ทรงปรารภสักการะบูชา

              ครั้งนั้น ต้นรังทั้งคู่ เผล็ดดอกบานเต็มต้น ล่วงหล่นมายังพระพุทธสรีระ บูชาพระตถาคตเจ้า เป็นมหัศจรรย์ แม้ดอกมณฑาในเมืองสวรรค์ ตลอดทิพยสุคนธชาติก็ตกลงมาจากอากาศ บูชาพระตถาคตเจ้า ใช่แต่เท่านั้น ยังเทพเจ้าทั้งหลายก็ประโคมดนตรีทิพย์ บรรลือลั่นเป็นมหานฤนาท บูชาพระตถาคตเจ้าในอวสานกาล

              ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่พระอานนท์เถระว่า "อานนท์ การบูชาพระตถาคตด้วยอามิสบูชา แม้มากเห็นปานนี้ ก็ไม่ชื่อว่า บูชาพระตถาคตอันแท้จริง อานนท์ ผู้ใดแล มาปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่งในธรรม ผู้นั้นชื่อว่า บูชาพระตถาคตด้วยการบูชาอย่างยิ่ง" พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระกรุณาเตือนพุทธบริษัทให้หนักแน่นในธรรมานุธรรมปฏิบัติ เพื่อประสงค์จะให้พระศาสนาสถิตสถาพรดำรงอยู่ในโลก ตลอดกาลนิรันดร ด้วยประการฉะนี้

              ครั้งนั้น พระอุปวาณะเถระ ยืนถวายงานพัดอยู่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ตรัสสั่งให้พระอุปวาณะถอยออกไปเสีย พระอานนท์เกิดปริวิตกว่า "ความจริง พระอุปวาณะองค์นี้ ก็เป็นพุทธอุปัฏฐากใกล้เคียงพระบรมศาสดามานานแล้ว ไฉนหนอในกาลสุดท้ายนี้ พระบรมศาสดาจึงไม่ทรงพอพระทัยให้ถวายปฏิบัติดังเช่นเคย น่าจะมีเหตุอะไร จึงได้เข้าเฝ้าทูลถาม

              พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า "อานนท์ ขณะนี้ เทพดาทั้งหมด ทุกท้องสวรรค์ชั้นฟ้า ได้มาประชุมกันบูชาพระตถาคต โดยหวังจะเห็นพระตถาคตในครั้งสุดท้ายนี้ แต่พระอุปวาณะได้มายืนกั้นอยู่ ณ เบื้องหน้าเสีย เทพดาทั้งหลายพากันยกโทษ ด้วยไม่สมใจที่ตั้งใจมา ดังนั้น ตถาคตจึงสั่งให้พระอุปวาณะถอยออกไปเสียออกจากที่เบื้องหน้านี้"

ประทมอนุฏฐานไสยา    ทรงแสดงสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล