“ ไซอิ๋ว” 2
ซอง โกคู (ซุน หงอคง)




พระตถาคตองค์นี้คือ " เก็นโจ ซันโซ " (พระถังซัมจั๋ง ) ท่านได้รับหมอบหมายให้เดินทางไปที่ " ชมพูทวีป " คือ ( ประเทศอินเดีย ในปัจจุบันนี้ ) เพื่อไปอัญเชิญพระไตรปิฏก...ในระหว่างเดินทาง นั้นท่านจำเป็นที่จะต้องผ่าน มาทางภูเขาโกเคียวและได้มาพบและเห็น " หงอคง " เข้า เมื่อ หงอคง เห็น พระถังซัมจั๋ง ยืนสงบและดูมองมันอยู่ จึงด้วยความ ดีใจ จึงร้องขอความช่วยเหลือทันที " ข้าเกลียด และเบื่อที่จะอยู่ใต้หินนี่ เหลือเกินแล้ว..ก็อยู่มาตั้ง 500 ปีแล้วนี่ ได้โปรดเถิดหลวงพ่อช่วยปลดปล่อยข้า ด้วยเถิด...แล้วข้าจะยอมเป็นบริวารติดตามไปทุกหนทุกแห่งกับท่าน เพื่อปกป้องคุ้ม ครองท่านให้พ้น จากอันตรายเป็นการตอบแทน..โปรดช่วยลิงที่น่าสงสารตาดำ ๆตัวหนึ่งด้วยเถิด..หลวงพ่อ"


พระถังซัมจั๋ง จึงได้สวดมนต์ขึ้นและทำลายหินที่กักขัง " หงอคง " ให้... หงอคง จึงได้ออกมาเป็นอิสระ อีกครั้ง หลังจากที่ถูกจองจำมานานหลายร้อยปี และเมื่อมันได้เป็นอิสระแล้ว " ฮ่า ๆๆๆเป็นอิสระแล้วนี่ ทีนี้ก็ เป็นทีของข้าหละ !!" มันรีบทำท่าที่จะผิวปากเพื่อหมายที่จะเรียก " ก้อนเมฆกายสิทธิ์ " ยานพาหะ คู่ชีพ ให้ออกมารับหมายที่จะหนีและไม่ทำ ตามสัญญาตามสันดานขี้โกงของมันทันที...แต่ พระถังซัมจั๋ง นั้นรู้ทันเสียก่อน จึงได้สวดมนต์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ใน ฉับพลันนั้นอยู่ ๆที่ขมับของ หงอคง ก็เกิดมีอาการ บีบรัดขึ้นมาเหมือนมีเชือกรัดอยู่จนแน่น มันได้รับความเจ็บปวดและ ทรมานอย่างแสนสาหัส จนถึงกับลง ไปนอนร้องและดิ้นพลาด ๆ อยู่ตรงพื้นที่ยืนอยู่นั้นทันที...


" โอ้ย...ช่วยด้วยเจ็บเหลือเกิน " หงอคง ร้องลั่น...แล้วยิ่งไปกว่านั้นอยู่ ๆที่ตรงขมับของ " หงอคง " ที่เหมือนมีเชือก รัดอยู่นั้น ก็กลับกลายเป็นมีมงกุฏทองครอบไว้อยู่แทน แล้วยังแถมบีบรัดเข้ามา.. บีบรัดเข้ามาจนขมองของมัน เกือบจะแตก ออกเป็นเสี่ยง ๆเสียก็ไม่ปาน... หงอคง ให้เป็นเจ็บปวดทรมาน จนสุดที่จะทนต่อไปได้ไหว จึงได้ตาลีตาเหลือกพูดอ้อน วอนขึ้น แบบจนมุมและจนหนทางว่า " พอเถอะ ๆ จะไม่คิดหนีอีกแล้วหละหลวงพ่อ...หยุดเถอะข้าเจ็บปวดเหลือเกิน " พระถังซัมจั๋ง จึงได้ถอน มนต์ออกให้...แล้วความเจ็บปวดทั้งหมดก็ละลายหายไปอย่างเป็นปริดทิ้งและน่าอัศจรรย์ เลยทีเดียว....


แล้วจึงเป็นด้วยการละฉะนี้เอง.." หงอคง " จึงได้กลายเป็นบริวารและออกร่วมเดินทางไปกับ "พระถังซัมจั๋ง" มาตั้งแต่บัด นั้น...เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งก็ได้มีบิดาซึ่งเป็นหัวหน้า หมู่บ้านของที่นั่นผู้หนึ่ง เมื่อเห็น พระถัง ซัมจั๋ง ซึ่งเป็นพระเข้า ก็ตรงเข้ามาร่ำให้ร้องขอความช่วยเหลือ และเล่าว่า " โจ ฮักไก " (ตือ ป๊วยก่าย ) ซึ่งเป็นปีศาจหมู นั้น ได้ทำการลักพาตัวลูกสาวของตนไปกักขัง ไว้ที่ปราสาทของมันเพื่อจะเอาเป็นเจ้าสาว " ได้โปรดเถิด ...หลวงพ่อ กรุณาช่วยลูกสาวของข้าด้วยเถิด เจ้าตือ ป๊วยก่าย มันช่างหักหาญน้ำใจลูกสาวของข้าน้อยอย่างเหลือเกิน ฮื่อ ๆๆ"


" หงอคง " รีบตอบรับว่าจะจัดการปราบ ปีศาจ " ตือ ป๊วยก่าย " ให้กับหัวหน้าหมู่บ้านคนนั้นทันที...เมื่อ " หงอคง " ไปถึงที่ปราสาทของ " โจ ฮักไก "(ตือ ป๊วยก่าย )นั้นได้มีประตูอันใหญ่มากสร้างขวางกั้นอยู่ " หงอคง " จึงสั่งให้ กระบอง กายสิทธิ์นั้นยาวและใหญ่ขึ้น แล้วได้ใช้ตีพังประตูปราสาท จนแยกออก เป็นสองท่อน...แล้วโจนทยานเข้าไปข้างใน ทำการช่วยเหลือลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านได้จนสำเร็จ... "โจ ฮักไก "(ตือ ป๊วยก่าย )ที่โดน " หงอคง " ตีเสียจนน่วมด้วย ไม้กระบองกายสิทธิ์ ในขณะที่ทำการ ต่อสู้กันนั้น ก็จำต้องยอมแพ้และยอมสยบให้กับ " หงอคง " และขอออกร่วมเดิน ทางไปกับ " พระถัง ซัมจั๋ง " ด้วยอีกตน..." ขอข้าเป็นบริวารติดตามท่าน ไปด้วยเถิด "


" พระถังซัมจั๋ง " จึงโชคดีได้ "โจ ฮักไก "(ตือ ป๊วยก่าย )เป็นบริวารร่วมเดินทางไปด้วยอีกตน... แล้วทั้งสามก็ได้เดินทางกัน ต่อไป....เมื่อมาถึงแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่งและทั้งสามจำเป็นที่จะต้อง ข้ามฟากผ่านแม่น้ำสายนี้ไปด้วยนั้น อยู่ ๆ น้ำในแม่น้ำสายนั้นก็บรรดาลเกิดเป็นน้ำวนขึ้นมาอย่าง กระทันหัน...แล้ว ปีศาจ " ซาโกโจ " ( ซัวเจ๋ง ) ก็ออกมาปรากฏกายขึ้นตรงหน้า...มันเป็นเจ้าของ แม่น้ำสายนี้และถ้าใครจะผ่านไปจะต้องได้รับอนุญาติจากมันเสียก่อน " ซาโกโจ " ( ซัวเจ๋ง ) ตะโกน ถามด้วยเสียงอันดังว่า " ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ...พวกเจ้าเป็นใครกัน ? ไม่รู้หรือยังไงว่า ถ้าอยาก จะข้าม ฟากผ่านแม่น้ำสายนี้แล้วละก็ จะต้องได้รับอนุญาติจากข้าเสียก่อน ฮ่า ๆๆๆเข้าใจไหม!!! " หงอคง " จึงตอบกลับไป อย่าง โมโหว่า " หนวกหู อ้ายปีศาจร้าย!!!...พวกข้าจะเป็นใครก็ได้ จะข้าม ผ่านไปซะอย่าง...ไม่จำเป็นจะต้องไป ขออนุญาติจากใครให้เหนื่อยและเปลืองน้ำลายหรอกวุ๊ย... เอ็งจะทำไม? "



ปีศาจ " ซาโกโจ " ( ซัวเจ๋ง ) เมื่อได้ฟังดังนั้นก็โมโหและตั้งป้อมต่อสู่ไม่ยอมให้ผ่านและข้ามฟากไปได้ อย่างง่าย ๆ มันได้กวนน้ำจนเกิดเป็นน้ำวนขึ้นลูกใหญ่ด้วยความโมโหอย่างสุด ๆ ของมัน..." หงอคง " กับ " ตือ ป๊วยก่าย " จึงต้อง รวมพลังช่วยกันลงไปทุบตีปีศาจ " ซาโกโจ " ( ซัวเจ๋ง ) เสียจนนุ่มนวมงอม พระรามและยอมสงบให้อย่างราบคาบ เพราะสู่พลังต่อไปไม่ไหวแล้วนั่นเอง เมื่อปีศาจ " ซาโกโจ " ( ซัวเจ๋ง )ได้ฟังความและรู้ถึงสาเหตุที่ว่าทำไม " พระถังซัมจั๋ง "ถึงจำเป็นจะต้องข้ามฟากผ่านแม่น้ำสายนี้ ไปนั้นแล้ว มันจึงเกิดศรัทธาและขอร่วมเป็นบริวาร ขอ ร่วมออกเดินทางติดตามไปด้วยอีกตนหนึ่ง


ด้วยการที่จะเดินทางไปที่ " ชมพูทวีป "นั้นเป็นระยะทางที่ใกลและจำเป็นจะต้องใช้เวลานานมาก และในระหว่าง เส้นทางที่จำเป็นจะต้องผ่านไปนั้น ก็มักจะต้องมีพวกปีศาจร้ายนานาชนิดออกมาขัดขวาง การไปอัญเชิญพระไตรปิฎก ของ" พระถังซัมจั๋ง " นั้นอยู่เนื่อง ๆ และเกือบจะตลอดทางเลยก็ว่าได้ และอีกอย่างด้วยในหมู่พวกปีศาจทั้งหลายนั้นมี ความเชื่อถือกันว่าถ้าพวกมันตัวใดโชคดีได้กินหัวใจของ " พระถังซัมจั๋ง "เข้าไปแล้ว จะได้มีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่มีการตาย แล้วยังแถมจะมีฤทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มอีกหลายเท่า พวกปืศาจเหล่านั้นจึงคอยที่จะหาโอกาสมาลักพาตัว" พระถังซัมจั๋ง " ไปเพื่อกินหัวใจกัน อยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว วันหนึ่งได้มีปีศาจร้ายแปลงกายเป็นผู้หญิงสาวออกมาปรากฏกายต่อหน้า แล้วเข้า แสดงการยั่วยวน" พระถังซัมจั๋ง " หมายจะยับยั้งการเดินทางนั้นเสีย แต่ปีศาจตนนั้นก็ไม่สามารถ ที่จะลวงตาและ ตบตาของ " หงอคง " ได้ " หงอคง " จึงได้ใช้ไม้กายสิทธิ์นั้นตีผู้หญิงนางนั้นอย่าง กระทันหันเสียจนสลบ


ด้วย" พระถังซัมจั๋ง " ยังมองไม่รู้และิ้ดูไม่ออกว่าสตรีนางนั้นซึ่งมันก็เป็นปีศาจร้ายจริง ๆ อย่างที่ " หงอคง " เข้าใจและมอง เห็น" พระถังซัมจั๋ง " จึงดุและต่อว่า" หงอคง " เอาให้อย่างหนัก " อะไรกัน " หงอคง " เขาเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอแล้วก็ยังมิได้ ทันกระทำอะไรที่ร้ายแรงขึ้นมาเลยสักอย่าง ทำไมเจ้าถึงทำรุนแรง กับคนที่อ่อนแออย่างนี้เล่า ?หือ " " หงอคง " ก็ได้ เถียงออกไปว่า " ก็มันคนที่ไหนล่ะหลวงพ่อ มันเป็น ปีศาจร้ายแปลงร่างมานะ " พูดบอกให้แล้วก็ไม่เห็นจะมีทีท่าว่า" พระถัง ซัมจั๋ง" จะเห็นด้วยและเชื่อ ตนเลย " หงอคง " เลยนึกโมโหขึ้นมาจึงผิวปากเรียกก้อนเมฆกายสิทธิ์ ให้มารับแล้วเหาะหนีกลับไป ภูเขาโคเกียวเสียแต่บัดนั้นเลย


หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3


แปลและเรียบเรียงโดยสุขุมาลย์