เมื่อกำหนดเข้าเฝ้า ก็พร้อมด้วยหญิงบริวารแต่งกายหลายหลากชนิดพากันขึ้นไปเฝ้า พระเจ้าอังคติราชก็โสมนัสตรัสสนทนากับพระราชธิดาเป็นอันดี พร้อมทั้งถามถึงความทุกข์สุขที่ได้รับ ซึ่งพระราชธิดาก็ทูลตอบให้ชื่นชอบพระทัยเป็นอันดีจึงถึงเวลาเสด็จลากลับ ซึ่งพระองค์เคยพระราชทานทรัพย์เพื่อเอาไปจำเเนกแจกทาน แต่คราวนี้ทรงเฉยเสีย พระราชธิดาจึงต้องทูลขอทรัพย์จำนวน ๑.๐๐๐ เพื่อไปทรงแจกจ่าย
กลับได้ยินพระราชบิดาตรัสว่า
รุจา ตั้งแต่เราให้ทานมาก็นานแล้ว ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา นอกเสียจากทรัพย์จะหมดเปลืองไปเท่านั้น อดกินอดนอนจนกระทั่งทรมานจิตใจไม่ให้ได้รับความเทิงเริงรมย์ เราจะลำบากกันทำไม คราวก่อนพ่อไม่รู้จึงให้เจ้าทำ เดี๋ยวนี้พ่อรู้แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ เลิกทำเสียเถอะ หาความสุขไปเรื่อย ๆ ดีกว่า เจ้าจะเอาเงินทองไปใช้จ่ายบำรุงความสุขแล้ว พ่อไม่ขัดข้องเลย
ถ้าเอาไปจำแนกแจกทานแล้วพ่อว่าหาประโยชน์มิได้ เท่ากับเจ้าช่วยให้พวกนั้นขี้เกียจขึ้นไปเสียอีก เวลานี้สันดานมันก็ขี้เกียจอยู่แล้ว เจ้าอย่าไปส่งเสริมให้มันขี้เกียจเพิ่มขึ้นอีกเลย คุณาชีวกน่ะแกเป็นเจ้าลัทธิที่เห็นว่าบุญบาปไม่มีอะไรที่จะส่งผลทั้งนั้น แกจึงไม่ต้องการอะไรแม้แต่ผ้านุ่งแกยังไม่เอาเลย ไม่ใช่แต่แกคนเดียว แม้แต่อลาตะเสนาบดีก็เห็นเช่นนั้น ตลอดจนวิชกะเขาระลึกชาติได้ เขาก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน
พระราชธิดาได้ฟังก็เศร้าพระทัย เออ ? พระราชบิดาเราช่างเป็นไปมากเหลือเกิน มาเชื่อคนที่ระลึกชาติได้เพียงชาติสองชาติ ก็วางตนเป็นคนประพฤติผิดไป เราเองระลึกชาติได้ถึง ๑๔ ชาติ จะต้องให้พระบิดากลับความประพฤติให้ได้
เมื่อพูดถึงการระลึกชาติ ทำให้นึกถึงเรื่องที่เกิดมาไม่นานเท่าไหร่ เด็กชายผู้หนึ่งระลึกชาติได้ว่าตนเคยเป็นงูเหลือมใหญ่ ถูกฆ่าตายจึงได้มาเกิดเป็นคน อ้างสถานที่ต่าง ๆ อย่างน่าเชื่อถือ
พระราชธิดารุจาคิดตกลงใจในการจะแก้ทิฐิของพระราชบิดา จึงได้ทูลพระราชบิดาคัดค้านพระราชดำรัสขึ้นว่า
ข้าแต่พระบิดา เรื่องที่ควรถามสมณะสิไปถามอาชีวกก็ได้อย่างนี้แหละ เข้าลักษณะคบคนพาล ๆ พาไปหาผิด คบบัณฑิต ๆ พาหาผลแน่ทีเดียว ตัวคุณาชีวกเองปฎิบัติตนไม่น่าเชื่อถือ ถือเปลื่อยแต่ก็ยังกินอาหาร ไหนว่าบุญไม่มีบาปไม่มีแกจะบำเพ็ญบ้า ๆ เช่นนั้นเพื่ออะไรกัน ยังอยากให้คนอื่นเคารพบูชา จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นคนบ้ามากกว่าคนดี แกถือออกบวชทำไม คำพูดกับการปฎิยัติมันผิดกันราวฟ้ากับดิน
พระบิดาก็มาเชื่อไอ้คนเช่นนี้ได้ พระบิดาโปรดละทิฐิผิดนั้นเสียเถิด อลาตะและวิชกะนั้นระลึกชาติได้เพียงชาติเดียวเท่านั้น กระหม่อมฉันระลึกได้ถึง ๑๔ ชาติ แลเห็นการที่ตนปฎิบัติได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่หม่อมฉันจะลงมาบังเกิดเป็นบุตรีของพระองค์
กระหม่อมฉันได้บังเกิดเป็นอักครมเหสีแห่งชวนะเทพบุตร เพียงแต่ชวนะเทพบุตรไปเอาดอกไม้มาเพื่อประดับร่างกายกระหม่อมฉัน กระหม่อมฉันก็จุติมาเกิดในเมืองมนุษย์เสียแล้ว ชั่วพริบตาเดียวจริง ๆ เมื่อข้าพระองค์จุติจากชาตินี้แล้วจะได้ละเพศเทพธิดากลายเป็นเทพบุตรีมีศักดานุภาพมาก ขอพระองค์อย่าได้เชื่อคนหลอกลวงทั้งหลายเลย โปรดปฎิบัติพระองค์ตามทศพิธราชธรรมตามเคยเถิด