พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระนารทะ
เริ่มต้น

       ( สตฺถา “ สาริปุตฺต ธมฺมสามีสมฺมาพุทธสฺ สสาสนกาเล อติกฺกนฺเต มหาปฐวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย มณฺฑกปฺเป นารโท จ รงฺสิมุนิ จ เทฺว พุทฺธา อปปชฺชิส สนฺตีติ อิมํ ธมุมเทสนํ กเถสีติ ฯ )

       ( อนุสนธิพระสัทธรรมเทสนา มรปุพพาปรสืบเนื่องมาโดยลำดับ บัดนี้จะได้วิสัชชนาในประวัติกาลแห่งสมเด็จพระบรมศรีสุคตทสพลญาณ สี่พระองค์ทรงพระนามว่า พระนารท, พระรังสีมุนีนาถ, พระเทวเทพ, พระนรสีหะ, เป็นลำดับต่อไป ดำเนินเนื้อความว่า )

       สตฺถา สมเด็จพระบรมครูสัพพัญญูเจ้าของเราตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า ในกาลเมื่อสิ้นศาสนาพระยามาราธิราช ผู้เป็นพระธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โกลทั้งหลายจะศูนย์จากสมเด็จพระพุทธเจ้าสิ้นกาลช้านานถึง ๘ กัปป์ แผ่นดินตั้งขึ้นมาใหม่ ได้แสนแผ่นดิน ๆ นั้นศูนย์เปล่าเป็นสูญญกัปป์ หาบังเกิดสมเด็จพระพุทธเจ้าไม่

       ในเมื่อสูญญกัปป์ นับได้แสนแผ่นดินล่วงไปแล้ว จึงบังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่ มีนามว่ามัณฑกัปป์นั้น เป็นแผ่นดินทรงพระเจ้าได้ตรัส ๒ พระองค์ คือพระยาอสุรินทราหู ๑ โสณพราหมณ์ ๑ อันว่าพระอสุรินทราหูจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน ลำดับนั้นโสณพราหมณ์จักได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบไป ฯ

       เมื่อพระยาอสุรินทราหูได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงพระนามว่าพระนารทะ มีพระองค์สูงได้ ๒๐ ศอก มีพระชนมายุยืนได้หมื่นปี เป็นกำหนด มีไม้จันทร์เป็นพระมหาโพธิประกอบไปด้วยรัศมีสว่างรุ่งเรืองทั้งกลางวันกลางคืน เปรียบประดุจดังสายฟ้าในกลีบเมฆ พระพุทธรัศมีที่เป็นแผ่นแผ่ทึบเป็นแท่งเดียวนั้น ปรากฏสัณฐานดุจดอกปทุมชาติอันตั้งขึ้นมา

       ครั้งศาสนาพระยาอสุรินทราหูนั้น ในประเทศแผ่นดินทั้งปวงเกิดรสภักษาหาร ๗ ประการ มนุษย์ทั้งหลายได้บริโภคภักษาหาร ๗ ประการ อันเกิดแก่แผ่นดิน ก็ประพฤติเลี้ยงชีวิตของอาตมา เป็นสุขสำราญมิได้ขาด ดูก่อนสำแดงสารีบุตร อันว่าพระนารทะ ผู้ทรงพระภาคนั้น มีพระรัศมีเห็นปานดังนี้ คืออสุรินทราหูแต่ก่อนได้สร้างบำเพ็ญพระบารมีทั้งหลาย ๑๐ ประการมาเป็นอันมากแล้ว จึงได้ตรัสเป็นพระเจ้าในอนาคตกาล ฯ

       แต่กองบารมีอันหนึ่ง อสุรินทราหูได้กระทำเป็นปรมัตถบารมี อันยิ่งปรากฏเป็นอัศจรรย์ พระองค์มีพระพุทธฏีกาดังนั้นแล้ว จึงนำมาซึ่งอดีตนิทานมาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงมาแล้วช้านาน ในเมื่อพระศาสนาพระพุทธกัสสปทศพลญาณ อสุรินทราหูนี้ได้เสวยพระชาติเป็นบรมกษัตริย์ เสวยศิริราชสมบัติอยู่ในมัลลนคร

       เป็นเอกราชอันประเสริฐ ทรงพระนามว่า พระยาสิริคุตตมหาราช มีพระราชอัครมเหสีพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า ลัมภุราชเทวี มีพระราชบุตรพระราชธิดา ๒ พระองค์ พระราชบุตรมีนามว่า เจ้านิโครธกุมาร พระราชธิดาชื่อว่า นางโคตมี อยู่มาวันหนึ่งยังมีพราหมณ์ ๘ คนพากันมาสู่สำนักแห่งพระยาสิริคุตต์ กราบทูลขอพระนคร

        พระองค์ก็ทรงพระโสมนัสส์บังเกิดพระราชศรัทธาโปรดพระราชทานพระนครให้แก่พราหมณ์ทัง ๘ ยังแต่พระราชอัครมเหสีและพระราชโอรสทัง ๒ ก็พากันออกจากพระนครเข้าไปในอรัญญประเทศป่าสูงขึ้น กระทำมาศรมอาศัยอยู่บนยอดเขาใหญ่ พร้อมกันทั้งสี่กษัตริย์ทรงเพศเป็นบรรพชิตอยู่ในอาศรมบท ฯ