พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระรังสีมุนีนาถ
เริ่มต้น

       ลำดับนั้น โสณพราหมณ์จะได้บังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าสืบต่อไปในอนาคตกาล ทรงพระนามว่า พระรังสีมุนีนาถศาสดาจารย์เจ้านั้น พระองค์มีพระวรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีพระชนมายุยืนได้ ๕ พันปีเป็นกำหนด คัมถีร์หนึ่งว่าไม้เลียบ คัมภีร์หนึ่งว่าไม้ดีปลีเป็นพระมหาโพธิ ประกอบไปด้วยพระพุทธรัศมีดุจสีทอง รุ่งเรืองสว่างทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นอันงาม

        ในศาสนาพระพุทธรังสีมุนีนั้น มนุษย์ทั้งปวงกระทำการงานเลี้ยงชีวิตของอาตมาเหมือนมนุษย์ทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าอันทรงพระนามว่า รังสีมุนีนั้น ได้สร้างพระบารมีทั้ง ๑๐ ประการมาเป็นอาทิ คือทานและศีล แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่ง เป็นปรมัตถบารมีปรากฏอัศจรรรย์หวั่นไหว จึงได้พระพุทธสมบัติทั้งปวง พระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงนำมาซึ่งอดีตนิทาน ของพระรังสีมุนีว่า อตีเต กาเล

       ในอดีตดาลล่วงลับไปแล้วช้านาน ในเมื่อศาสนาพระกุกสนธสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสในโลก ครั้งนั้นโสณพราหมณ์บรมโพธิสัตว์ บังเกิดเป็นมาณพผู้หนึ่ง มีนามว่ามาฆมาณพ เป็นมหาวาณิชพ่อค้าสำเภา มีความปรารถนามักมาก ไปค้าสำเภาเป็นปฐมนั้น ราคาสินค้าอันหนึ่ง ขายได้กำไร ๑๐ เท่าแล้วประมวญทรัพย์กลับสำเภาแล่นมานาวาก็จมลงในน้ำ แต่ตัวนั้นรอดมาได้มาฆมาณพจัดแจงสำเภาไปใหม่เป็นคำรบ ๒ สินค้าอันเดียวขายได้กำไร ๑๐ เท่า

       ได้ทรัพย์แล้วกลับมาสู่บ้านเรือนได้ ๗ วัน เกิดเพลิงไหม้เรือนสิ้น ข้าวของทั้งหลายเสียหายเป็นอันมาก มาฆมาณพจึงจักแจงสำเภาไปค้าขายอีกเป็นคำรบ ๓ ก็ขายของสิ่งเดียวได้กำไรอีก ๑๐ เท่า ได้ทรัพย์แล้วกลับมายังบ้านเรือน คราวนี้ได้มีโจรลอบเข้ามาสะกดให้หลับแล้วเก็บเอาทรัพย์สิงของทองเงินทั้งปวงไปสิ้น

       ในขณะนั้นมาฆมาณพก็หาได้ท้อถอยไม่จัดแจงแต่งสินค้าไปขายใหม่ ในวารเป็นคำรบ ๔ ก็ได้ราคาขายของสิ่งเดียวบังเกิดผลถึง ๑๐ เท่า ได้ทรัยพ์แล้วก็กลับมาถึงบ้านเรือน ในวันนั้น พระมหากษัตริย์ให้ราชบุรุษทั้งหลายไปเก็บเอาทรัพย์สิ่งของแห่งมาฆมาณพนั้น มาเข้าท้องพระคลังจนหมดสิ้น

       ตกว่ามาฆมาณพผู้เป็นมหาวาณิชนั้น ได้ซึ่งความพินาศฉิบหายถึง ๔ ครั้ง มาฆมาณพกับภรรยาสองคนผัวเมีย ก็เกิดความทุกข์ยากวิวาทกันกับภรรยาเมื่อคราวจนแล้ว ส่วนตัวได้ผ้าแดงผืนหนึ่งกับทองแสนหนึ่ง อย่ากันกับภรรยาเสียแล้วก็ลงจากเรือนไปเที่ยวค้าขาย คิดว่าครั้งนี้เราจะไปกระทำวาณิชกรรมในที่ใดหรือ ก็เที่ยวไปในประเทศจนถึงเมืองโกสัมพีในกาลนั้น เป็นวันปัณณรสีอุโบสถ มาณพนั้นก็รักษาศีลสำรวมจิตปกติ ฝ่ายว่าชาวเมืองโกสัมพี และชาวนิคมชนบททั้งหลายก็ชวนกันเดินไปมาในท่ามกลางพระนครตามความปรารถนา

       ในกาลนั้นพระสาวกองค์หนึ่ง แห่งพระกุกกุสนธสัพพัญญูพระผู้เป็นเจ้า พระองค์นั้นเข้าสู่สมาบัติ ครั้นว่าออกจากสมาบัติแล้วพระผู้เป็นเจ้าจินตนาว่า ใครหนอมีความทุกข์เบียดเบียนเป็นอันมาก เล็งดูด้วยทิพย์จักษุญาณก็เห็นแจ้งว่ามาณพผู้เป็นบรมโพธิสัตว์นั้นประกอบไปด้วยมหันตทุกข์มากนัก ควรอาตมาจะไปยังมาณพผู้นี้ให้เกิดผลเห็นเป็นทิฏฐธรรมเวทนีย์ ให้ได้เสวยผลในอัตตภาพชาตินี้