พระภัททากัจจานาเถรี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงอภิญญา
         พระภัททากัจจานาเถรี เป็นธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธธะ แห่งโกลิยวงศ์ ในพระนครเทวหะ เป็นพระกนิษฐภคินีของพระเทวทัต บรรดาพระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า “ ภัททากัจจานา ” หรือที่นิยมเรียกพระนามว่า “ ยโสธราพิมพา ”
พอประสูติโอรสพระสวามีก็หนีบวช

  เมื่อนางเจริญวัยขึ้นจนมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ได้รับอภิเษกเป็นอักครมเหสีของเจ้าชายสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์ แห่งศากยวงศ์ ในพระนครกบิลพัสดุ์และเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ได้ประสูติพระโอรสพระนามว่า “ พระราหูลกุมาร ” 

  ในวันที่พระราหูลกุมารประสูตินั้นเจ้าชายสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์ได้เสด็จออกผนวช และทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี ก็ได้จาริกไปตามคามนิคมต่าง ๆ เพื่อเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ได้บรรลุอมฤตธรรม ตามสมควรแก่อำนาจวาสนาบารมีแล้วได้เสด็จสงเคราะห์พระประยูรญาติ ณ กบิลพัสดุ์บุรี ยังพระประยูนญาติศากยวงศ์ มีพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเป็นประธาร ได้ดื่มน้ำอมฤตธรรม จนได้บรรลุอริยภูมิตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก

  ในคราวที่พระบรมศาสดา เสด็จโปรดพระประยูรญาติครั้งนี้ พระราหูลกุมาร ก็ได้ติดตามองค์พระบิดาบรรพชาเป็นสามเณร นอกจากนี้ศากยกุมารทั้งหลายจากสกุลอื่น ๆ ก็เสด็จออกบวชเป็นจำนวนมาก ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเข้าสู่พระปรอนิพพานแล้ว จากนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยขัตติยนารีชาวศากยะ ๕๐๐ นาง ก็พากันเสด็จออกบรรพชาในสำนักพระศาสดากันทั้งสิ้น

  ทางด้านพระนครกบิลพัสดุ์ ก็ว่างเว้นกษัตริย์ที่จะปกครองดูแล หมู่อำมาตย์ราชปุโรหิตทั้งหลายได้ประชุมปรึกษาเห็นพ้องต้องกันได้ทำพิธีราชาภิเษกอัญเชิญเจ้าชายมหานามศากยราช ผู้เป็นพระเชษฐโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะขึ้นครอบครองราชสมบัติในกรุงกบิลพัสดุ์สืบต่อไป


ออกบวชตามพระสวามีและโอรส

  ฝ่ายพระนางยโสธราพิมพาราชเทวี พระชนนีของพระราหุลกุมาร ทรงว้าเหว่โศกาดูรด้วยพระดำริว่า “ โลกสันนิวาสนี้ มิมีอะไรแน่นอน พระสวามีและลูกน้อยต่างก็เสด็จออกบรรพชา อีกทั้งพระประยูรญาติทั้งชายหญิง ก็พากันออกบวชตามเสด็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีประโยชน์อะไรแก่เราในเพศฆราวาส เราควรสละสมบัติทั้งปวงแล้วออกบวชโดยเสด็จพระภัสดาในบัดนี้ จะประเสริฐกว่า ”

  พระนางจึงเสด็จเข้าไปกราบทูลลาพระเจ้ามหานามะ แล้วพร้อมด้วยพระนางรูปนันทาชนปทกัลยาณีและสาวสนมกำนัล รวมประมาณ ๕๐๐ นางเสด็จไปยังพระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ถวายอัญชลีแล้วกราบทูลขออุปสมบท สมเด็จพระบรมศาสดาประทานสงเคราะห์ด้วยครุธรรม ๘ ประการ

  พระนาง ครั้นบวชแล้วได้นามปรากฏว่า “ ภัททากัจจานาเถรี ” ได้เรียนพระกรรมฐานในสำนักพระบรมศาสดาแล้วเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ ประการ

  เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าพระนางเถรีเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนานในอภิญญาทั้งหลาย นั่งขัดสมาธิครั้งเดียวสามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป

  เมื่อคุณความสามารถของพระนางปรากฏเช่นนี้ พระบรมศาสดา ได้ทรงสถาปนาแต่งตั้งพระเถรีนี้ ไว้ในตำเเหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา

ย้อนกลับ             ปิดหน้านี้         ถัดไป