เมื่อพระราชธิดาตั้งสัตย์ดังนั้น ก็ร้อนขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ แต่คราวนี้ไม่ใช่พระอินทร์ แต่เป็นมหาพราหม พระนารทมหาพรหมได้ทราบสัจจาธิษฐานของพระราชธิดารุจาจึงดำริว่า
ถ้านอกเราแล้วใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะแก้ไขให้พระเจ้าอังคติราชสละทิฐินั้นได้ จำเราจะต้องลงไปแก้ไขช่วยพระราชธิดารุจา เพื่อความสุขของประชาชนพลเมือง
จึงได้จัดแจงแปลงเพศเป็นมาณพหนุ่มน้อยห่มผ้าที่ทำด้วยทอง แล้วหาบทองเท่าลูกฟักท่าลอยอยู่ ณ ท่ามกลางอากาศเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอังคติราช พอได้เห็นคนเหาะได้พระเจ้าอังคติราชก็หวั่นไหว
เอ ? เราท่าจะแย่ สมบัติเห็นจะเปลี่ยนผู้ปกครองเสียแล้วกระมัง แต่พระราชธิดากลับปลื้มพระทัย
การอธิษฐานของเราเห็นจะได้ผลดี ผู้ที่มาคงจะมีมหิทธิฤทธิ์มาก คงสามารถขจัดทิฐิของพระราชบิดาได้ พระเจ้าอังคติราชไม่สามารถจะประทับอยู่บนราชบัลลังก์ได้ เพราะทรงเกรงกลัวมาก ต้องเสด็จลงมาอยู่กับพื้นดิน พลางดำรัสถามว่า
ท่านผู้มหิทธิฤทธิ์ ท่านมาจากไหน และต้องการอะไร นารทมหาพราหมจึงตอบว่า
อังคติราช ข้าพเจ้ามีนามว่านารท คนรู้จักโดยโคตรว่ากัสสปโคตร และข้าพเจ้ามาจากสวรรค์ ท้าวเธอก็ดำริขึ้นว่า
ไหนอาชีวกว่าปรโลกไม่มี แล้วท่านนารทมาจากโลกอื่น แต่จะต้องไว้ถามขณะอื่น ขณะนี้ต้องถามเรื่องทำไมจึงเหาะมาได้ ตึงตรัสถามว่า
ท่านพระนารท ท่านมีร่างกายและเครื่องนุ่งห่มงดงามและมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้ได้