พระสิงคาลมาตาเถรี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้พ้นกิเลสด้วยศรัทธา
พระสิงคลาลมาตาเถรี เกิดในตระกูลเศรษฐีในกรุงตระกูลเศรษฐีในกรุงราชคฤห์เดิมมีชื่ออย่างไรไม่ปรากฏ เมื่อเจริญวัยได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้มีชาติตระกูลและทรัพย์เสมอกันอยู่ครองเรือนจนมีบุตรหนึ่งคน บรรดาหมู่ญาติได้ตั้งชื่อบุตรชายขางนางว่า สิงคาลกุมาร ด้วยเหตุนี้ ชนทั้งหลายจึงเรียกนางว่า สิงคาลมาตา
สิงคาลกุมารไหว้ทิศ ๖
สิงคาลกุมาร เมื่อเจริญเติบโตขึ้น เป็นผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติไหว้ทิศทั้ง ๖ เป็นประจำทุกวัน คือ
๑. ทิศเบื้องหน้า ( ทิศตะวันออก )
๒. ทิศเบื้องขวา ( ทิศใต้ )
๓. ทิศเบื้องหลัง ( ทิศตะวันตก )
๔. ทิศเบื้องซ้าย ( ทิศเหนือ )
๕. ทิศเบื้องล้าง
๖. ทิศเบื้องบน
วันหนึ่ง พระบรมศาสดา เสด็จออกจากพระวิหารเวฬุวันเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาละผู้ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ มีผมและเสื้อผ้าเปียก กำลังประคองอัญชลีไหว้ทิศทั้ง ๖ อยู่จึงตรัสถามว่า
สิงคาละ เพราะเหตุไร เธอจึงลุกขึ้นแต่เช้า ทั้งผมและเสื้อผ้าเปียกชุ่มทำการไหว้ทิศทั้ง ๖ อยุ่อย่างนี้ ?
สิงคาละกุมาร กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก่อนที่บิดาข้าพระพุทธเจ้าจะตาย ได้สั่งให้ข้าพระองค์ไหว้ทิศทั้ง ๖ เหล่านี้ ข้าพระองค์สักการะ เคารพ นับถือ และบูชาคำสั่งของบิดา จึงทำอย่างนี้ พระเจ้าข้า
สิงคาละ ตามธรรมเนียมแบบแผนของพระอริยะนั้น เขาไม่ไหว้ทิศ ๖ กันอย่างนี้ แต่ทิศทั้ง ๖ ของพระอริยะนั้น ก็คือ
๑. ทิศเบื้องหน้า ได้แก่มารดาบิดา
๒. ทิศเบื้องขวา ได้แก่ครูอาจารย์
๓. ทิศเบื้องหลัง ได้แก่บุตรภรรยา
๔. ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่มิตรสหาย
๕. ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ทาสกรรมกร
๖. ทิศเบื้องบน ได้แก่สมณพราหมณ์
ซึ่งกุลบุตรจะต้องบำรุงดูแลรักษาและป้องกันตามสมควรแก่ฐานะ และหน้าที่อบ่างถูกต้องเหมาะสม แล้วพระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถาภาษิต ยังสิงคาละให้รื่นเริงบันเทิงใจ เกิดศรัทธาเลื่อมใสประกาศตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต แล้วเสด็จกลับสู่พระเวฬวัน
สิงคาลมาตาออกบวช
ต่อมา สิงคาลามาตา หลังจากที่สามีได้ถึงแก่กรรมแล้ว และบุตรชายของนางเข้าถึงพระรัตนตรัย นางได้ฟังพระธรรมกถาของพระบรมศาสดาแล้วเกิดศรัทธาเลื้อมใสอย่างแรงกล้า จึงเข้าไปกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ทรงอนุญาตให้ไปบวชในสำนักภิกษุณีสงฆ์ ครั้นบวชแล้วศรัทธาของนางกลับเพิ่มทวียิ่งขึ้น
วันหนึ่ง นางไปยังพระวิหารที่ประทับของพระบรมศาสดาเพื่อฟังธรรม เมื่อได้เห็นพระพุทธองค์เท่านั้น ยังมิทันที่จะเข้าไปกราบถวายบังคม ได้แต่ยืนเพิ่งมองดูพระสิริสมบัติของพระทศพลอยู่ด้วยกำลังศรัทธาอย่างแรงกล้า
ขณะนั้น พระบรมศาสดาทรงทราบว่า นางเป็นผู้ดำรงมั่นในศรัทธา จึงตัสพระธรรมเทศนาอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส แม้นางเองก็อาศัยศรัทธาเป็นที่ตั้ง ส่งจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ได้บรรลุพระอรหัตผลในขณะที่ยืนอยู่นั้น
ในสมัยที่พระพุทธองค์ ประทับอยู่ที่พระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ ได้ทรงสถาปนา พระสิงคาลมาตาเถรีในตำเเหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายในฝ่ายศรัทธาวิมุตติ คือ ผู้หลุดพ้นกิเลสด้วยศรัทธา...
|