ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน
คำนำ
อานาปานสติสูตร
สติปัฏฐานสูตร
กายคตาสติสูตร
อาพาธสูตร (คิริมานนทสูตร)
มรณัสสติสูตร (ที่ ๑)
มรณัสสติสูตร (ที่ ๒)
เสขปฏิปทาสูตร
โลกวิปัตติสุตร
อาทิตตปริยายสูตร
อปัณณกสูตร
วังสสูตร
สัปปุริสสูตร
วังสสูตร

        "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยวงศ์ ๔ ประการนี้ นักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิตย่อมไม่รังเกียจ จักไม่รังเกียจ วิญญูชนทั้งสมณะและพราหมณ์ไม่เกลียด
        อริยวงศ์ ๔ ประการเป็นไฉน ?
        คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้สันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ มีปกติกล่าวสรรเสริญคุณแห่งสันโดษ ด้วยจีวรตามมีตามได้ ย่อมไม่ถึงการแสวงหา อันไม่สมควร เพราะจีวรเป็นเหตุ
        เมื่อไม่ได้ก็ไม่ตกใจ ครั้นได้แล้วก็ไม่ยึดถือ ไม่หมกมุ่น ไม่ห่วงใย มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องรื้อออกใช้สอยอยู่ ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความสันโดษด้วยจีวรตามมีตามได้นั้น
        จริงอยู่ ภิกษุใดเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในการสันโดษด้วยจีวร ตามมีตามได้นั้น มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในอริยวงศ์ อันเป็นของเก่า ซึ่งนักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นเลิศ
        อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเป็นผู้สันโดษด้วย บิณฑบาตตามมีตามได้ มีปกติกล่าวสรรเสริญคุณแห่งความสันโดษ ด้วยบิณฑบาต ตามมีตามได้ ย่อมไม่ถึงการแสวงหาอันไม่สมควร เพราะบิณฑบาตเป็นเหตุ
        เมื่อไม่ได้ก็ไม่ตกใจ ครั้นได้แล้วก็ไม่ยึดถือ ไม่หมกมุ่น ไม่ห่วงใย มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องรื้อออกบริโภคอยู่ และย่อมไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความสันโดษด้วยบิณฑบาต ตามมีตามได้นั้น
        จริงอยู่ ภิกษุใดเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในการสันโดษด้วยบิณฑบาต ตามมีตามได้นั้น มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในอริยวงศ์ อันเป็นของเก่า ซึ่งนักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นเลิศ
        อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเป็นผู้สันโดษ ด้วยเสนาสนะ ตามมีตามได้ มีปกติกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการสันโดษ ด้วยเสนาสนะ ตามมีตามได้ ย่อมไม่ถึงการแสวงหา อันไม่สมควรเพราะเสนาสนะเป็นเหตุ
        เมื่อไม่ได้ก็ไม่ตกใจ ครั้นได้แล้วก็ไม่ยึดถือ ไม่หมกมุ่น ไม่ห่วงใย มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเครื่องรื้อออกบริโภคอยู่ และย่อมไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความสันโดษด้วยเสนาสนะ ตามมีตามได้นั้น
        จริงอยู่ ภิกษุใดเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในการสันโดษด้วยเสนาสนะ ตามมีตามได้นั้น มีสัมปชัญญะ มีสติเฉพาะหน้า
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ตั้งยู่ในอริยวงศ์ อันเป็นของเก่า ซึ่งนักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นเลิศ
        อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเป็นผู้มีภาวนา เป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในภาวนา มีปหานะเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในปหานะ ย่อมไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะมีภาวนาเป็นที่มายินดี เพราะยินดีในภาวนา เพราะมีปหานะเป็นที่มายินดี เพราะยินดีในปหานะนั้น
        จริงอยู่ ภิกษุใดเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในภาวนาและปหานะนั้น มีสัมปชัญะ มีสติเฉพาะหน้า
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในอริยวงศ์ อันเป็นของเก่า ซึ่งนักปราชญ์สรรเสริญว่าเป็นเลิศ
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยวงศ์ ๔ ประการนี้แล นักปราชญ์รู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสายแห่ง พระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย และไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิตย่อมไม่รังเกียจ จักไม่รังเกียจ วิญญูชนทั้งสมณะและพราหมณ์ก็ไม่เกลียด
        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยอริยวงศ์ ๔ ประการนี้ ถึงแม้อยู่ในทิศตะวันออก เธอย่อมครอบงำความไม่ยินดีเสียได้ ความไม่ยินดีย่อมไม่ครอบงำเธอได้
        ถึงแม้เธออยู่ในทิศตะวันตก.........ในทิศเหนือ.......ในทิศใต้ เธอก็ย่อมครอบงำความไม่ยินดีเสียได้ ความไม่ยินดีย่อมไม่ครอบงำเธอได้
        ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
        เพราะเธอเป็นธีรชน ครอบงำความไม่ยินดี และความยินดีได้"
        ความยินดีย่อมครอบงำธีรชนไม่ได้ ความไม่ยินดีไม่อาจครอบงำธีรชนได้ ธีรชนย่อมครอบงำความไม่ยินดีได้ เพระธีรชนเป็นผู้ครอบงำความไม่ยินดี กิเลสอะไรจะมากั้นกางบุคคลผู้บรรเทากิลสเสียได้ มีปกติละกรรมทั้งปวงได้เด็ดขาด ใครควรเพื่อจะติเตียนบุคคลนั้น ผู้เป็นประดุจแท่งทองชมพูนุท แม้เทวดาก็ชมเชย แม้พรหมก็สรรเสริญฯ.

วังสสูตร ๒๑/๓๑

อปัณณกสูตร      สัปปุริสสูตร