พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๓

 


พระนรสีหะ
จบตอน

       นางจึงถามอีกว่า “ พระเจ้าข้าพระผู้เป็นเจ้าเขาถวายผ้ากำพลแล้วเขากระทำความปรารถนาว่ากระไรหรือ ”

       พระปัจเจกโพธิเจ้าบอกว่าดูก่อนสีกา มาณพนั้นถวายผ้ากำแล้วกระทำความปรารถนาสองประการ คือ ปรารถนาพระสัพพัญญูประการหนึ่ง และปรารถนาศิริสมบัติประการหนึ่ง นางกุมารีได้สดับดังนั้นจึงยกเอาผ้าของอาตมาถวายแก่พระปัจเจกโพธิเจ้าแล้วก็ตั้งความปรารถนาว่า “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงคุณอันยิ่ง ถ้าแม้นว่ามาณพพาณิชนั้นได้เสวยศิริราชสมบัติเป็นบรมกษัตริย์แล้ว ข้าพเจ้าขอปรารถนาเป็นนางพระยาราชมเหสีแห่งพาณิชผู้นั้น ”

       คนทั้ง ๒ นั้นก็ได้สมัคสังวาสอยู่กินเป็นภรรยาสามีกันในปัจจุบันชาตินั้นมาแล้ว ก็คิดอ่านการกุศลสร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ในที่นั้น ยังนายช่างให้สลักเป็นรูปพระปัจเจกโพธิเจ้า ประดิษฐานตั้งไว้ในที่ศาลา ฝ่ายว่านางกุมารีจึงโกนซึ่งเกษา เอาเกษามาชุปน้ำมันหอม กระทำสักการบูชาพระปัจเจกโพธิเจ้า กระทำผมของนางต่างไส้ประทีปประตามถวาย

       ในกาลครั้งนั้น คนทั้งสองได้กระทำด้วยประการดังนี้ ครั้นกระทำกาลกิริยาตาย ก็ได้ไปบังเกิดในดาวดึงสพิภพเทวโลกเสวยทิพย์สมบัติอยู่ช้านาน จะประมาณนับด้วยปีมนุษย์นนี้ได้ ๓ โกฏิ ๖๐ แสนปีเป็นกำหนด ครั้นสิ้นอายุแล้วก็จุติลงมาบังเกิดเป็นบรมกษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรมทั้ง ๑๐ ประการ เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงทวารวดีมหานคร

       ส่วนว่านางฟ้ากุมารีนั้น ก็จุติลงมาบังเกิดในสกุลมหาเศรษฐี อันประกอบไปด้วยสมบัติมาก ในกรุงทวารวะดี ครั้นนางกุมารีธิดาจำเริญชันษาได้ ๑๖ ปี ก็ได้มาเป็นพระราชอัครมเหสี แห่งบรมกษัตริย์นั้น นางทรงพระนามว่า พระมงคลราชเทวี มีแสนสาวสุรางค์แวดล้อมเป็นยศศักดิ์บริวารประมาน ๑๐ แสน

       วันหนึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงทวารวดีเสด็จแวดล้อมพร้อมด้วยพระสนมข้างในประมาณ ๑๖ แสน ประสงค์พระทัยจะทดลองบุญแห่งพระมงคลราชมเหสีนั้น ให้ปรากฏแก่หมู่สาวสนมทั้งหลาย จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่หมู่นางทั้งหลาย ให้จัดแจงแต่งแต่งสำหรับเข้าคนละสำรับให้ถ้วนทุกตัวนาง แล้วพระองค์ให้นั่งบริโภค อยู่ตรงหน้าพระที่นั่ง เหล่านางทั้งหลายก็นั่งบริโภคโภชนาหารเป็นปกติ จะได้เห็นประหลาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็หามิได้

       แต่องค์พระมงคลราชมเหสีนั้น นางนั่งอยู่ในที่สวรรณภาชน์ ล้างพระหัตถ์ลงในที่สวรรณภาชน์นั้นแล้วก็รับเอาอาหาร กระทำเป็นคำขึ้นเข้าไปในโอษฐ์ อันว่านิ้วพระหัตถ์ของนางที่จับเอาข้าวไว้นั้น ก็กลายเป็นทองทุกนิ้วพระหัตถ์ ทุกคำเสวยในที่นั้น ด้วยเดชะผลทานที่พระนางได้ตกแต่งเป็นการกุศลอันปราณีตบรรจง

       แต่บุพพชาติหลหลังเหล่านางสนมทั้งหลายได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระมงคลราชมเหสี เป็นทองปรากฏแก่อาตมา ก็รู้แจ้งว่านางพระยาเจ้ามีบุญหาควรที่เราท่านทั้งหลาย จะเกิดความริษยาหึงหวงไม่ ตั้งแต่วันนั้นมาก็ยำเกรงพระราชมเหสีเป็นอันมาก ฯ

       สมเด็จพระเจ้ากรุงทวารวะดีนั้นก็มีความเสน่หาในพระมงคลราชมเหสี เสด็จบรรทมเหนือแท่นอันเดียวกัน ก็ได้ทรงตั้งพระนางนั้นไว้ในที่เป็นเอกอัคราชเทวี ผู้มีบุญหานางจะเปรียบเสมอสองมิได้ ด้วยเดชะผลทานของพระนางและของพระองค์ได้กระทำมาเสมอกันแต่บุพพชาติจึงได้เสวยศิริราชสมบัติดังนั้น ฯ

       สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าของเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า โตไทยพราหมณ์ได้กระทำบุญมาแต่ก่อนจึงได้เสวยสมบัติในสวรรค์และมนุษย์ บัดนี้จึงได้บังเกิดเป็นพราหมณ์ในศาสนาของตถาคต นานไปเบื้องหน้าโน้นโตไทยพราหมณ์จักได้เกิดเป็นพระสัพพัญญูสัมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า นรสีหะ ด้วยเดชะผลทานอันเป็นปรมัตถบารมีปรากฏดุจกล่าวมาฉะนี้ แสดงมาด้วยเรื่องราวโตไทยพราหมณ์บรมโพธิสัตว์คำรบ ๘ ก็ยุติแต่เพียงนี้ ฯ
 

เอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้