พ่อรักลูกพิเศษ

หน้าแรก

ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า

อารมณ์ขันของหลวงพ่อฯ

พุทธพยากรณ์

พิมพ์โดยคุณกวางน้อย

 

พุทธพยากรณ์

พุทธพยากรณ์

            ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ เป็นอันว่าในระหว่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัทคงจะทราบว่าตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่าวเปอร์เซียกำลังจะเกิดสงครามกับอิรัก กับหลายประเทศร่วมกัน คือ อิรักฝ่ายหนึ่งกับหลายประเทศฝ่ายหนึ่ง ถ้าจะเปรียบเทียบกันคล้ายๆกับ สงครามโบกครั้งที่ ๒ คือ เยอรมันกับอิตาลี ญี่ปุ่นฝ่ายหนึ่ง อเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส อีหลายประเทศร่วมกัน แต่ทว่าสงครามนี้จะเกิดหรือไม่เกิด อันนี้ก็ทราบไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าต่างคนต่างก็ตั้งท่า ต่างคนต่างก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือกันและกัน และคำพยากรณ์ก็จะไม่พยากรณ์ว่า มีสงครามหรือไม่ แต่ทว่ามีหนังสือเล่มหนึ่ง เขาให้ชื่อว่า นอสตราดามุส เขาพยากรณ์ล่วงหน้าไว้ถึง ๒,๐๐๐ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ ค.ศ. ๑๙๙๐ จะเป็นปีเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ แล้วสงครามโลกครั้งที่ ๓ นี่ จะเป็นสงครามที่มีความร้ายแรงมาก แต่ความจริงหนังสือนี่อาตมาก็ไม่ได้อ่าน เขาให้มาเหมือนกัน อ่านผ่านไปนิดเดียว แล้วก็เขาบอกว่า ประเทศอเมริกาอาจจะถูกระเบิดนิวเคลียร์ แล้วก็จะมีเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ เกิดขึ้น

            รวมความแล้วเป็นสงครามทำลายศาสนา ในระหว่างศาสนากับศาสนา คือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม เขาว่าอย่างนั้นนะ ตามที่หนังสือว่า หรือตามที่คนบอก อาตมาก็ไม่ได้อ่านชัด ทีนี้เรื่องของดามุส ดามุสเขาพูดไว้ จะแน่นอนขนาดไหนก็เป็นเรื่องของเขา สำหรับพวกเราบรรดาท่านพุทธบริษัทในฐานะที่เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้า เราก็มาดูคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าบ้าง

            พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้กับพระอานนท์ว่า อานันทะดูกรอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชน และบุคคลให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก แต่ว่า อานันทะ ดูกรอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงนักยังหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว อานันทะ ดูกรอานนท์ จะมีความร้ายแรงก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ยักษ์สนอกพุทธศาสนานั่นหมายถึง คนที่ไม่ได้เคารพพระพุทธศาสานจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก นี่เป็นคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

            เป็นอันว่าท่านดามุสคนนี้ก็พยากรณ์ไว้ตรง แต่เขาบอกว่า ค.ศ. ๒๐๐๐ โลกจะสลาย แต่ว่าพระพุทธเจ้าของเราบอกว่าโลกยังไม่สลาย พระพุทธศาสนจะทรงอยู่ได้ตลอด ๕,๐๐๐ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงพยากรณ์ไว้ที่พระธาตุดอยกิตติครั้งหนึ่ง ทรงตรัสว่า ชี้ว่าเขตประเทศนี้ต่อไปจะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี นี่หมายถึง ประเทศไทย

            เป็นอันว่า สงครามจะเกิดขึ้นที่ดามุสบอก ก็หมายความว่าถึงสงครามซีกตะวันตก หมายถึงอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆกับตะวันออกกลาง สงครามจริงๆยังคงไม่ถึงประเทศไทย....

            ทีนี้เรามาย้อนรอยถอยหลังกันก่อนว่า ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติตรัสว่า ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลุกจากอากาศก็เป็นความจริง ในขณะนั้นปรากฏว่า ลูกปืนกลจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดจากอากาศบ้าง ลูกระเบิดเพลิงบ้าง ทิ้งจากอากาศประเทศไทยเราก็พลอยยับเยินไม่น้อยเหมือนกัน เล่นเอาตู้รถไฟต้องไปขี่กันที่บางกอกน้อย ทั้งๆที่ตู้มันหนัก แต่แรงของระเบิดดันตู้รถไฟจนขี่กัน ตึกบ้านเรือนโรงลำบากมาก

            แต่ว่าสงครามนั้นเป็นเหตุบันดาลอย่างหนึ่งนั่นคือว่า สร้างความทุกข์ บรรดาท่านพุทธบริษัท คำว่าสงครามนี่ อาตมาผู้พูดเองก็ยังรู้สึกหวาดเสียวอยู่เพราะว่าเคยอยู่ในระหว่างสงคราม ไม่ได้หมายความเป็นทหารเข้าสงคราม คือ มีชีวิตอยู่ในระหว่างสงคราม ขณะนั้นอยู่กรุงเทพฯ แสงไฟฟ้าก็ใช้ไม่ได้ต้องใช้ตะเกียง ตะเกียงน้ำมันก๊าดไม่มีจะใช้ น้ำมันโซล่าหาไม่ได้ ต้องใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวมาทำตะเกียง ของทุกอย่าง ของกินของใช้ต้องปันส่วน เพราะ หาไม่ได้ และของหายาก โรงงานต่างๆ ก็ถูกระเบิดเสียมาก ของที่ส่งมาจากต่างประเทศก็ส่งมาไม่ได้ จะได้ก็ของจากญี่ปุ่น เวลานั้นโรงงานของเราก็มีน้อย เวลานี้โรงงานมีมาก แต่ก็ไม่แน่นัก เพราะระเบิดจากอากาศก็ดี จรวดก็ดี หรือว่าระเบิดจากภาคพื้นดินก็ดี อาจจะเกิดกับโรงงงานต่างๆในประเทศไทยได้ ถ้าสงครามเขาเกิดขึ้น

            หากว่าท่านจะถามว่า ทำไมสงครามเกิดขึ้นที่ตะวันออกกลาง แล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ทำไมไทยจึงต้องหวาดระแวง

            ความจริงไม่ได้พูดให้ระแวง พูดให้ทราบตามความเป็นจริง หรือตามความรู้สึกนึกคิด ถ้าเรื่องนี้ผิดก็ต้องขออภัยด้วย เพราะว่าเป็นการคาดคะเนมากกว่าอย่างอื่น คิดว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้น ระหว่างสงครามศาสนา ก็จงอย่าลืมว่า ศาสนาที่อยู่ระหว่างสงครามก็มีอยู่ในประเทศไทยทั้งสองศาสนา ถ้าเขารบกันแต่เพียงภายนอกก็ดี แต่บังเอิญคนที่นับถือศาสนานั้นๆทั้ง ๒ ศาสนาเกิดทะเลาะวิวาทรบราฆ่าฟันในเขตของเรา เขตของเราก็ต้องยับเยินไป เหมือนกับสนามหญ้ากับสุนัข สุนัข ๒ ฝ่ายกัดกันสนามหญ้าก็แหลก ถ้าบังเอิญเขารบกันก็ไม่เป็นไร ดีไม่ดี เขาจะชวนเรารบ เราจะรบหรือไม่รบ เขาจะรบหรือว่าเราไม่รบ เขาก็ไม่รบ แต่เขายึด เรายอมให้เขายึดไหม ในส่วนต่างๆ ส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศไทย

            สำหรับความนึกคิดเวลานี้ ไม่ใช่หมอดูนะ ไม่ใช่พยากรณ์ตามหลักวิทยาศาสตร์หรือหลักอะไรทั้งหมด เป็นแต่การคาดคะเนว่า เหตุการณ์จะต้องเกิดขึ้น ส่วนหนึ่ง ทางใต้ของประเทศไทยจะเกิดกลียุค นั่นหมายความว่า ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นอาการต่างๆที่ปรากฏในปัจจุบันจะฟูขึ้น เพราะรับการสนับสนุนเรื่องการเงิน กำลังอาวุธจากที่อื่น จากนั้นเหล่าทหารตำรวจของเรา ก็ต้องเคลื่อนกำลังเข้าไปรักษาเขต ทีนี้เขตต่อเขต เขตยันเขต เขตที่เขาก็ขึ้นเป็นเขตในประเทศไทย และเขตต่อไปข้างหน้าก็เป็นเขตที่พวกเดียวกัน อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างลองวาดภาพกันดู ถ้ามันเกิดจริงๆตามเขาว่านะ อันนี้ไม่ใช่รับรองว่ามันจะเกิดจริงหรือไม่ ถ้าเกิดจริงส่วนประเทศไทยทุกจุดทุกภาคก็มีบุคคลที่ถือศาสนาตรงข้ามกับพระพุทธศาสนา ก็มีกำลังขึ้น ที่เขาโต้กันที่เชียงใหม่ อภิปรายก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือน เขาโต้กันถึงหลักสูตรการศึกษาว่า หลักสูตรพระพุทธศาสนาถูกลดลงไป หลักสูตรศาสนาอื่นเข้ามาแทน อย่างนี้ก็ต้องมีอาการน่าคิดว่า เขาวางแผนล่วงหน้าไว้ไกลมาก หรือว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนโดยเฉพาะระยะใกล้ก็ได้

            ก็เป็นอันว่า เมื่อสงครามใหญ่เกิดขึ้นทางด้านตะวันออกลาง ทีนี้เศษสงครามมันก็อาจจะเข้ามาถึงประเทศไทย ต่อไปก็เป็นการเดาอีก ขอเดานะ ไม่ได้พูดตรงๆ จะหาว่าดูผิดก็ไม่ได้ เดามันผิดได้ ขอเดาว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ แต่ความจริงเวลานี้ยังไม่มีใครจะให้เกิดเวลาที่พูดนี่นะ วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ แต่กว่าหนังสือนี่จะออกถึงเดือนมีนาคม ถ้าสงครามเกิดก็เกิดแล้ว ไม่เกิดก็ไม่เกิด ในระหว่างนี้ ต่างคนต่างมอง ต่างคนต่างพูด แสดงเรื่องการเมืองเอาเหตุผลต่างๆ มาหักล้างกัน ก็ไม่แน่นักว่ามันจะเกิด ก็อยากจะบนบานศาลกล่าวว่า มันไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ทว่าพระดำรัสขององค์สมเด็จพระชินสีห์ไม่เคยผิด แต่ว่าท่านไม่ได้บอก พ.ศ.

            เป็นอันว่า ประเทศไทยก็จะถูกหางหรือท้ายฝนละอองฝนจากสงคราม ก็เป็นอันว่า เราถูกละอองฝนดินแดนเราก็จะไม่เสีย แต่ว่าชีวิตคนอาจจะเสียไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ของกินของใช้ราคามันแพงมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเราต้องใช้น้ำมัน โรงงานต่างๆต้องใช้น้ำมัน ในเมื่อสงครามเกิดขึ้นในเขตของบ่อน้ำมัน เราจะมีโอกาสซื้อน้ำมันได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ ท่านดามุสท่านบอกว่า อำนาจของฝ่ายน้ำมันมีอำนาจมาก สามารถเอา อาวุธใส่ในท้องปลาไปยิงระเบิดที่ไหนก็ได้ นั่นหมายถึง เรือดำน้ำ ถ้าเราส่งเรือไปซื้อของในเขตใดเขตหนึ่ง ซึ่งเป็นของศัตรูเขา เรือดำน้ำของเขาอาจจะยิงเรือพาณิชย์ของเราก็ได้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนที่พบระหว่างสงครามจะมีความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ แต่ว่าขอยืนยัน บรรดาท่านพุทธบริษัทว่าสิ่งที่เราไม่ต้องกลัวอย่างหนึ่งคือ เขาประกาศบอกว่า การสงครามนี้เขาจะใช้อาวุธเคมีบ้าง จะใช้นิวเคลียร์บ้าง จะใช้นิวตรอนบ้าง อาวุธทั้งหลายเหล่านี้น่ากลัวจริงๆ แต่สำหรับความรู้สึกของผู้พูด ไม่มีความรู้สึกกลัวเลย เพราะว่าพระพุทธเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ ของ ๆ ท่านทุกชิ้นที่ผลิตออกมา ท่านบอกว่ากันรังสีต่างๆได้ทั้งหมด รังสีต่างๆจะไม่กระทบกาย หรือทรัพย์สินบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีของของท่านได้ ที่ท่านทำให้นะ

            ก็เป็นอันว่า ท่านยืนยันมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๑ และท่านทำทุกครั้ง ท่านก็ยืนยันทุกครั้งว่า เกี่ยวกับรังสีไม่ต้องกลัวเลย รังสีจะไม่เข้ามาใกล้บุคคลที่มีของที่ท่านทำให้ ของนั้นอยู่ไหน ก็หากันเอาเองก็แล้วกัน ของนั้นจะขอบอกไว้เป็นนัยๆ เอาตรงๆเลยก็ได้คือ พุทธานุสสติ นั่นคือ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ และก็ภาวนาไว้ว่า พุทโธ เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ ก่อนจะออกจากบ้าน ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ บูชาพระก่อนภาวนาว่า พุทโธ ก่อนอธิษฐานขอความปลอดภัย ก่อนจะไปก็เสกน้ำลายด้วยกำลังของพุทโธสัก ๓ ครั้ง แล้วก็เดินออกจากบ้านไปหรืออยู่บ้านก็ได้ ภัยอันตรายจะไม่มีแก่ท่าน หรือว่าถ้าทำอย่างนี้ยังไม่เกิดความมั่นใจ ก็เอาของที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงทำไว้ติดกับร่างกาย แต่ต้องอาราธนาทุกวันว่า นะโม ตัสสะฯ ๓ ครั้ง แล้วก็ว่า พุทโธ เหมือนกัน และก็อธิษฐานให้ปลอดภัย อย่างนี้จะปลอดภัยจากรังสีต่างๆ แม้แต่ สะเก็ดระเบิดหรือว่ากระสุนปืนของข้าศึก ก็จะไม่มีอันตรายกับท่าน ถ้าท่านทั้งหลายมีพุทธานุสสติเป็นกำลังใจ

            ทีนี้เราก็มาคุยกันต่อไป นี่มันเรื่องคุยนะ ถ้าบังเอิญเวลานี้มีอิรักตั้งท่ายัน อิรักปรากฏว่าประกาศว่ามีคน ๑๘ ล้าน แต่ทว่าอิรัก อิหร่านนี่รบกันมาประมาณ ๘ ปี พออเมริกาส่งกำลังเข้ามาในอ่าวเปอร์เซีย อิรัก อิหร่านดีกับฉิบ พื้นที่ของอิหร่านที่อิรักยึดได้ก็พันตารางไมล์ก็ตามคืนให้หมด ปล่อยเชลยให้หมด เวลานี้ศัตรูกับศัตรู อิรักกับอิหร่านเป็นมิตรกัน อิหร่านก็เข้ากับอิรักไม่เห็นด้วยที่อเมริกาจะเอวัฒนธรรมของเธอมาใช้ในตะวันออกกลาง เขาถือว่าผิดกฎของพระศาสนา นี่เป็นว่า อิรักก็มีเพื่อนเข้าอีกหนึ่ง ประเทศคือ อิหร่าน อิหร่านนี่ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน หนักเหมือนกัน แล้วต่อมาอย่าลืมว่า สายเลือดที่ร่วมกันมา เขาอาจจะไม่ทิ้งกัน นั่นคือ ศาสนา คนที่นับถือศาสนาร่วมกันอาจจะร่วมมือกันภายหลัง อย่างนี้สงครามใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งตรงกับคำพยากรณ์ของพระท่าน ในปีที่ญวนแตกอเมริกาหนีกลับบ้าน ปีนั้นก็ถามพระท่านว่า หลังจากนี้จะมีอะไรบ้าง สงครามใหญ่จะเกิดขึ้นไหม ท่านบอกว่า คำว่าสงครามโลก ยังไม่เกิด คำว่าสงครามโลกนั่นหมายถึงว่า ทั้งโลกแบ่งกันเป็น ๒ พวก ร่วมกันรบกันอย่างนี้เรียกว่า สงครามโลก แต่สงครามครั้งที่จะเกิดทางด้านตะวันออกกลาง ท่านบอกตรงว่าจะเกิดที่ด้านตะวันออกกลาง เขายังไม่เรียกว่าสงครามโลก เขาเรียกว่าสงครามใหญ่ สงครามใหญ่คราวนี้จะมีความ ร้ายแรงไม่น้อย ร้ายแรงกว่าสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ว่าท่านก็ไม่ได้บอกอย่างดามุสว่า ถึงแม้อเมริกาอาจจะถูกนิวเคลียร์ ท่านไม่ได้บอกไว้คือไม่ได้ถาม

            รวมความว่า คำพยากรณ์ของท่านที่พยากรณ์ว่า จะเกิดที่ตะวันออกกลางก็ตรงแล้ว เวลานี้ตะวันออกกลางจะมีสงคราม อย่างน้อยที่สุดก็เป็นสงคราม เศรษฐกิจ เริ่มบีบรัดกันขึ้นมา การถูกบีบนี่ บรรดาท่านผู้ฟังและท่านผู้อ่าน สมัยเยอรมันก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี อิตาลีก็ดี ที่ต้องประกาศเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็เพราะว่าการถูกบีบคั้นจากโลกตะวันตก หรือหลายๆประเทศที่เรียกกันว่า สันนิบาตชาติ ในเวลานั้นทั้ง ๓ ประเทศลาออกจากสันนิบาตชาติ สันนิบาตชาติต่างคนต่างบีบคั้นต่างๆ หาทางกลั่นแกล้ง ถ้าไม่รบก็อดตาย มีความจำเป็นต้องรบ หมายถึงว่า ยอมเสี่ยง ยอมเสี่ยงการเสียอิสรภาพ การเสียประเทศจะต้องเป็นเมืองขึ้นเขากับความตาย ทีนี้การรบความตายมันก็เกิด แต่เกิดเฉพาะบุคคลบางกลุ่มที่เป็นทหาร และบุคคลที่อยู่ใกล้จุดยุทธสาสตร์ที่ถูกระเบิด คนนอกนั้นจะไม่ตาย ถ้าไม่รบ ความอดเกิดขึ้น มันจะตายทั้งประเทศ เขาต้องตัดสินใจรบ เรื่องสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีฉันใด เวลานี้อิรักกับอิหร่าน กำลังจับมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนามุสลิมเป็นศาสนาที่มีความรักกันมาก

            อย่างตอนใต้ประเทศไทย คราวนั้นฟังข่าวจากโทรทัศน์จาก ท่านพันเอกณรงค์ กิตติขจร ท่านบอกว่า ใครล่ะ พันเอกกัดดาฟี มั้ง ถ้าพูดชื่อผิดขออภัยด้วย ท่านเคยไปเจรจากันบอกว่า อย่ามายุ่งกับประเทศไทย แต่เขาบอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งด้วยแต่ที่ยุ่งนั่นเป็นเรื่องของศาสนา ที่จะให้มีการแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นของมุสลิมส่วนหนึ่ง ของไทยส่วนหนึ่ง เขาหวัง ๔ จังหวัดแต่ความจริงถ้าเขายึด ๔ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๘ จังหวัด ถ้า ๘ จังหวัดได้ เขาจะเอาอีก ๑๖ จังหวัด ผลที่สุดเขาก็ต้องการยึดทั้งหมดทั้งประเทศไทย ความพอใจของคนไม่มีฉันใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าสงครามเกิดขึ้น ถ้าเราจำเป็นต้องเสียดินแดน เรื่องเสียเฉพาะน่ะ ไม่มีแน่นอน มันต้องเสียกันเรื่อยไป เวลานี้เราก็ไม่มีพอที่จะเสียแล้ว แต่ที่พูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่า สงครามจะเกิดจริง สมมุติว่า ถ้ามันจะเกิด ทีนี้เรื่องของศาสนาก็จะเกิดขึ้น ที่พูดนี่ไม่ได้ยุให้คน ๒ ศาสนาทะเลาะกันนะ เป็นแต่เพียงว่าท่าน ณรงค์ ท่านบอกว่า ท่านไปพูดกับประธานาธิบดีของเขา ประธานาธิบดีของเขาก็บอกว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเป็นเรื่องของศาสนา ทีนี้ศาสนาจะเอาเงินมาจากไหนก็ทราบไม่ได้เหมือนกัน

            รวมความว่า หันมาคุยกันในประเทศไทย ถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงๆ เราจะเป็นอย่างไร ประการแรก เรายังไม่พูดถึงศาสนาก่อน เอาสงครามทางด้านตะวันออกกลางมาพูดก่อน ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ เราจะหนัก เรื่องน้ำมันนิดหน่อย แต่ว่าน้ำมันในประเทศไทย ถ้าเร่งรัดจริงๆ จะเหลือใช้เพราะอะไร เพราะว่าน้ำมันในประเทศไทยนี่มีมาก การเจาะบรรดาท่านผู้อ่าน และท่านผู้ฟัง ที่พูดนี่ก็ขอเดา คิดว่าท่านที่เจาะ เขาคงเจาะยังไม่ถึงเพดานจริงๆ ของน้ำมัน รวมความว่าถังน้ำมันถังใหญ่จริงๆ น่ะ เราจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศจีนเขาก็มีน้ำมัน เขาอยู่สูงกว่าเรา ประเทศพม่าก็มีน้ำมัน อินโดนีเซียก็มีน้ำมัน มาเลเซียก็มีน้ำมัน แล้วก็ไทยล่ะอยู่กลางทำไมจะไม่มีน้ำมัน

            ทีนี้เวลานี้การเจาะน้ำมัน การดูดน้ำมันเขาว่าได้น้อยแต่ตามความรู้สึกของผู้พูด หรือตามข่าวหนังสือพิมพ์เขาบอกว่า ความจริงปริมาณน้ำมันที่ได้ มันมากกว่าข่าวที่เขาแจ้งมา ข้อนี้จะเท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบ สุดแล้วแต่หนังสือพิมพ์ แต่เขาบอกว่าเขาแจ้งบอกว่าได้น้อย ก็ยังมีอีกหลายหลุมที่เจาะพบแล้ว เขาบอกว่าไม่พอกับเชิงพาณิชย์จึงไม่ยอมดูดขึ้นมา นี่ก็เป็นลีลาของพ่อค้าเป็นธรรดา ถ้ากำไรน้อยเขาจะไม่เอาหรือจะมาพูดกันอีกทีหนึ่ง เวลานี้ทราบว่า คนไทยศึกษาเรื่องวิชาการเจาะน้ำมันมาได้ดีแล้ว มีความชำนาญพอแล้ว แล้วกำลังจะเจาะ ก่อนหนังสือจะออกคงจะเจาะกันแล้วละมั๊ง เจาะก๊าชที่สงขลาใกล้ๆ กับบ่อเดิม จะเอก๊าชมารวมกันเข้ากับท่อเดียวกันขึ้นมาใช้จะได้มีปริมาณสูง ถ้าบังเอิญรัฐบาลท่านหรือนายทุนท่านใดท่านหนึ่ง ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาประมูลกับ บริษัทต่างๆ แต่น้ำมันมีมาก ปริมาณของประเทศไทยนี่

            ถ้าจะลองเจาะอย่างต่างประเทศเขา เอาที่ใดที่หนึ่งก็ได้ สักที่หนึ่ง ที่พูดนี่ก็เป็นการสมมุติกันนะ จะเชื่อก็ได้ สักที่หนึ่ง เพราะความรู้สึกว่ามีอยู่ว่าการเจาะที่แล้วมา เขาเจาะกันยังไม่ถึงฝาผนัง หรือเพดานของถังน้ำมัน ซึ่งมันเป็นถังใหญ่คลุมจักวาล มันเป็นทะเลอีกชั้นหนึ่งต่างหาก คือเป็นทะเลน้ำมันจริงๆ ประเทศไทยตั้งอยู่เหนือทะเลน้ำมัน จีนก็เช่นเดียวกัน แล้วก็พม่าก็เหมือนกัน บรูไนก็เหมือนกัน มันเป็นถังๆเดียวกัน ถ้าบังเอิญเราจะเจาะอย่างอังกฤษ ที่เขาบอกว่า อังกฤษเจาะที่ทะเลเหนือ เจาะลงไปลึกลงไปใต้ดินถึง ๖ กิโลเมตร ก็ได้น้ำมันขึ้นมาเพียงพอ แต่ประเทศไทยเราสำรวจแล้วว่า ที่ใดที่หนึ่งมีน้ำมันพอที่จะเจาะได้ ก็ลองเจาะสัก ๖ กิโลเมตร ถ้าเจาะสัก ๖ กิโลเมตรจะมีผลประการใด เรื่องนี้ก็ลองถามท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง ท่านมีความชำนาญในด้านนี้มาก ก็เรียกว่า ดร.สรรพศาสตร์ ท่าน ดร.สรรพศาสตร์ท่านบอกว่า ถ้าเจาะลงไปถึง ๖ กิโลเมตร ในถังน้ำมันที่มีพื้นแผ่นดินหนาหมายความว่า หลังถังน่ะลึกลงไป เจาลงไปแค่ ๓ กิโลเมตร จะถึงผิวถังน้ำมันหรือหลังคาน้ำมัน ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ไอ้ท่อที่เจาะลงไปนั้นจะจมไปในตัวน้ำมัน บ่อน้ำมันจริงๆ ครึ่งกิโลเมตร ถ้าเจาะในที่ตื้น ที่บางจุดอยู่ไม่ไกลกรุงเทพนัก ในที่นี้ถ้าเจาะถึง ๖ กิโลเมตร ท่อจะจมลงไปในเขตของน้ำมันประมาณ ๖ กิโลเมตร ถามท่าน ดร.สรรพศาสตร์ ถามว่า ถ้าเราจะดูดใช้อย่างปัจจุบันนี่ ถ้าทำอย่างนั้นจะใช้ได้สักกี่ปี ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเอา ๓๐ เท่าของปัจจุบันใช้ไป ๕,๐๐๐ ปีน้ำมันยังไม่หมด ปริมาณยังไม่ลด

            นี่แหละบรรดาท่านผู้อ่านและท่านผู้ฟัง ถ้าบังเอิญท่าน ดร.สรรพศาสตร์ ท่านพยากรณ์ตามความรู้ของท่าน ถ้าตรงตามนี้ประเทศไทยเราก็ไม่จน อย่างอื่นจะไม่มีก็ไม่เป็นไร ไฟของเรามี น้ำมันเราก็ถูก อุตสาหกรรมของเราลงทุนถูก เพราะน้ำมันถูก เราจะขายต่างชาติได้ดี ระยะนั้นประเทศไทยเราจะรวย

            เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เราคุยกันมาวันนี้ก็ป่วยแต่เกรงว่าเล่มที่ ๑๘ นี่จะไม่ครบ ทำไปแล้วบ้างตามสมควร แต่ไม่แน่ใจว่าจะครบหรือไม่ครบ ก็ลุกขึ้นมาทำหันไปดูเวลาเหลือเวลาประมาณนาทีเศษๆ ก็ขอเตือนบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ว่า จงอย่าหวั่นไหวต่อสงคราม ขอยืนยันว่า ถึงแม้ว่าสงครามจะเกิดก็จริงแหล่ แต่ทว่าเราจะไม่ตายเพราะสงครามโลก เราจะไม่อดตายเพราะสงครามโลก และนักเกษตรศาสตร์ก็ดี นักเกษตรศาสตร์นี่จะโชคดีมาก คือจะรวย ข้าวจะแพง พวกที่เลี้ยงสัตว์ก็ดี ราคาจะแพง จะร่ำรวยทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีความประมาท บรรดาท่านพุทธบริษัท ประเทศไทยจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ เวลานี้ก็เหลือเวลา ๒๐ วินาที ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้อ่าน และผู้รับฟังทุกท่าน (ธัมมวิโมกข์ “ฉบับพิเศษ” เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ หน้า ๒๒๖-๒๓๒)

ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี

            ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ยังเป็น วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ ตามเดิม แต่ว่าพูดเป็นตอนที่ ๒ ตอนนี้ขอพูดถึงตอนที่ ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายคิดออกหรือยังว่าสงครามโลกเกิดขึ้น และมันก็ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยโดยตรง มันเกิดภายนอกประเทศ นอกเขตของไทย

            เป็นอันว่า ลูกปืนก็ไม่มาถึงประเทศไทย เครื่องบินก็ไม่มาถึงประเทศไทย แต่ต้องระวังจรวด เรื่องจรวดนี่ต้องระวังกันหน่อย เพราะจรวดมันมาจากใต้น้ำได้ มันยิงทางไกลได้ ถ้ามันจะเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นขนาดย่อมๆ ตามจุดต่างๆ เป็นจุดเล็กๆ อาจจะโผล่จุดนี้บ้าง จุดนั้นบ้าง เป็นการทำให้รวน กำลังของทหารรวน แล้วจะตั้งกลุ่มขึ้นบางจุด เป็นกลุ่มใหญ่หน่อย ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ก็รวมความว่า สงครามโลกไม่มีเรื่องหนักใจ ในเรื่องการตายของเรา เรื่องรังสีของวิทยาศาสตร์ บุคคลที่นับถือพระพุทธเจ้าจะไม่ตายเพราะรังสีต่างๆ ตามที่บอกมาแล้ว

            ทีนี้ความร่ำรวยอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ประการแรก ขอบอกว่า เรื่องน้ำมั้นจะเป็นเหตุให้รวย เพราะว่า ทุกประเทศต้องใช้น้ำมัน และอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริงๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าสงครามโดยตรง แต่ว่าทหารของประเทศบางประเทศจะต้องยกเข้ามาตั้งในจุดใดจุดหนึ่งของประเทศไทย เวลานั้นก็ขายน้ำมันให้เขา เราก็รวย ถ้ามีกองทหารอื่นเข้ามา มันจะดีหรือไม่ดี นี่ก็เป็นเรื่องของการเมืองแต่มีความจำเป็นเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับ ถ้ามีการยอมรับ รายได้ต่างๆ ของประชาชนก็เกิดขึ้น

            ทีนี้รัศมีสงคราม ในเมื่อมันไม่ถึงประเทศไทยเราก็ไม่มีความลำบาก บรรดาท่านที่ทำนาทั้งหลาย ท่านที่มีนา อย่าเพิ่งขายนา ในราคาแพงมากนัก คือขายก็ขายเถอะ แต่อย่าขายให้มันหมด ก็มีคนหลายคนมาบอกว่า มีที่ ๒๐ ไร่บ้าง ๓๐ ไร่บ้าง ๕๐ ไร่บ้าง ๑๐๐ ไร่บ้าง อยากจะขาย ขายได้ไร่ละเป็นล้าน นี่ก็เห็นใจเหมือนกัน ความจริง เงินนับล้านเป็นของหายาก ก็เห็นใจ เขาอาจจะตั้งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ถ้าไม่ลืมตัว แต่ว่า บางท่านที่ไม่มีโอกาสจะขายนาของท่านได้ นาของท่านอยู่ไกลที่เจริญ อยู่ไกลแม่น้ำ ไกลถนน ถ้าเขาจะซื้อ ก็ซื้อราคาถูก ท่านก็ไม่อยากจะขาย ท่านจะขายราคาแพง ในที่สุดท่านก็ไม่มีโอกาสขายในเมื่อเวลานี้ไม่มีโอกาสจะขาย ท่านอาจจะเสียดายว่าที่นาของเราไม่ได้ขาย เราไม่รวย

            แต่ทว่าถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริงๆ ท่านจะดีใจ เพราะนาท่านไม่ได้ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะข้าวของท่านออกมาราคาแพง มันจะขายได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็จะแพงกันหมด ดูสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายาก ยิ่งเขายิ่งรบกัน โอกาสที่เขาจะทำมันก็มีน้อย เขาต้องใช้เวลารบกันมากขึ้น ทีนี้เราก็ขายได้ดี

            มาส่วนด้านของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมก็มีมาก แต่ว่าอุตสาหกรรมก็ต้องระวังโรงงาน โรงงานต่างๆ ต้องระวังระเบิดภาคพื้นดิน ไม่ใช่ระเบิดจากอากาศ ระเบิดภาคพื้นดินจะอาละวาด ถ้าจะถามว่าหาทางป้องกันอย่างไร นี่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือท่านเจ้าของโรงงาน ทางด้านพุทธศาสนาก็มี บอกไม่ได้ จะบอกได้อย่างไรว่า เรานับถือพระพุทธเจ้าเท่ากันหรือเปล่า ถ้านับถือเท่ากัน ก็เอาของที่ท่านให้ไว้ ท่านให้ ไว้นั่นก็คือ ความดี ของดี ถ้ามีไว้ ในรัศมีนั้นจะไม่มีอันตรายจากภัยระเบิด และภัยโจมตีต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น

            เหมือนกันสมัยที่มี ผกค. ในที่ต่างๆ เคยถูกโจมตี และเจ้าของสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ในที่นั้นเกิดมีความเคารพพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีของอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงไว้เป็นเขต ในเขตนั้นปรากฏว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยถูกโจมตี หรือข้าศึกยิงเข้ามา ก็ไม่เข้าสถานที่ตรงหน้าเข้าฐาน เป็นอันว่าทหารในเขตนั้นก็ปลอดภัย ข้อนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนาจริง และยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง สิ่งใดที่ท่านให้ไว้ สิ่งนั้นเราเคารพด้วยความจริงใจและทุกท่านจะปลอดภัยจากสงครามโลกครั้งที่ ๓

            ทีนี้ถ้าโรงงานต่างๆ มีความเคารพพระพุทธเจ้า ด้วยความจริงใจจริงๆ โรงงานนั้นๆ จะพ้นอันตรายจากระเบิด และการทำอันตรายต่างๆ จากสรรพาวุธจะไม่เกิดขึ้นกับโรงงานนั้น โรงงานนั้นในเมื่อผลิตของได้ก็จะขายดี รวย เขารบกัน เขาไม่มีเวลาทำ เรามีเวลาทำ เพราะเราไม่ต้องรบ เขาต้องสูญเสียเงินเพราะการรบ เราก็ขายของของเรา ในเมื่อของมันขาดราคาก็แพง ในเมื่อขายของได้ราคาแพงมากรัฐบาลก็ได้ภาษีอากรมากขึ้น ประเทศก็รวยคนในประเทศก็รวย นี่พูดถึงความร่ำรวยที่ไยจะเป็นมหาเศรษฐี

            โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันตามจุดต่างๆ ที่บริษัทเขาเจาะไว้ เขาบอกว่า มันไม่พอใช้ มันก็จะปรากฏขึ้น เพราะเราไม่มีโอกาสซื้อน้ำมันต่างประเทศ ถ้าน้ำมันต่างประเทศจะซื้อได้ยากราคาแพง อันนี้เขาจะดึงขึ้นมาใช้ ราคาเหมือนราคาต่างประเทศอย่างนี้ อุตสาหกรรมของเราก็จะรวยไม่ได้ ถ้าบังเอิญคนไทยอย่างที่ฝาง ใช้หัวเจาะลึกๆ หัวเจาะยากๆ เจาะลงไปลึกๆ แต่ตามหลักนักวิชาการเขามีอยู่ อาตามาก็ไม่ได้ค้านตามนั้นนะ ลองเจาะดูตามที่ ดร.สรรพศาสตร์ ท่านพูด ดร. สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ที่ใดก็ตามเจาะลงไป มันจะมีน้ำมัน แต่ว่า ผิวดินมันจะลึก จะตื้นกว่ากันนั่นอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เท่าที่เขาเจาะเวลานี้ยังไม่ถึงขุมน้ำมันจริงๆ มันไปถึงต่อมเล็กๆ บนหลังน้ำมันยังไม่ถึงถังขุมน้ำมันแท้ ถ้าใช้หัวเจาะประมาณ ๖ กิโลเมตร อย่างอังกฤษเจาะ อย่างนี้ไม่ต้องใช้กี่บ่อแล้ว เพียงแค่ ๑๐ บ่อ ดึงกันวันไม่รู้จักเท่าไร เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด เราใช้ประมาณ ๓๐ เท่า หรือ ๓๐๐ เท่าของเวลานี้สัก ๑,๐๐๐ ปี มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นทะเลใหญ่ ดร.สรรพศาสตร์ท่านพูดอย่างนี้นะ

            ถ้าบังเอิญคนไทยของเราดีขึ้นมาได้เอง เราก็กดราคาน้ำมันให้ต่ำลงไป อย่างแพงที่สุดก็เท่าเราคาน้ำมันในปัจจุบัน รักษาราคาน้ำมันไว้ ต่างประเทศเขาต้องซื้อแพง เราถูก อุตสาหกรรมของเราก็มีราคาถูกขายได้กำไร กำไรมีมาก กำไรจากอุตสาหกรรม ด้วยกำไรจากเกษตรกรรมด้วย กำไรจากน้ำมันด้วย และก็มีกำไรมากมาย ประเทศไทยก็จะเป็นมหาเศรษฐี ทีนี้ต่อไป มันก็มีเวลาเหลือ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็มาคุยกันว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดจะว่าอย่างไร ก็ต้องตอบว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดก็เป็นของดี แต่ว่าท่าน ดร.สรรพศาสตร์นี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอกเขาไม่เรียกสงครามโลก เขาเรียกสงครามใหญ่ มันเป็นสงครามใหญ่ ไม่ใช่สงครามโลก

            ก็เป็นอันว่า ถึงแม้จะเป็นสงครามโลกก็ตาม สงครามใหญ่ก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราก็เอาบทเรียนจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาใช้กัน

ประการที่ ๑

            ผ้าในสมัยนั้น หาคนนุ่งผ้าดีได้ยาก ส่วนมากก็จะมีคนนุ่งผ้าขาดๆ เพราะเวลานั้นโรงงานทอผ้าของเรายังมีน้อย แต่เวลานี้โรงงานทำผ้าของเรามีมากแต่ก็ไม่แน่นอนนัก บางทีระเบิดเพลิงจะเกิดจากภาคพื้นดินก็ได้ ถ้าระเบิดเพลิงจากภาคพื้นดินเกิดกับโรงงาน โรงงานทำผ้าของเราก็จะสลายตัว ผ้าก็จะน้อย อันดับแรก เตรียมผ้าไว้ก่อน อันดับที่ ๒ เตรียมพื้นดินไว้ ถ้ามีอยู่บ้าง ไม่มากไม่มาย ก็อย่าเพิ่งรีบขายเกินไป ถ้าได้กำไรมากๆ เป็นล้านๆ ก็ไม่ว่าอะไร ขายเถอะ แล้วก็เก็บเงินไว้ให้ดี อย่าใช้ให้มันหมดตัว จงคิดว่า ถ้ามันหมดตัวแล้ว เราไม่มีทางจะหาที่ดินจะขายได้ใหม่

ประการที่ ๒

            ก็เตรียมเนื้อ เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมใจไว้นึกถึงความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ โลกไม่มีความสุข โลกเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นอนิจจังมันก็เป็นทุกข์ ในที่สุดก็เป็นอนัตตาตายหมด ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไรความจริงเป็นอย่างนั้น ถ้าเรายอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าจิตไม่ยอมรับ มันก็มีความดิ้นรน มันก็มีความเร่าร้อน ถึงจะดิ้นรน จะเร่าร้อนขนาดไหนก็ตามเราก็จะหนีไม่พ้น ในเมื่อหนี้ไม่พ้น เราก็ต้องทนสู้ ทนสู้กับภาวะสงคราม ทีนี้เราจะสู้กับใคร เราก็สู้กับตัวเราเอง นั่นคือ ต้องใช้น้อย กินน้อย นอนมากๆ และตื่นไวๆ ใช้กำลังร่างกายทำการงานให้ดี ได้พูดอย่างนี้ก็พูดเรื่อยเฉื่อยไป

            เป็นอันว่า ตามคำพยากรณ์ของ ดร. สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี แล้วคนไทยทุกคนจะเป็นเศรษฐีไหม ก็ต้องขอบอกว่า คนไทยทุกคนไม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน แต่ว่าก็มีจำนวนมาก ก็จะเป็นลูกศิษย์มหาเศรษฐี คือเป็นคนงานของมหาเศรษฐี เราก็จะเป็นเศรษฐีเล็ก ในครอบครัวเล็กๆ ได้เหมือนกัน สมมุติว่าครอบครัวใดยังไม่เคยมีเงินล้าน ครอบครัวเล็กๆ ประเภทนั้นจะมีเงินล้านใช้ ประเภทครอบครัวที่มีเงินแสนใช้ต้องถือว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก ถ้าบ้านไหนมีเงินล้านใช้ ถือว่าเป็นบ้านที่พอมี พอกินพอใช้ พอหาได้เลี้ยงตัวรอด ที่มีเงินเหลือเป็นแสน ก็ถือว่าเลียงตัวรอดเหมือนกัน ที่ได้มาอย่างนี้เพราะว่า เรามีกำไรจากสงคราม แต่เราไม่อยากให้เกิดสงคราม

            ทีนี้มาพูดอีกทีหนึ่งที่ ดามุส ท่านบอกว่าศาสนาคริสต์จะสลายตัว แต่ศาสนาอิสลามท่านไม่ได้บอกว่า จะสลายตัวหรือเปล่า แต่ว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้น หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน

            ตอนนี้ ด้านศาสนาของเขาก็จะมีการหย่อนตัวลงไป เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจ ความเสียหายเกิดขึ้น ตายไปฝ่ายละครึ่งนี่ไม่ใช่เล็กน้อยนะ บรรดาท่านพุทธบริษัทการเชื่อพระเจ้าจะน้อยลง หรืออาจจะสลายตัวอย่างท่านดามุสบอกก็ได้

            ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนาถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้เพราะ คนเห็นทุกข์ ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือศีลธรรมมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งนับบวชฝ่ายปฏิบัติ สำหรับฝ่ายปริยัตินั้นก็อีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก คือท่านเรียน แต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติก็จะเจริญขึ้น ในช่วงนั้นอาจจะมีพระที่ได้อภิญญา หรือว่านักปฏิบัติที่เป็นฆราวาสที่ได้อภิญญาเกิดขึ้น ถ้ามีนักอภิญญาเกิดขึ้น บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่างๆ จะเกิดขึ้นได้น้อยเต็มที เพราะอาศัยอภิญญาช่วย และนอกจากนั้นความเจริญรุ่งเรืองทางด้านจิตใจของเรา ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก เพราะเราไม่เสียหายมาก เรามีความสุข ในเมื่อเขาเลิกรบกัน เขาก็ขาดเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารการบริโภค เขาก็ขาดเราก็ขาย เครื่องมือเครื่องใช้เขาขาด โรงงานประเทศไทยของเราเวลานี้มีมาก เราก็ขาย

            รวมความว่า ทุกอย่างมันก็จะมีแต่ความก้าวหน้า จะมีความร่ำรวย ดูตัวอย่างประเทศเยอรมันกับประเทศญี่ปุ่น เมื่อหลังสงครามโลก ถูกบีบบังคับห้ามไม่ให้มีทหาร พอ ๒ ประเทศ ไม่มีทหารขึ้นมา ไม่ต้องเสียเงินค่างบประมาณทหาร เพราะว่างบประมาณทหารต้องเสียมาก เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องเตรียม เตรียมไว้บางทีไม่ได้ใช้ ล้าสมัยต้องซื้อใหม่ ของเก่าก็เก็บไว้ หรือว่าขายไป

            ทีนี้ในเมื่อไม่ต้องเตรียมการรบ ไม่ต้องเตรียมทหาร งบประมาณก็เหลือใช้ ประเทศก็มีความร่ำรวย ประเทศไทยเราก็ฉันนั้น ในสมัยเมื่อเขารบกัน เราก็พยายามประวิงทุกอย่าง อย่าให้มีการรบ ถ้ามันมีความจำเป็นจริงๆ ก็จำกัดสถานที่รบ นั่นหมายความว่า สงครามใหญ่ ไม่มีใครเข้ามาในประเทศไทย พวกเขาตีกันทางโน้น เขาไม่ตีมาทางนี้ เขาอาจจะตีไปทางยุโรป ตีไปทางอเมริกา เขาไม่ตีมาถึงประเทศไทย แต่ว่าประเทศไทยก็ต้องมีส่วนร่วม ส่วนร่วมในความทุกข์ที่จะเกิดสงคราม

            ทีนี้ในเมื่อเขาไม่ตีเข้ามาถึง เราก็มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายไว้นิดว่า ตีเล็กมีนะ ตีใหญ่น่ะไม่มี มีแต่ตีเล็กก่อกวน สงครามก่อกวนจะมีเป็นของธรรมดาทั้งนี้ก็ต้องเชื่อความสามารถของรัฐบาลและทหารตำรวจเราสามารถจะควบคุมความสงบสุขไว้ได้ เหตุต่าง ๆ จะเกิดขึ้น จะไม่พ้นวิสัยของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ จะสามารถปราบปรามได้ ถ้าถามว่า เขาใช้รัศมีอาวุธเคมี ใช้รังสีต่างๆ ก็ขอตอบว่า เป็นเรื่องเล็กๆ พุทธศาสนาป้องกันได้แน่ อันนี้ขอยืนยัน จะเป็นนิวตรอน นิวเคลียร์ นิวอะไรก็ตามเถอะ ขอยืนยันว่า พุทธศาสนาป้องกันได้แต่ แต่ว่าทั้งนี้ท่านทั้งหลายต้องไปหาจากพระที่เป็นนักปฏิบัติทางด้านจิตใจ ที่ท่านเข้าถึงฌานโลกีย์ทรงตัว ก็ทรงความเป็นอภิญญา

            ถ้าถามว่า เวลานี้จะหาที่ไหน ก็ต้องขอตอบว่าเวลานี้อย่าเพิ่งหา อาจจะมีอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้ แต่ไม่มีใครเขาบอกกัน ถ้าถึงเวลานั้นจะปรากฏตนเอง ท่านจะแสดงออกมา ให้เห็นถึงความปลอดภัยว่า ท่านสามารถจะป้องกันได้ ถ้าท่านองค์ไหนจะเป็นพระก็ดี จะเป็นฆราวาสก็ดี ไม่ได้ หมายความว่าพระเสมอไป ฆราวาสที่มีความสามารถก็มีมาก ก็สามารถจะป้องกันได้ สามารถจะทำได้ ก็พึ่งท่านนั้น ท่านต้องให้เป็นที่พึ่งแน่นอน ทั้งนี้เพราะอะไร ถ้าหากว่าเราทั้งหลายตายกันหมด ท่านก็ตายเหมือนกัน ท่านอดตาย เพราะว่าท่านต้องอาศัยพวกเรากิน พวกเราหากินหาใช้เหลือ เราก็ให้ท่าน

            อย่างสมมุติว่า ถ้าพระบิณฑบาต เราก็ถวายพระ ถ้าชาวบ้านอด ชาวบ้านตายหมด พระก็ตายเพราะไม่มีใครจะให้ ข้อนี้ฉันใด เวลานั้นก็ตาม ท่านที่ทรงอภิญญา จะเป็นพระก็ตาม จะเป็นฆราวาสก็ตาม ไม่มีใครปกปิดความสามารถ สามารถจะป้องกันรังสีต่างๆได้ และป้องกันสรรพาวุธได้ตามกำลัง แต่บุคคลที่ต้องตายไปบ้าง นั่นก็หมายความว่า บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัย บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัยนี่ เราป้องกันไม่ได้ มันมีความจำเป็น คนประเภทนี้ จะรบก็ตาย ไม่รบก็ตาย นอนเฉยๆ ก็ตาย กินข้าวอยู่ก็ตาย นอนหลับก็ตาย คุยกันก็ตาย เพราะถึงอายุขัย เวลานั้นมันต้องตาย

            ก็รวมความว่า ประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าไว้ ความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ก็มี ๔ อย่าง เอาสัก สอง ๔ อย่าให้เป็นการใบ้หวยละ ๔ นี่หนึ่งก็เราอย่างง่ายๆ คือ สังคหวัตถุ ๔ คือ

            ๑. ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันเข้าไว้ สร้างความรักเข้าไว้ อย่าสร้างศัตรู การให้ทานเป็นการทำลายล้างศัตรู ไม่ให้เกิดศัตรูขึ้นมาเพราะเราบุคคลผู้รับย่อมรักในบุคคลผู้ให้
            ๒. ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขจากคำพูดของท่าน เขาก็จะรักเรา ในเมื่อเขารักเรา เราก็มีความสุข
            ๓. ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน ถ้าเขาเกินวิสัยเราช่วย เขาก็จะเกิดความรัก
            ๔. เราไม่ถือตัวไม่ถือตน การไม่ถือตัวไม่ถือตน จัดเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก

            อันนี้เป็นความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้เป็นอันดับแรก รักษากฎ ๔ ประการนี้ได้ บรรดาท่านทั้งหลาย เราจะมีแต่คนรัก เราจะไม่มีคนเกลียด ทีนี้ถ้าจะถามว่า ในเมื่อเขาประกาศสงครามกัน เขาไม่รู้จักกัน เขายิงจรวดมา จะทำอย่างไร มันก็เป็นของไม่ยาก เขาจะยิงมาหรือไม่ยิงมา เราก็ภาวนา พุทโธ ไว้ จิตใจยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าโดยตรง สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทำไว้ ท่านให้ไว้เรานับถือด้วยความจริงใจ สิ่งนั้นท่านทั้งหลาย จะป้องกันอันตรายท่านได้อย่างแน่นอน และประการต่อไปอีก ๔ อย่างก็คือ พรหมวิหาร ๔

            ๑. เมตตา ความรัก สร้างความรัก ทำจิตใจเกิดความรักทั้งคน และสัตว์ทั้งโลก ถือว่าเราเป็นมิตรกัน
            ๒. มีความสงสาร คอยเกื้อกูลกันไว้เสมอ อย่าเห็นแก่ตัว
            ๓. ยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยาใคร
            ๔. เมื่อบุคคลนั้นถึงอายุขัยต้องตายเพราะอาวุธ ต้องตายตามกาลเวลาเราก็ วางเฉย

            ในเมื่อมีความดีอีก ๔ประการอย่างนี้แล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะปลอดภัย อย่าลืม สังคหวัตถุ ๔ เป็นความดีเล็กน้อย ความดีขั้นต้น พรหมวิหาร ๔ เป็นความดีสูงสุด คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่สามารถจะยับยั้งได้ ก็ทำใจวางเฉย ไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง

            นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง เวลาเหลือประมาณ ๕ นาที ก็คุยกันไปคุยกันมา ย้อนถึงสงครามโลกครั้งที่ ๒ อีกสักนิดหนึ่งว่า ทำไมถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น จะชี้ตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่งเพราะสมัยนั้นผู้พูดอยู่ในกรุงเทพฯ คืนใดถ้ามีปกติ เครื่องบินไม่มาทิ้งระเบิด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนเช้าไปบิณฑบาตเวลานั้นคนหนีระเบิดมาบ้านนอกกันมาก มาต่างจังหวัดกันมาก คนใส่บาตรมีน้อย พอกินแค่เช้า เพลไม่พอกิน แต่ว่าบังเอิญคืนไหนถ้ามีเครื่องบินมาโจมตีทิ้งระเบิด เวลาเช้าไปบิณฑบาตปรากฏว่ามีคนใส่บาตรมากเป็นพิเศษ ไปไม่ทันถึงครึ่งทางก็เต็มบาตร ยามปรกติไปจนสุดทาง แล้วก็เดินทางกลับ ยังไม่ถึงครึ่งบาตร แต่คืนไหนมีเครื่องบินมาโจมตี รุ่งเช้าคนทำบุญกันมาก

            จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือเขาจะถือว่า เป็นการฉลองชีวิตที่เกิดใหม่จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้ง ยิงกราดด้วยปืนกลก็ยิง แต่เขาก็ปลอดภัย จึงทำบุญกันใหญ่ ข้อนี้ฉันใดบรรดาท่าน พุทธบริษัททั้งหลาย ในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้นเป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือว่าเป็นอาวุธดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้เขาเลิกใช้แล้วเครื่องบินสมัยใหม่ เขาดีกว่าสมัยนั้นมาก อาวุธทีใช้ใหม่ ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมาก

            ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกันเวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียมเราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย

            สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเอง ให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอาหรือถ้าดีกว่านั้นไปพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปนิพพานก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้กำลังใจจะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิดในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนาญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย

            เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมองดูเวลาก็เหลือเวลานาทีเศษๆ ในตอนนี้ก็ขอสรุปว่า ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย อย่าลืมองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า

            เราจะบูชาพระทุกวันนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนหลับ ตื่นใหม่ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้า บูชาพระ บูชาพระอย่างอื่นไม่ได้ ก็ว่า นะโม ตัสสะ ฯ ๓ หน ด้วยความเคารพใน พระพุทธเจ้าจริงๆ แล้วว่า

            พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
            ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
            สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

            แค่นี้ก่อนหลับ และตื่นใหม่ๆ ทุกวัน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายทุกท่าน จะปลอดภัย และมีความร่ำรวย

            เวลานี้หมดเวลาแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และผู้อ่านทุกท่าน (ธัมมวิโมกข์ “ฉบับบพิเศษ” เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ หน้า ๒๓๓-๒๔๐)

สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ
การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะทานทั้งปวง

(หนังสือเล่มนี้ถูกจัดพิมพ์ที่ บริษัทเยลโล่การพิมพ์ โทร ๐๒ ๔๖๕ ๓๔๗๓ / ๔๖๕ ๙๑๖๕) (หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด ๑๗๗ หน้า)

ขอพิมพ์ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
จบบริบูรณ์
พิมพ์โดย กวางน้อย

อารมณ์ขันของหลวงพ่อ