วันวิสาขบูชา วันหยุดสากล ตามมติองค์การสหประชาชาติ
จากความสำคัญและโดดเด่นของพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาเดียวที่สร้างสันติภาพให้แก่ชาวโลกเสมอมา ดังนั้น องค์การสหประชาชาติ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า UN(United Nations) อันเป็นองค์กรอิสระ
ระหว่างชาติที่สำคัญยิ่งของโลก ผู้ที่เป็นประธานร่างกฏบัตรขององค์กรนี้ ครั้งแรกคือวินสตัน เซอร์ซิล อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และอดีตประธานาธิบดีรุสเวลท์แห่งสหรัฐอเมริกา และได้มีการลงนามเปิดประชุมให้การรับรองต่อกัน เป็นครั้งแรก เมื่อ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๘๘ โดยมีผู้แทนเข้าร่วมประชุมทั้งหมด ๕๐ ประเทศ
ความสำคัญของวันวิสาขบูชา คือเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาเอกของโลก เหตุที่ทางองค์การสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญแก่วันนี้ มิใช่เพียงเพื่อประโยชน์ของ
ชาวพุทธทั่วโลกเพียงอย่างเดียว แต่จะยังประโยชน์สำคัญยิ่งต่อชาวโลกในข้อที่ว่า "พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น ควรจะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสันติภาพถาวร ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติทั่วโลกในอนาคตอีกด้วย" เพราะการประกาศวันวิสาขบูชาให้เป็นวันหยุดสากล (International Recognition of the Day of Vesak) นั้น หมายถึงว่า จะได้เป็นวันหยุดที่สำคัญยิ่ง ของบรรดาประเทศสมาชิก ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๑๕๙ ประเทศ
โดยปกติทั่วไปแล้ว ประเทศไทยเรานั้น ในฐานะที่เป็นประเทศพุทธศาสนา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐(มาตรา ๙ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก)
และตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
ดังนั้น ทางคณะสงฆ์โดยมติมหาเถรสมาคม ได้ออกประกาศชักชวนให้วัดวาอารามและชาวพุทธทั่วไป
ประดับธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ประดับโคมไฟ ตามวัดวาอารามและอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ข้อสำคัญที่สุด ก็คือ การประกาศชวนเชิญให้ชาวพุทธทั้งหลาย ได้สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ งดเว้นจากอบายมุข บำเพ็ญจิตภาวนา แผ่เมตตาส่งความปรารถนาดีและความสุข ไปสู่มวลหมู่มนุษย์และสรรพสัตว์ทั่วโลก อย่างน้อยเป็นเวลา ๗ วัน
ดังนั้น วันวิสาขบูชาปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ทางองค์การสหประชาชาติ สำนักงานใหญ่ นครนิวยอร์ค ในสมัยการประชุมครั้งที่ ๕๔ ตามระเบียบวาระการประชุมที่ ๑๗๔ ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ได้ประกาศรับรองให้ วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดสากลขององค์การสหประชาชาติ โดยมีประเทศต่าง ๆ ทั้งที่นับถือพระ
พุทธศาสนาและมิได้นับถือพระพุทธศาสนาต่างพากันให้การรับรองสนับสนุนอย่างท่วมท้น และในเรื่องนี้ ก็ควรที่ประเทศซึ่งมิได้นับถือพระพุทธศาสนา จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน จากวันหยุดอันสำคัญนี้ด้วย กล่าวคือ "การประกาศชวนเชิญให้มวลประชาชาติของตน หยุดการกระทำความชั่วทุกชนิด ให้ทุกคนหันมาสร้างสรรในสิ่งที่ดีงาม และจากข้อนี้ แม้แต่ทหารที่อยู่ในสมรภูมิสงคราม ก็ควรที่จะได้หยุดการเข่นฆ่า ทำลายล้างกันอย่างน้อยเป็นเวลา ๗ วันด้วย"
หากประชาชาติทั่วโลกได้มาร่วมมือร่วมใจกันสร้างสันติภาพที่แท้จริงและถาวรให้เกิดขึ้นแก่โลกเรานี้โดยการยึดหลักธรรม ๕ ประการ คือ
๑. การไม่เบียดเบียนเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน
๒. การไม่ประพฤติตนเป็นคนทุจริตคดโกงต่อบุคคลอื่นและต่อประเทศชาติบ้านเมือง
๓. การไม่ล่วงล้ำสิทธิเสรีภาพและอธิปไตยของกันและกัน
๔. มีความจริงใจในสนธิสัญญาและสัจวาจาต่าง ๆ ที่เคยให้ไว้แก่กันและกัน
๕.ไม่หลงไหลมัวเมาดื่มเสพย์ในสิ่งเสพติดให้โทษทั้งหลาย
ทั้งหมดนี้ ก็จะทำให้วัตถุประสงค์หลักที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ ๔ ประการ คือ
๑. เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์รุ่นต่อไป ให้ปลอดภัยจากสงคราม
๒.ให้มีสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ๑
๓. สร้างความยุติธรรมและความเคารพในพันธกรณีระหว่างชาติ
๔. เสริมสร้างความก้าวหน้าทางสังคม ตลอดถึงสร้างมาตรฐานของชีวิตให้ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็จะบรรลุเป้าหมาย ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้อย่างแน่นอน
|