พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระรังสีมุนีนาถ
จบตอน

       พระผู้เป็นเจ้าคิดแล้วก็จับบาตรและจีวรประดับกายพร้อมแล้วเหาะมาโดยอากาศ ลงในท่ามกลางเมืองโกสัมพี ยืนอยู่ในที่ใกล้มรรคหนทาง พอมาณพเดินมาตามมรรคา เห็นพระสาวกแล้วก็เข้าไปกราบไหว้ถามว่า “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าจะปรารถนาสิ่งใดหรือ ”

       “ ดูก่อนมาณพ อาตมาภาพมายืนอยู่เพื่อจะรับทานของท่าน ” มาณพได้ฟังดังนั้นก็มีจิตเลื่อมใสศรัทธา ประกอบไปด้วยความโสมนัสส์ เปรียบเหมือนบุรุษยากไร้เข็ญใจ ได้ซึ่งถุงทรัพย์พันตำลึง อันท่านมาวางลงในมือแห่งตนจึงกล่าวว่า

        “ ข้าแต่พระผู้เจริญศีลาธิคุณตัวของจ้าพเจ้าเป็นปุถุชนวาณิช เที่ยวค้าขายได้กำไรถึง ๔ หน ก็บังเกิดมหันตทุกข์เป็นอันมาก บัดนี้ข้าพเจ้าขอกระทำพระนิพพาน เป็นวาณิชกรรมแห่งข้าพเจ้า จะยังจิตให้เที่ยวไปค้าขายในเมืองแก้ว ให้ได้สมบัติโลกุตตระในเบื้องหน้า ” ครั้นว่าแล้วก็เอาทองแสนหนึ่ง กับผ้าแดงผืนหนึ่งถวายแก่พระสาวก ด้วยจิตโสมนัสศรัทธาเลื่อมใสเป็นอันดี

       แล้วกระทำความปรารถนาว่า “ เดชะผลทานในกาลบัดนี้ จงเป็นปัจจัยให้สำเร็จแก่พระสัพพัญญุตญาณเถิด ” พระสาวกเจ้าก็รับเอาไทยทานแล้วอนุโมทนาว่า “ ดูก่อนอุบาสกผู้รู้พระไตรสรณาคุณแก้วสามประการ อันว่าความปรารถนาของท่านมีประการใด ขิปฺปํ สมิจฉตุ จงสำเร็จเป็นอันเร็วแก่ท่านดังความปรารถนานั้นเถิด ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอนุโมทนาแล้ว ก็เหาะไปในอากาศเวหา

       ในเมื่อพระสาวกนั้นหายไปลับจักษุมาณพแล้วในที่ถวายทานแห่งมาณพนั้นก็บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ขึ้นมาต้นหนึ่ง ฝ่ายมาณพก็ขึ้นไปอาศัยไม้กัลปพฤกษ์นั้น เปรียบเหมือนเทพบุตรผู้มีฤทธิ์ ไปนั่งอยู่บนยอดเขายุคุนธรบรรพต ครั้งนั้นพระเจ้าโกสัมพีเสด็จแวดล้อมมาด้วยมหาชนเป็นบริวาร เสด็จมาถึงที่นั้นทอดพระเนตรเห็นมาณพนั่งอยู่ในต้นกัลปพฤกษ์ พระองค์ให้สงสัยจึงเสด็จเข้าไปใกล้ๆ

        ฝ่ายว่าเทพารักษ์ที่รักษาต้นไม้กัลปพฤกษ์นั้น ก็จับเอาพระศอพระยาโกสัมพีเสือกใสออกมา พระองค์ทรงพิโรธ สั่งให้ราชบุรุษทั้งหลายเอาไฟมาเผาไม้ทิพย์พิมานนั้นเสีย ในที่นั้นก็บังเกิดเป็นดอกประทุมชาติผุดขึ้นมารับรองเอามาณพนั้นไว้ให้นั่งอยู่บนดอกบัวเป็นอันงาม ฝ่ายพระยาโกสัมพีทรงเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงสั่งให้จับตัวมาณพบรมโพธิสัตว์ให้เอาไปถ่วงน้ำเสีย

       เมื่อมหาชนเอามาณพไปถ่วงน้ำ ครั้งนั้นก็มีดอกบัวใหญ่ผุดขึ้นมารองรับเอามาณพไว้อีก มิให้ได้รับอันตราย ครั้นพระยาโกสัมพีเห็นเป็นอัศจรรย์ดังนั้น จึงถามมาณพว่า ไม้กัลปพฤกษ์ต้นนี้บุคคลใดหรือที่ให้แก่ท่าน มาณพจึงทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐไม้วิมานพิทย์นี้พระสาวกให้แก่ข้าพระบาท พระเจ้าโกสัมพีจึงตรัสว่า “ ท่านจงไปหาพระสาวกให้มายังสำนักแห่งนี้ เราจึงจะเชื่อถ่อยคำของท่าน ”

       ครั้งนั้นมาฆมาณพจึงตั้งจิตอธิษธาน เพื่อให้พระผู้เป็นเจ้ามาด้วยวาจาว่า

       “ ข้าแต่พระผู้เจริญคุณเป็นอันมาก บัดนี้จงอนุเคราะห์แก่ข้าพระเจ้า กลับมายังสำนักข้าพเจ้าก่อนเถิด ” พอขาดคำอธิษฐานลง องค์พระสาวกผู้ประเสริฐก็เล็งแลด้วยทิพย์จักษุญาณ รู้แจ้งแล้วก็เหาะลอยลงมายืนประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใกล้แห่งมาณพนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงบอกแก่กษัตริย์โกสัมพีว่า

       “ ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นสมมติเทวราช ถ้าแลพระองค์ขืนกระทำประทุษร้ายแก่มาณพหน่อพุทธางกูรผู้นั้ ในพระนครของพระองค์ก็จะทรุดจมลงไปในแผ่นปฐพีหมดสิ้น ”

       พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้นแล้ว ก็กลับเหาะไปในอากาศเวหา ลงยังสำนักของพระผู้เป็นเจ้า พระยาโกสัมพีได้ฟังพระมหาเถระกล่าวดังนั้น ก็ตกใจสะดุ้งกลัวแต่ภัยยิ่งนัก จึงตรัสว่า “ ดูก่อนมาณพผู้เจริญ เราขออภัยโทษแก่ท่านเสียเถิด ตั้งแต่วันนี้ไปท่านจงเป็นอนุชาธิราชของเรา ” พระยาโกสัมพีก็ตั้งมาฆมาณพบรมโพธิสัตว์ไว้ในที่เป็นอนุชาธิราชของพระองค์ ฯ

       ดูก่อนธรรมเสนาสารีบุตร อันว่ามาณพนั้นได้ซึ่งมหาสมบัติทั้งปวงเป็นอันมาก เมื่อได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญูเจ้า ทรงพระนามว่า พระรังสีมุรี จึงมีพระพุทธรัศมีและได้ซึ่งสมบัติบริบูรณ์อันประเสริฐยิ่งนัก แสดงมาด้วยเรื่องราวโสณพราหมณ์บรมสัตว์คำรบ ๖ ก็ยุติแต่เพียงนี้ ฯ