พระพรหมนารท ๓

 

   เมื่อพระราชธิดาตั้งสัตย์ดังนั้น ก็ร้อนขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ แต่คราวนี้ไม่ใช่พระอินทร์ แต่เป็นมหาพราหม พระนารทมหาพรหมได้ทราบสัจจาธิษฐานของพระราชธิดารุจาจึงดำริว่า

   “ถ้านอกเราแล้วใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะแก้ไขให้พระเจ้าอังคติราชสละทิฐินั้นได้ จำเราจะต้องลงไปแก้ไขช่วยพระราชธิดารุจา เพื่อความสุขของประชาชนพลเมือง”

   จึงได้จัดแจงแปลงเพศเป็นมาณพหนุ่มน้อยห่มผ้าที่ทำด้วยทอง แล้วหาบทองเท่าลูกฟักท่าลอยอยู่ ณ ท่ามกลางอากาศเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอังคติราช พอได้เห็นคนเหาะได้พระเจ้าอังคติราชก็หวั่นไหว

   “เอ ?  เราท่าจะแย่ สมบัติเห็นจะเปลี่ยนผู้ปกครองเสียแล้วกระมัง” แต่พระราชธิดากลับปลื้มพระทัย

   “การอธิษฐานของเราเห็นจะได้ผลดี ผู้ที่มาคงจะมีมหิทธิฤทธิ์มาก คงสามารถขจัดทิฐิของพระราชบิดาได้” พระเจ้าอังคติราชไม่สามารถจะประทับอยู่บนราชบัลลังก์ได้ เพราะทรงเกรงกลัวมาก ต้องเสด็จลงมาอยู่กับพื้นดิน พลางดำรัสถามว่า

   “ท่านผู้มหิทธิฤทธิ์ ท่านมาจากไหน และต้องการอะไร”   นารทมหาพราหมจึงตอบว่า

   “อังคติราช ข้าพเจ้ามีนามว่านารท คนรู้จักโดยโคตรว่ากัสสปโคตร และข้าพเจ้ามาจากสวรรค์ ท้าวเธอก็ดำริขึ้นว่า

   “ไหนอาชีวกว่าปรโลกไม่มี แล้วท่านนารทมาจากโลกอื่น แต่จะต้องไว้ถามขณะอื่น ขณะนี้ต้องถามเรื่องทำไมจึงเหาะมาได้” ตึงตรัสถามว่า

   “ท่านพระนารท ท่านมีร่างกายและเครื่องนุ่งห่มงดงามและมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้ได้”


                     
 
   “ข้าแต่พระเจ้าอังคติราช การที่ข้าพเจ้ามีร่างกายและเครื่องนุ่งห่มอันงดงาม ประกอบด้วยฤทธิ์เหาะไปในอากาศ ก็เพราะข้าพเจ้าได้ทำคุณงามความดีไว้ เป็นต้นว่า ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในลูกเมียเขา ไม่กล่าวโป้ปดมดเท็จ และไม่ดื่มสุราเมรัยอันเป็นเหตุให้เสียอารมณ์ จึงได้สมบัติและมากฤทธิ์เช่นนี้” แม้พระนารทจะบอกความจริง แต่พระเจ้าอังคติราชก็หาเชื่อไม่ กลับแย้งว่า

   “ข้าแต่พระนารท ได้ยินเขาว่าสวรรค์มี  นรกมี  เทวบุตรมี  เทวธิดามี  โลกนี้มี  โลกหน้ามี  จะจริงหรือประการใด”
   “ที่ท่านถามมานั้นทั้งหมดมีจริงทั้งนั้น” พระเจ้าอังคติราชกลับตรัสต่อไปว่า
   “เมื่อท่านว่าโลกหน้ามี ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าขอยืมเงินท่านสัก ๑.๐๐๐   ถึงชาติหน้าจึงชดใช้ให้”
   “ไม่ได้”
   “เพราะอะไร?”
   “ก็เพราะเหตุว่าท่านเป็นคนไม่มีศีลธรรม ประพฤติแต่ความชั่ว ชาติหน้าท่านอาจจะไปเกิดในอบาย ในนรกน่ะ ข้าพเจ้าไม่อยากจะลงไปทวงเงินจากท่าน เพราะร้อนเหลือประมาณ และท่านก็ไม่สามารถจะออกจากนรกเพื่อมาคืนเงินข้าพเจ้าได้ และเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านเห็นสมควรไหมว่าข้าพเจ้าควรจะให้ท่านยืมเงิน แต่ถ้าท่านเป็นคนปฎิบัติตนอยู่ในศีลธรรมประพฤติปฎิบัติแต่ในทางที่ดี อย่าว่าแต่ ๑.๐๐๐   เดียวเลย ๒.๐๐๐  - ๓.๐๐๐  ข้าพเจ้าก็ให้ได้”   เล่นเอาพระเจ้าอังคติราชเงียบงันพูดไม่ออก ได้แต่กรอกหน้า แล้วนิ่งเฉย มหานารทพรหมจึงกล่าวต่อไปอีกว่า
   “ถ้าพระองค์ยังคงขืนปฎิบัติตนอยู่เช่นนี้แล้ว เป็นแน่ที่พระองค์ต้องไปอยู่ไปสู่นรก อันมีเครื่องทรมานหลายอย่างหลายประการ มีกาปากเหล็กโตกว่าตัวเกวียน เที่ยวจิกกินสัตว์นรก มีหมาขนาดวัวตัวใหญ่คอยไล่กัด มียมบาลคอยเอาหอกไล่ทิ่มแทงบางพวกก็ต้องขึ้นต้นงิ้วอันมีหนามคมเป็นกรด ดังในพระมาลัยกล่าวไว้ว่า

  

“หนามงิ้วคมยิ่งกรด โดยโสฬส  ๑๖ องคุลี
   มักเมียท่านว่ามันดี หนามงิ้วยอกทั่วทั้งตัว”

  


                     
 
   บางพวกก็ถูกภูเขาไฟกลิ้งมาทั้ง  ๔ ทิศ บดให้ละเอียดแล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาอีก ภูเขาก็กลิ้งมาทับอีก แบนแล้วก็แบนอีกจนกว่าจะหมดกรรม บางพวกก็ถูกยมบาลเอาคีมลุกเป็น ไฟลากลิ้นเอาออกมา แล้วเอาน้ำทองแดงที่ละลายเทลงไปในคอ ไหม้ตับไตไส้พุงขาด แล้วกลับฟื้นขึ้นมาผจญกรรมต่อไปอีก จนกว่าจะหมดกรรม บางพวกก็ถูกสุนักกัดทึ้งทั้งร่างกายแล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาอีก

   บางพวกก็ถูกยมบาลจับโยนลงไปในกระทะทองแดง ที่มีน้ำทองแดงเหลวคว้างอยู่ไหม้หมดร่างกายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาอีก บางพวกก็มือโตเท่าใบตาล จะเดินไปทางไหนมาทางไหนก็แสนจะยากเย็น บางพวกก็มีปากเท่ารูเข็ม จะบริโภคน้ำและอาหารก็มิได้ ล้วนแต่แสนสยดสยอง ถ้าพระองค์ไปประสพไม่ละเลิกมิจฉาทิฐิ พระองค์จะต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน บางทีอาจจะถูกเอาเบ็ดเกี่ยวลิ้นห้อยโตงแตงขาดตกลงมาเกี่ยวห้อยแล้วก็กลับฟื้นขึ้นใหม่ ดู ๆ ก็น่าสนุกนะ”

 
   เมื่อนารทพรหมพรรณนานรกให้ พระเจ้าอังคติราชสดับนั้น พระองค์ก็เกิดกลัวภัยในขุมนรก จึงตรัสกับพระนารทว่า “ข้าแต่ท่านนารท ข้าพเจ้าไม่อยากที่จะลงไปในนรกทำอย่างไรเล่าจึงจะพ้นได้” ตอนนี้ความกลัวเข้าจับจิตใจเสียแล้ว เลยทำให้เชื่อว่าโลกนี้มีโลกหน้ามี ผลดีผลชั่วมี บิดามารดามี

   พระมหานารทพรหมจึงสอนให้ตั้งตนอยู่ในศีล  ๕  ประการ ดำเนินราโชบายตามทศพิธราชธรรม และนับแต่นั้นมาประชาชนพลเมืองทั้งหลายก็อยู่เย็นเป็นสุข เพราะพระเจ้าแผ่นดินแผ่เมตตาไปให้พสกนิกร ตราบจนกระทั่งสิ้นพระชนมายุ เรื่องพระนารทก็เป็นอันจบลงด้วยการสั่งสอนพระเจ้าอังคติราชให้ละมิจฉาทิฐิดำรงตนอยู่ในสัมมาทิฐิ

     ท่านเล่าอ่านจบแล้วได้อะไรบ้างในเรื่องนี้
สื่งที่ควรกำหนดคืออย่าถือว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว
เพราะผลดีผลชั่วย่อมมีอยู่ สัตว์โลกทั้งหมดย่อมเป็นไปตามกรรม
ที่ทำไว้ไม่มีใครฝืนไปได้ อยากจะได้ดีจงทำดี ถัาอยากได้ชั่ว เอาเลย สิ่งชั่วร้าย
ทั้งหลาย ก็ประพฤติเข้าไป ไม่มีใครห้าม แล้วท่านจะพบผลชั่ว การคบหาสมาคม
กับคนเลวแล้วด้วย ก็จะทำให้เป็นคนเลวไปด้วย คบคนเช่นไรก็จะเป็นคนเข่นนั้น
เรื่องนี้ก็จบแต่เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกคนจงโชคดี จงเลือกทำแต่ผลดีกันเถิด