พระนางสุปปวาสา
เอตทัคคะในฝ่ายผู้ถวายของมีรสอันประณีต

ตั้งครรภ์นานเกือบ ๘ ปี
  พระนางสุปปวาสา เป็นธิดาของกษัตริย์พระนครโกลิยะ ทรงเจริญวัยแล้ว ได้อภิเษกสมรสกับศากราชกุมารพระองค์หนึ่ง จากนั้นไม่นานนักก็ทรงครรภ์ แต่การทรงครรภ์ของพระนางนั้นผิดกว่าหญิงอื่น ๆ เพราะพระนางทรงครรภ์อยู่ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน จึงประสูติพระโอรสออกมาพระนามว่า “ สีวลี” ( เรื่องของพระสีวลีนั้นได้กล่าวไว้แล้วใน เอตทัคคะพระเถระ ในเรื่องของพระสีวลี

   พระนางได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาครั้งแรก ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์จบแล้ว ก็ดำรงอยู่ในอริยภูมิเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบัน

  ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระนางได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าจึงขอให้พระสมามีไปกราบบังคมทูลขอพรพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า

  " ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด"

  ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า " สีวลีกุมาร"

  เมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงแจ้งความประสงค์แก่พระสวามีให้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ ตลอด ๗ วัน


ให้อาหารชื่อว่าให้สิ่งประเสริฐ ๕ ประการ

   พระพุทธองค์เสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว เมื่อทรงหระทำอนุโมทนาได้ตรัสพระธรรมเทศนาแก่พระนางสุปปวาสาว่า :-

   “ ดูก่อนสุปปวาสา บุคคลผู้ถวายโภชนาหารแก่ปฏิคาหก ( ผู้รับ ) ชื่อว่าให้สิ่งอันประเสริฐทั้ง ๕ ประการ คือ ให้อายุ ให้วรรณะ ให้สุขะ ให้พละ และให้ปฏิภาณ”

   “ ดูก่อนสุปปวาสา บุคคลให้ของเช่นไรก็ย่อมได้ของเช่นนั้น คือ ผู้ให้อายุ ก็ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ เป็นต้น ผู้ให้สิ่งอื่น ๆ ก็พึงทราบโดยนัยเดียวกัน”

  สีวลีกุมาร แม้จะประสูตริได้ไม่กี่วัน แต่ก็มีพระวรกายแข็งแรงเหมือนกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาพระมารดาขวนขวายจัดแจงกิจต่าง ๆ ในการถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์ พระสารีบุตรเถระได้สีงเกตสีวลีกุมารตั้งแต่วับแรก รู้สึกพอใจในอัธยาศัยของกุมารน้อยนี้ ในวันที่ ๗ อันเป็นวันสุดท้าย พระเถระได้ชักชวนให้เธอมาบวช สีวลีกุมารผู้มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่แล้ว เมื่อพระบิดาพระมารดาอนุญาตแล้ว จึงได้บวชในสำนักของพระสารีบุตรเถระ และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอริยสาวกสำคัญในพระพุทธศาสนา

  ต่อมา พระบรมศาสดาขณะประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนาอุบาสกทั้งหลายในตำแหน่งต่าง ๆ ก็ได้ทรงสถาปนาพระนางสุปปวาสาโกลิยธิดานี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าบุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้ถวายของมีรสอันประณีต.

ย้อนกลับ             ปิดหน้านี้         ถัดไป