พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระนารทะ
จบตอน

        ในกาลครั้งนั้นยังมียักษ์ตน ๑ มีนามว่า ยันตะยักษ์ใหญ่ สูงได้ ๑๒๐ ศอก ออกจากประเทศราวป่ามาฉะเพาะต่ออาศรมแห่งกษัตริย์ทั้ง ๔ องค์ ยืนอยู่ในที่นั้น จึงกล่าววาจาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ข้าพเจ้านี้เกิดมาเป็นยักษ์รักษาพนาลี มีแต่เลือดและเนื้อเป็นภักษาหารเลี้ยงชีวิต ข้าพเจ้ามาทั้งนี้ ปรารถนาจะขอพระราชโอรส ๒ องค์เป็นอาหาร ถ้าพระองค์ทรงพระราชศรัทธาโปรดพระราชทานให้แล้ว ไปในอนาคตเบื้องหน้า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเป็นมั่นคง

        เมื่อหน่อพระชินวงศ์ได้ทรงฟังยันตะยักษ์ทูลขอพระราชโอรสทั้ง ๒ ดังนั้น พระยาสิริคุตตราชฤๅษีผู้แสวงหาพระโพธิญาณก็ชื่นบานในกลมหฤทัยแสนทวี ท้าวเธอจึงมีสุนทรวาทีตรัสแก่ยันตะยักษ์ว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญเอ๋ย พระราชกุมารทั้ง ๒ องค์นี้ ใช้ว่าเราจะไม่มีความเสน่หาอาลัยหามิได้ด้วยว่าเรารักใคร่ ในพระโพธญาณยิ่งกว่ากุมารทั้ง ๒ ได้แสนเท่าพันทวี เราจะสละพระราชโอรสทั้ง ๒ ศรีให้เป็นทานแก่ท่านในกาลบัดนี้

        ตรัสแล้วเท่านั้นก็เสด็จลุกจากอาสน์ จูงเอาข้อพระหัตถ์พระราชโอรสทั้ง ๒ ผู้ร่วมพระราชหฤทัย มาพระราชทานให้แก่ยันตะยักษ์แล้วหล่อหลั่งอุทกกธาราให้ตกลงเหนือมือแห่งยักษ์ พระองค์จึงประกาศแก่ฝูงเทพยเจ้าและนางพระธรณีให้เป็นสักขีทิพพยานว่าเดชะผลทานนี้ " จงสำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณในอนาคตกาลเถิด " พอสิ่นความปราถนา ก็บังเกิดมหัศจรรย์ทั่วโลกทุกห้องจักวาล ปานแผ่นพสุธาจะทรุดจะทลาย ฯ เบื้องหน้า

        ยันตะยักษ์ครั้นได้รับพระราชทานสองกุมารปิโยรสแล้ว ก็บังเกิดมีความชื่นชมยินดี พาตรุณสองศรีไปยังหลังพระบรรณศาลาก็ก้มศีรษะลงกัดเอาคอกุมารทั้งสองให้ขาดด้วยอำนาจของอาตมา แล้วดื่มโลหิตกินเป็นภักษาหารแล้วก็เคี้ยวซึ่งเนื้อและกระดูกกลืนเข้าไปเสียงเคี้ยวนั้นกร้วม ๆ พระฤๅษีผู้เป็นบิดาและมารดาเห็นหยาดเลือดย้อยลงจากปากยันตะยักษ์ ในขณะเมื่อเคี้ยวนั้น มิได้มีพระทัยไหวหวาดด้วยโลกธรรม จึงร้องประกาศแก่ฝูงเทพเจ้าทุกหย่อมหญ้าลดาวัลลิ์ทั้งปวง "จงมาชื่นชมด้วยทานของเราบัดนี้ เป็นอันประเสริฐแล้ว ฯ"

        ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ในเมื่อพระศานสนาของพระยาอสุรินทราหูได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วฝูงชนทั้งปวง ประกอบไปด้วยรูปศิริวิลาตเป็นอันงาม ควรจะนำ ซึ่งความสิเนหาด้วยเดชะผลานิสงส์ที่ให้ลูกทั้งสองเป็นทาน ฯ ซึ่งพระองค์ประกอบได้ด้วยพระพุทธรัศมีส่องสว่าง สิ้นทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยเดชะผลนิสงส์ที่เห็นโลหิตกุมารทั้ง ๒ หยดย้อยลงจากปากยักษ์ มิได้มีความหวาดหวั่นไหวในมหาทานเลย แสดงมาด้วยเรื่องราวพระยาอสุรินทราหูบรมโพธิสัตว์คำรบ ๕ ก็ยุตติแต่เพียงนี้ ฯ