม้สด็จจาริกไปถึงพระนครสุงสุมารคิรี แล้วเสด็จเข้าไปประทับ ณ เภสกาวัน

   ในขณะนั้น นกุลเศรษฐีและภริยาพร้อมด้วยเหล่าชาวเมืองสุงสุมารคิรีได้พากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่ผระทับ ทันทีที่เศรษฐีและภริยาได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคเท่านั้นความรักประหนึ่งว่าพระพุทธองค์เป็นบุตรในอุทรของตนก็เกิดขึ้น สองสามีภริยาหมอบลงแทบพระยุคคลบาทของพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า:-

   “ ลูกเอ๋ย เจ้าทิ้งพ่อแม่ไปสิ้นกาลช้านาน บัดนี้เจ้าไปอยู่ ณ ที่ใดมา ? ”

   จากอาการกิริยาและคำพูด ของเศรษฐีและภริยานั้น สร้างความสับสนฉงนสนเท่ห์แก่ภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทในสมาคมนั้น เพราะต่างก็ทราบดีว่าพระพุทธองค์เสด็จออกบรรพชาจากศากยสกุล กรุงกบิลพัสดุ์ และชาวเมืองสุงสุมารคิรี ก็ทราบดีว่า เศรษฐีสองสามีภรรยามีญาติร่วมสายโลหิตและทายาทกี่คน เหตุไฉนท่านจึงกล่าวตู่ว่าพระผู้มีพระภาคเป็นบุตรของตน

   แม้พระบรมศาสดา ก็มิได้ตรัสห้ามประณามเศรษฐีสองสามีภรรยานั้นแต่ประการใดเลย ด้วยเศรษฐีทั้งสองมีสติเต็มไปด้วยความรักและปีติสุดที่จะยับยั้งได้ พระพุทธองค์ทรงรอโอกาสเมื่อพวกเขากับได้สติวางใจเป็นกลางแล้วจึงทรงแสดงธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัย บังบุคคลทั้งสองให้ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล แล้วทรงยกเรื่องในอดีตชาติ มาประกาศในท่ามกลางพุทธบริษัทให้ทราบทั่วกันว่า

   “ ในอดีตชาติ เศรษฐีสองสามีภรรยานี้เคยเป็นบิดามารดาของตถาคต ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นปู่ เป็นย่า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นลุง เป็นป้า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นอา เป็นน้า ๕๐๐ ชาติ ดังนั้น เพราะความรักความผูกพันที่ติดตามมาตลอดช้านานนี้ พอได้เห็นตถาคตจึงสุดที่จะอดกลั้นความรักนั้นได้ ”

   พระบรมศาสดา ครั้นได้ประทานสุขสมบัติในเทวโลกและสุขสมบัติในอริยภูมิแก่ชาวสุงสุมารคิรีแล้ว เสด็จจาริกไปยังนิคมอื่น ๆ โดยลำดับ


แม้ทางใจก็ไม่เคยคิดชั่ว

  ครั้นกาลต่อมา พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์แวดล้อมตามเสด็จมายังพระนครสุงสุมารคิรีอีก เศรษฐีและภรรยาซึ่งท้งสองเข้าสู่วัยชราภาพแล้ว ได้ทราบข่าวการเสด็จมาของพระผู้มีพระภาค จึงพากันไปเฝ้ากราบถวายบังคมด้วยเบญจาคประดิษฐ์ ได้กราบอาราธนาเพื่อเสวยพระกระยาหารในวันรุ่งขึ้น พระพุทองค์ทรงรับด้วยดุษณีภาพ เมื่อได้เวลทรพาภิกษุสงฆ์เสด็จไปยังบ้านของนกุลเศรษฐี ซึ่งสองสามีภรรยานั้น ได้อังคาสถวายภัตตาหารแด่พระพุทธองค์พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พากันเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ณ ที่อันสมควรแก่ตน นางนกุลมารดาคฤหปตานีได้กราบทูลว่า:-

   “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์กับนกุลบิดาคฤหบดีนี้ แต่งงานกันมาตั้งแต่ครั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาว ตราบจนบัดนี้ ข้าพระองค์มิได้รู้สึกเลยว่า นกุลบิดาคฤหบดีปรารถนาจะนอกใจแม้ทางใจ ดังนี้ เขาจะนอกใจทางกายได้อย่างไร ข้าพระองค์ปรารถนาจะพบกันและกัน ทั้งในปัจจุบันทั้งในภายภาคหน้าพระเจ้าข้า”

   พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ นครสุงสุมารคิรี ตามสมควรแก่พระอัธยาศัยแล้วทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จจาริกโปรดเวไนยสัตว์ ตามนิคมชนบทอื่น ๆ โดยลำดับ

   ต่อมา พระพุทธองค์ขณะประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงสถาปนายกุลมารดาคหปตานีในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย

   ผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา

ย้อนกลับ             ปิดหน้านี้         ถัดไป