พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระนรสีหะ
เริ่มต้น

       ในเมื่อศาสนา แห่งพระเทวเทพสัพพัญญูเจ้านั้นเสื่อมศูนย์สิ้นแล้ว ในมัณณฑกัปป์นั้น โตไทยพราหมณ์ผู้เป็นบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าสืบต่อไป ทรงพระนามว่า พระนรสีหสัพพัญญู สมเด็จพระเจ้านรสีหะนั้น มีพระกายสูงได้ ๖๐ ศอก ประกอบไปด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่างเป็นอันงาม ประดุจดังแก้วมณีโชติแห่งสมเด็จบรมจักร์

       พระองค์มีพระชนมายุได้ประมาณ ๘๐ ปีเป็นกำหนดอายุขัย มีไม้แคฝอยเป็นพระมหาโพธิ ด้วยเดชะนุภาพของพระองค์แผ่นดินบังเกิดมีข้าวสาลีอันหอม ประกอบไปด้วยโอชารสเป็นปกติ มนุษย์ทั้งหลายได้อาศัยบริโภคข้าวสาลีเลี้ยงชีวิต แล้วเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ประกอบไปด้วยของมีประการต่าง ๆ บังเกิดมีในไม้กัลปพฤกษ์นั้น มนุษย์ทั้งหลายมีรูปก็งามมีพรรณเหลืองดังสีทอง ถึงมิได้ตกแต่งสรีรกายด้วยเครื่องประดับ ก็งามอยู่เองเป็นปกติ มนุษย์ทั้งหลายมีความสุขเป็นอันมาก

       สมเด็จพระนรสีหะนั้น แม้เสด็จอยู่ในที่ใดแล้ว เศวตฉัตรแก้วก้บังเกิดขึ้นมา กางกั้นพระองค์อยุ่เป็นนิจกาลจะได้เปล่าจากฉัตรแก้วนั้นก็หามิได้ด้วยพระบารมีคุณของพระองค์ทรงพระอุตสาหะ ก่อสร้างพระบารมีมาพร้อมทั้ง ๑๐ ประการ แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่งปรากฏมหัศจรรย์ยกขึ้นเป็นยอดมิ่งมงกุฏพระบารมีเป็นปรมัตถคุณ ควรนักปราชณ์ทั้งหลายจะกล่าวสรรเสริญ เหตุดังนั้นพระนรสีหสัพพัญญูจึงได้พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ

       ดูก่อนสารีบุตรผู้เป็นพระยาธรรมของพระตถาตคตในเมื่อว่างพระศาสนาแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ คือพระกัสสปสัพพัญญู และศาสนาพระตถาคตต่อกันนั้น เป็นกาลควรพระพุทธเจ้าจวนจะมาตรัสอยู่แล้ว ในท่ามกลางระหว่างศาสนานั้น โตไทยพรหามณ์ผู้นี้เกินเป็นวาณิชผู้หนึ่ง มีนามว่านันทมาณพไปเที่ยวค้าขายในประเทศต่าง ๆ

       ครั้งหนึ่งยังมีพระปัจเจกโพธิเจ้าพระองค์หนึ่ง เสด็จไปเที่ยวโคจรบิณฑบาตนันทมาณพเห็นองค์พระปัจเจกโพธิเจ้า ก็บังเกิดมีความเลื่อมใสศรัทธายกเอาผ้ากำพลสีแดงผืนหนึ่ง กับทองแสนตำลึงกระทำเป็นเครื่องไทยธรรมถวายแก่พระปัจเจกโพธิเจ้าเป็นมหาบริจาก แล้วตั้งปณิธานความปรารถนาว่า “ ข้าแต่พระปัจเจกโพธิผู้ตรัสรู้ธรรมวิเศษต่าง ๆ พระคุณเจริญมากหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าถวายทานบัดนี้ ของจงเป็นปัจจัยแก่พระสัพพัญญุตญาณ ในเบื้องหน้า ด้วยเดชะผลทานนี้ ”

        พระปัจเจกโพธิเจ้า รับเอาผ้ากำพลผืนนั้นมาคลุมพระองค์ลง ผ้ากำพลนั้นปิดปกพระองค์โดยรอบคอบยังเหลือแต่พระหัตถ์และพระบาทในเบื้องบนนั้นมีประมาณศอกหนึ่ง นันทมาณพเห็นดังนั้นจึงตั้งความปรารถนาเป็นสองประการอีกเล่าว่า “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ นานไปในอนาคตเบื้องหน้าโน้น ขอให้ข้าพระพุทธเจ้ามีเดชะนุภาพ แผ่ทั่วอาณาจักร์ไปในภายใต้แผ่นพื้นปฐพีนั้นโยชน์หนึ่งด้วยเดชะผลทานในครั้งนี้ ”

       ครั้นนันทมาณพตั้งความปรารถนาแล้ว พระปัจเจกโพธิเจ้า จึงอนุโมทนาทานของนันทมาณพแล้วคมนาการไปจากที่นั้น ไปถึงกลางมรรคา ยังมีนางกุมารีสาวน้อยผู้หนึ่งเห็นพระปัจเจกโพธิเจ้าห่มผ้าแดงเดินมา นางจึงถามว่า “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้เจริญ พระเจ้าข้า ผ้าผืนนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าห่มมีสีแดงงามบุคคลผู้ใดถวายแก่พระผู้เป็นเจ้า ”

        พระปัจเจกโพธิเจ้าจึงบอกว่า “ ดูก่อนสีกา ผ้าแดงผืนนี้ พาณิชนันทมาณพถวายแก่อาตมา ”