พระเนมิราช ๒

                        
  ก็เพราะว่าลูกน้องยมบาลทั้ง  ๒ - ๓  คนมีหอกไล่แทงทั้งเจ้าหนุ่มเจ้าสาว ซึ้งก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปเพื่อให้พ้นจากคมหอกมิใช่แต่เท่านั้น หมารูปร่างโตหน้าตาหน้ากลัวเขี้ยวโง้งโลดไล่อยู่ตามต้นงิ้วนั้นเป็นพัลวัน จะไม่รีบปีนยังไงเล่า ต้นงิ้วมีหนามใครก็รู้ ปกติใครอยากจะขึ้น แต่เมื่อจำเป็นจ้องหนีความตายก็ต้องขึ้น เมื่อขึ้นไปแล้ว เขาพ้นจากคมหอกและหมาที่ดุร้ายก็จริง แต่ข้างบนยังมีศึกหนักอีกคือ แร้งกา ซึ้งมีปากเป็นเหล็กคอยโฉบเฉี่ยว ซึ่งเมื่อมันเฉี่ยวได้ก็เอาไปกินกลางอากาศ เหลือแต่กระดูกก็ทิ้งลงมา ก็ปีนขึ้นมาวิ่งหนีหมาและคมหอกมาขึ้นต้นงิ้วอีก

ในหนังสือพระมาลัยท่านว่า

หนามงิ้วคมยิ่งกรด โดยโสฬสสิบหกองคุลี
    มักเมียท่านมันว่าดี    หนามงิ้วยอกทั้วตัว
   หญิงใดใจมักมาก    มันเล่นราดด้วยกามกล
   ไปขึ้นงิ้วชัดเดี๋ยวดล    ในไม้งิ้วกว่าพันปี


                     
 
   ฟังดูสิว่ามันจะหน้าดูไหม หนามคมกว่ากรดเสียอีกไม่ใช่สั้น ๆ ยาวตั้ง   ๑๖ นิ้วนั้นเเหละ นึกถึงสภาพอย่างนี้บางทีการเล่นชู้สู่ชายคงจะเบาบางลงไปบ้าง

   “ภูเขาเหล็กพระเจ้าค่ะ”
   “เขาทำกรรมอะไรเล่า”
   “พวกนี้เจ้าถ้อยหมอความ ตัดสินผิด ๆ ถูก ๆ ตามใจชอบของตน ที่แพ้แก้ให้ชนะแต่ไม่มีสินบนก็ต้องให้แพ้ไปเลย เลยมารับกรรมอยู่อย่างนี้” พวกคอรับชั่น เมื่อตายลงมาขุมนี้ ถูกเขาเอาเหล็กทุบหัวบี้แบน แล้วก็ลุกขึ้นวิ่งหนี ภูเขาเหล็กเป็นไฟก็กลิ้งบดให้ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นอย่างนี้ไม่มีจบสิ้น "และอะไรข้างหน้าน่ะ มันคนหรืออะไร สูงโย่งเย่งดังกับต้นตาล แต่มองดูเห็นปากไม่เห็นมี อีกมือสองข้างใหญ่โตมโหฬารพิลึก"

   “นี่มันตัวอะไรท่านมาตุลี”
   “เปรตพระเจ้าค่ะ”
   “เอ ?  พวกนี้ไม่มีผ้านุ่งหรืออย่างไร”
   “ไม่มีพระเจ้าค่ะ พวกนี้เสวยกรรมต้องอดหิวโหยเพราะรูปากเท่ารูเข็มเท่านั้น จะดูด จะกินอะไรก็ไม่ได้”
   “ทำไม เขาจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ”
   “พวกนี้ ปากเก่งพระเจ้าค่ะ ด่าพ่อด่าแม่ปู่ย่าตายายพี่ป้าน้าอา ตลอดจนพระสงฆ์องค์เจ้าพวกนี้ก็ไม่เว้น ไม่ชอบใจฉันล่ะได้เห็นดีกัน ครูบาอาจารย์ก็ไม่เลือก ฉันไม่สน ไม่ชอบใจด่าเลย เปรตพวกนี้น่าสงสารกินอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่ลิ้มเลียเลือดหนองของตัวเองเท่านั้น ส่วนมือที่โต เพราะว่าทำร้ายร่างกายต่อผู้ทีคุณ ตบ ต่อย ตี ทารุณ ฯลฯ

 
    ในขณะนั้นเองท้าวสักกะ คืออินทรเทวราช เห็นว่าพระมาตุลีไปนาน จึงได้สอดส่องทิพย์เนตรลงไปดู ก็เห็นว่าพระมาตุลีพาพระเนมิราชลงไปชมนรกอยู่ กว่าจะหมดเยือนนรก อายุของพระเนมิราชเห็นจะสิ้นเสียก่อนล่ะกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนี้ จึงให้มหาชวนะเทพบุตรลงไปตาม มหาชวนะเทพบุตรไปบอกว่า “ท่านมาตุลี เดี๋ยวนี้ท้าวสักกะกำลังรอท่านอยู่”

    พระมาตุลีเมื่อได้ฟังมหาชวนะเทพบุตร ก็แสดงอาการให้พระเนมิราชได้เห็นนรกทั้งหมดโดยพร้อมกันในคราวเดียวพร้อมทั้งบอกถึงกรรมของสัตว์เหล่านั้น แล้วก็พาพระเนมิราชขึ้นมายังสวรรค์

    และเมื่อถึงแล้ว พระอินทร์พร้อมทั้งเทพยดาทั้งหลายก็พากันมาสักการบูชา แต่ว่าในขณะที่จะมาาถึงนี่ผ่านวิมานต่าง ๆ กัน จึง เห็นอากัปกิริยาต่างกัน และลักษณะสัณฐานของสิ่งเหล่านั้นก็ต่างกัน

    พระเนมิราชสงสัยก็สอบถามพรพะมาตุลี ๆ ก็ชี้แจงให้ฟังทุกประการ

    เมื่อมาถึงได้รับการสักการบูชา เทวดาพร้อมทั้งพระอินทร์ก็เชื้อเชิญให้อยู่เสวยสมบัติบนสวรรค์ แต่ความ ประสงค์จะทำเช่นนั้น ตัวเองมีแต่ความเศร้าสลดใจที่ได้เห็นกรรมของมนุษย์ทั้งหลายที่ประพฤติชั่วต้องไปตกนรกเสวยกรรมต่าง ๆ   และยินดีที่ได้เห็นมนุษย์ที่ประกอบกรรมดีได้รับผลชอบขึ้นมาเสวยสุขในวิมานเมืองแมน จึงดำริจะสั่งสอนให้สัตว์ทั่งหลายประพฤติชอบมากขึ้นเพื่อจะไปเกิดในสวรรค์

    จึงได้ลาพระอินทร์เทพลงมายังเมืองมนุษย์ และมโนปณิฐานของพระองค์ตราบเท่าสิ้นอายุ

    คติที่เราได้จากเรื่องนี้คือ เรื่องการตั้งใจมั่นมุ่งหวังอย่างไร ตั้งใจแล้วต้องให้สำเร็จผล อย่าทอดทิ้งเสียกลางคัน แม้พระพุทธเจ้าของเราตั้งอธิษฐานในใจว่าไม่สำเร็จจะไม่ลุกขึ้น และพระองค์ก็สำเร็จจริง ๆ ผลดีจึงเกิดแก่พวกเราจนกระทั่งบัดนี้ เพราะมิฉนั้นแล้วพระพุทธศาสนาของเราจะเกิดมีขึ้นไม่ได้เลย และมีอีกอย่างที่ไม่ควรลืมก็คือ ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้รับผลชั่วอย่างแน่นอน ,


หน้า 1   หน้า 2