ตายไม่สูญ..ตายแล้วไปไหน
 หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

    
คุณไสยกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค
อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

   ตอนนั้นกำลังนั่งอยู่กับหลวงพ่อปาน อยู่ ๆ ก็มีเด็กสาว ๆ คนหนึ่งอยู่บ้านสามกอ บ้านสามกอนี่เป็นตำบลบ้านแพน ใกล้ ๆ กับอำเภอเสนาคือชิดกับอำเภอ เด็กสาวคนนี้อายุราว ๑๕ - ๑๖ รูปร่างหน้าตาดีมาก ถ้าสงเข้าประกวดนางงาม ไม่แน่เด็กคนนี้อาจจะได้ตำแหน่งใดตำเหน่งหนึ่งก็ได้ เขาต้องหามแกขึ้นมา เดินไม่ได้ เป็นไข้ขนาดหนัก พอหามขึ้นมาวางหลวงพ่อปานก็บอกว่าไม่ต้องลอง ไม่ต้องใช้หมากลอง นี่ถูกเขาทำของมาแล้วนี่ เออ อีหนูนี่หน้าตามันไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เลยน่ะ มันเป็นคนสวยก็มีคนรักมาก แล้วคนรักก็รักแบบดีก็มี รักแบบทุจริตก็มี นี่คนรักเขาอยากได้มันแต่มันก็ไม่ตามใจเขา เขาก็เลยเกล้งกระทำเอ็ง จะทำให้ตาย เพราะปรากฏว่าเจ้าเด็กคนนี้มันไปรักเด็กชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คนนั้น ไม่เมื่อไม่สมหวัง เขาก็เลยคิดว่าในเมื่อเขาไม่ได้ คนอื่นก็จงอย่าได้ ให้มันตายไปเสีย จะได้ไม่มีได้ไว้เป็นสมบัติ เขาไปจ้างเจ้าลาวทำ หลวงพ่อปานท่านบอกเสร็จว่าคนทำนี่น่ะเป็นลาว เขาจ้าง ๒๐๐ บาท นี่ท่านรู้เอาตามชอบใจ พอเขาเอาคนไข้มาวางท่านก็พูดเลย ไม่เห็นท่านนั่งหลับตาอะไร

   ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ประเดี๋ยวก็หาย ท่านพูดเฉย ๆ แล้วก็หัวเราะกั๊ก ๆ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกลูกเอ้ย ท่านบอกกะพ่อแม่เด็กถ้ามันเป็นใหม่ ๆ ยังงี้มาหาพ่อละไม่เกิน ๒๐ นาทีหรอก หายแน่ แล้วท่านก็เรียกหา เจ้าลิงดำเอ๊ย ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ไม่ไกลท่านนักหรอก นั่งอยู่ไกลประมาณ ๖- ๗ วา เอ็งไปลดน้ำมนต์ให้ข้าที อ้าว ? นี่ฉันไม่ได้เป็นหมอกับเขาสักนิดหนึ่ง ท่านบอกให้ไปรดน้ำมนต์ ก็เลยไปกราบ ๆ ท่าน ถามว่า รดแล้วว่าอะไรบ้างขอรับ ท่านก็บอกว่าแกมีหน้าที่รดอย่างเดียว ไม่ต้องว่าอะไรทั้งหมด น้ำในตุ่มน่ะรดลงไปจนกว่าฉันจะบอกเลิก

   เขาเอาเด็กคนนั้นไปนั่งพื้นข้างล้างต่ำลงไป ฉันยืนรดอยู่ข้างบน รดน้ำประมาณ ๒ ปีบ พอถูกน้ำรดทีแรกรู้สึกว่าเด็กคนนั้นดิ้นบอกไม่ถูก แกดิ้นใหญ่ ดิ้นไปดิ้นมา น้ำหมดไปประมาณ ๒ ปีบนี่แหละ แกฉีกเสื้อของแกออกหมด เหลือแต่ตัวหล่อนจ้อน แต่ว่าเดชะบุญนะ ถ้าแกดันฉีกผ้าถุงแกออกหมดอีก บางทีน่ะหมอรดน้ำขันหล่นมือไม่รู้ตัวเชียวนะ นี่ดีว่าแกฉีกแต่เสื้อ แต่ถึงกระนั้นก็ดี หมอ ก็ใจเต้นตึ้กๆๆๆ ตอนนั้นหมอยังเป็นกระทิงเปรี่ยวอยู่นา แต่เวลานั้นจิตใจไม่เป็นไรหรอก เห็นว่าแกเป็นคนไข้ เห็นว่ามีทุกข์ ในจิตใจก็คิดเมตตาสงสารตั้งใจสงเคราะห์อย่างเดียว อาราธนาในจิตนึกถึงบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระองค์ยิ้มของฉัน เวลาฉันหยิบขันฉันก็นึกถึงท่าน ท่านก็มายืนอยู่ข้าง ๆ ท่านก็ยิ้มแล้วสั่งว่า รดไปเถอะลูก ประเดี๋ยวจะปรากฏเหตุอัศจรรย์ ฉันก็รดไปเรื่อยๆ แกก็ดิ้นไปดิ้นมา

   คนหลายสิบคน และพระ มายืนดูแกนอนดิ้น แกฉีกเสื้อขาดหมด เห็นมันก็ไอ้เนื้อหนังนั้นแหละ เดี๋ยวมันก็ผุก็พังหมด ไม่เห็นว่ามันมีสิ่งที่ว่าสวยว่างามตรงไหน พอเห็นแกไม่มีเสื้อผ้าแล้ว แกก็พลิกคว่ำ หลวงพ่อปานก็สั่งให้รดใหญ่ รดหนักเข้าไป เราเป็นต่อเขาแล้ว ไม่เห็นท่านว่าคาถาอะไรกระหมุบกระหมิบ ๆ อะไรก็ไม่เห็น เห็นท่านคุยกับพ่อแม่ของเด็ก ฉันก็รดไปประมาณดูน้ำหมด ๑ ปีบ เด็กนั้นก็หยุดดิ้น พอหยดดิ้นเธอลุงขึ้น เรียกว่าโงหัวขึ้นมา ปรากฏว่ามีมีดโตเล่มหนึ่ง มีดโตขนาดใหญ่ ผูกตราสัง ๓ เปลาะอย่างกับผูกผี หล่นเป็งลงมา จากหน้าอกของเธอ นี่เป็นเรื่องแปลกมาก ก็เวลาเธอดิ้น เธอฉีกเสื้อออกหมดแล้วนี่ ก็เห็นหนังเท่านั้นแหละมีอะไร ทุกคนที่อยู่ที่นั้นเห็นเหมือนกันหมด บอกว่าอัศจรรย์ แล้วเขาก็หยับมีดมาให้หลวงพ่อปาน ตอนนี้เธอก็หมดทุกข์เวทนา รู้สึกเธออายจัด รีบคว้าขาวม้าพ่อมาปิดอก

   แล้วหลวงพ่อปานก็บอกว่า นี่เขาทำมา เขาเสกมีดเข้าอก แล้วท่านก็เสกมลคลให้ แล้วเอาผ้ายันต์ทอ เสกยันต์ผูกในมงคลแล้ว ก็คล้องคอให้อีหนูคนนั้น บอกว่า อีหนู เอ็งกลับบ้านไปบ้านละก็เอ็งอย่าถอดมงคลนะลูกนะ เขายังจะเล่นงานเอ็งต่อไป แล้วหลวงพ่อปานท่านก็สั่งให้กลับได้ ความจริงรักษากันเดี๋ยวเดียวจริง ๆ นี่คนขนาดหามมานา พอเขาไปแล้วหลวงพ่อปานก็บอกว่า ลิงดำเอ๊ย เอ็งเข้าใจใหมลูก มีดเล่มนี้เขาทำกันยังไง ตอบว่ากระผมไม่เข้าใจขอรับหลวงพ่อ ก็มีดเล่มนี้มันเป็นเหล็ก มันเอาเข้าไปในอกคนได้ยังไง ? ท่านก้เลยบอกว่าประเดี๋ยวพ่อจะทำให้ดู คนเยอะ คนที่มาดูคนไข้ยังกลับกันไม่หมด คือพวกญาติๆของเด็กคนนั้นเขามากันหลายลำเรือ..แต่เด็กคนนั้นเธอกลับไปแล้ว

   ท่านบอกว่าพ่อจะทำให้ดู วิธีที่เขาจะเอาเข้าคนเขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็เอามีดวางข้างหน้า ท่านสั่งให้ไปหาไม้ลำที่มีปล้องตัน ๆ มาให้พ่อลำหนึ่ง ไม่ต้องยาวหรอก เขาเรียกว่าข้อขังข้อ คือข้อหัวข้อท้ายมันไม่เปิด มันก็หาไม่ยาก ใกล้ ๆ ที่ท่านนั้นมันมีอยู่ ฉันไปหยิบมา แล้วท่านก็ให้เอาไปวางไว้ พอวางไว้แล้วท่านก็บอกว่าคอยดูนะ พ่อจะเอามีดนี่น่ะเข้าไปอยู่ในลำไม้ เราก็ดู แล้วไม่เห็นมันมีรูที่ไหน มันจะเข้ายังไง ? ไม้ลำนั้นก็รู้สึกว่ามีความกว้างของลำไม้ไม่เท่ากับมีดโต แต่ท่านก็ทำให้ดู ทุกตนตั้งใจดู ท่านบอกว่า ทุกคนตั้งใจดูนะ แล้วท่านก็เอานิ้วจี้ลงไปข้างมีด ไม่เห็นว่าไง ปากก็ไม่หมุบหมิบ สักไม่ถึง ๓ นาทีเป็นอย่างช้า มีดเล่มนั้นก็เล็กลง ๆ เล็กจนเกือบมองๆไม่เห็น แล้วก็วิ่งเปี้ยะไปเข้ากระบอก เสียงกระบอกไม้ดังเพี๊ยะ ท่านก็สั่งให้หยิบกระบอกไม้มา แล้วผ่าออกดูก็เห็นมีดเล่มเล็กนิดหนึ่งเกลือบจะมองไม่เห็น แล้วท่านก็หยิบน้ำมนต์ของท่านมาพรมลงไป พอมีดเล่มนั้นถูกน้ำมนต์มันก็โตขึ้นตามปกติ

   แล้วท่านก็อธิบายว่าของเหล่านี้เขาทำมาเข้าร่างกายคน คราวแรกมันมีพิษไม่มาก ถ้าถึง ๗ วันมีดเล่มนี้หรือของอะไรก็ตามที่เขาทำมามันจะขยายตัวทีละน้อย ๆ ถึง ๗ วันมันจะโตเต็มที่ของมัน มันก็เบียดอวัยวะภายใน ในที่สุดคนก็ตาย

   ต่อมาอีกไม่กี่วันก็ปรากฏว่าเด็กคนนั้นถูกหามมาใหม่ มาถามได้ความว่า เวลาจะเข้าส้วมวันนั้นน่ะเธอนึกยังไงไม่ทราบ มันเป็นกฏของกรรม เธอถอดมงคลแขวนไว้หน้าส้วม พอถอดมงคลเท่านั้นก็ล้มตึงทันที ปรากฏว่าของนี้เขาทำมาเข้าตัว ก็รดน้ำมนต์แบบนั้นอีก คราวหลังนี่ปรากฏว่าได้เลื่อยตัดเหล็ก ๒ ปื้น เขาผูกไขว้กันไว้เป็น ๘ แฉก แล้วก็สายสิญจน์ทำเป็นสายตราสังเหมือนกัน ก็รดน้ำมนต์แบบนั้นจนหาย ต่อไปหลวงพ่อปานสั่งว่าบอกว่าอย่าถอดมงคลนะอีหนู เมื่อไปแล้วหลวงพ่อปานก็บอกว่า ยังต้องโดนอีก นังหนูคนนี้ยังไม่ยังไม่หมดเคราะห์

   ในที่สุดอีกไม่กี่วันก็หามมาอีก คราวนี้รดน้ำมนต์ก็ได้ตะปูกลุ่มเบ้อเร้อ ตะปู ๓ – ๔ นิ้ว หนักประมาณ ๑ กก. เขาเอาเชือกมัดเข้าไว้ ผูกเป็นพวง ๆ หลายพวงด้วยกัน เข้าไปอยู่ในอกเธอแล้วก็หล่นมาตามเดิม

   ต่อมาเจ้าลาวที่รับจ้างทำเด็กคนนั้น ไม่ได้ค่าจ้าง ๒๐๐ บาท มันไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเด็กไม่ตาย วันหนึ่ง ก็มีเจ้าลาวคนหนึ่งมาพักอยู่ที่ป่าช้า พระถามว่ามายังไง ก็ตอบว่าเดิน มา ให้มาพักที่กุฏิแกก็ไม่ชอบ แกบอกว่าแกชอบพักในป่าช้า แกก็แสดงวิชาการต่าง ๆ ให้ปรากฏ พระก็ชอบใจ พระอยากเรียนมั่ง ก็ตักน้ำตักท่าเอาผ้าเอาเสื่อเอาหมอนเอามุ้งไปให้ แต่พอตกกลางคืนตอนตี ๒ หลวงพ่อปานลุกขึ้นมาเรียกฉัน เอาไม้หวายของท่านนะ ที่สำหรับตีผี เอาหวายสำหรับตีผีมาแหย่หลังฉันเรียกว่า ลิงดำเอ๊ย ลุกเถอะ พ่อมีธุระ ฉันก็ลุกทันที ฉันก็ตื่น จิตคิดอยู่เสมอว่าพร้อมจะตื่น

   เมื่อตื่นขึ้นมาท่านก็พาไป ตะเกียงมันจุดอยู่ ท่านก็ชี้ให้ดูบอกว่า ลิงดำเห็นอะไรไหมลูก ตอบว่าเห็นครับหลวงพ่อ ตะขาบทำไมมันตัวใหญ่นักล่ะ ตะขาบตัวขนาดแขนฉันเลยนะ เอาขนาดโคนแขนนะ ไม่ใช่ม้อมือ ขนาดโคนแขน ตัวยาวมาก มันนอนขดตัวกลมดิก ท่านก็เลยบอกให้ไปเรียกพระในวัดลุกขึ้นมาให้หมด ไปตีระฆังเรียกประชุมพระ บอกว่าตีก็ไม่ใครตื่นหรอกขอรับหลวงพ่อ มันตี ๒ แล้ว ท่านก็บอกว่าตีระฆังก่อน เมื่อตีระฆังก็ไปเคาะประตูเขา เรียกให้ลุกขึ้นมาให้หมดทุกคน มาพร้อมกันที่กุฏิฉัน

   ในเมื่อมาพร้อมกันแล้วหลวงพ่อปานก็ชี้ให้พระดู ถามว่า นี่อะไร พระก็บอกว่า ตะขาบขอรับ ทำไมตัวมันโตนัก มีพระบางองค์จะเข้าไปจับ ท่านก็บอกว่าอย่านะลูกนะอันตรายถึงชีวิต ท่านก็เลยเล่าให้ฟัง ท่านถามก่อนว่าเมื่อตอนเย็นนี่น่ะมีลาวสักคนหนึ่งมาพักอยู่ในป่าช้าหรือเปล่า พระก็บอกว่ามี มีพระหลายองค์บอกว่าอาสาจัดที่นอนให้ เอาน้ำไปให้ ท่านบอกว่าไอ้ลาวคนนั้นมันทำตะขาบมากัดฉัน มันเจ็บใจที่ฉันรักษาโรคนังหนูเด็กบ้านสามกอหายมันจะฆ่าให้ตาย เพราะมันรับจ้าเขา ๑๐๐ บาท พระอย่างนี้มีเยอะเหมือนกัน พอได้ฟังเท่านั้นขัดเขมรกันแล้วจะไปเล่นงานเจ้าลาว

   หลวงพ่อปานก็ยกมือห้ามบอกว่า อย่าลูก บาป ไม่ต้องไปทำเขา กฏของกรรมที่เขาสร้างไว้มันจะสนองตัวเขาเอง แล้วท่านก็บอกว่า เอายังงี้นะ เราจะทำอย่างไงนี่ ถ้ามันกัดฉันก็ตาย แต่ความจริงฉันรู้ตัวมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ว่าวันนี้ลาวมันจะมาฆ่าฉัน ฉันก็เลยไม่หลับ นอนคอยมัน ก็พอดีเห็นตะขาบเลื้อยมา ฉันก็เลยเอาหวายวน ๆ เข้า มันก็ม้วนไปตามที่ฉันวนหวายเป็นวงกลม แล้วท่านก็บอกเอายังงี้ดีไหมของ ๆ เขาคืนเขาดีไหม พระทุกองค์ก็รับว่าดี ขอรับ แต่พระบางองค์บอกยังไม่ดี อยากจะเอาขวานไปทุบหัวเจ้าลาวเสียอีก นี่อย่างนี้ก็มีไม่น้อย หลายองค์ขัดเขมรกันเป็นแถว หลวงพ่อปานบอกไม่ต้อง ๆ ไป คืนเขาเท่านั้นแหละ

   เธอรีบไปแบกเขามาก็แล้วกัน ของ ๆ เขาเราคืนให้เขา เราไม่บาป ฉันจะทำให้ดู ท่านก็เอาหวายวนกับกระดานคลายตัว มันขดไปทางขวานี่ ท่านก็ลากหวายวนมาทางซ้าย เจ้าตะขาบตัวนั้นมันก็ค่อย ๆ ยืดตัวออกตาม ในที่สุดมันก็ทำตัวตรง พอทำตัวตรงท่านก็เอาหวายตีกระดานด้านหลัง ไม่ถูกหลังหรอก เลยตัวมาหน่อย ๓ กั้ก เอาเคาะแก็ก ๆๆ ๓ ที พอทีที่ ๓ ตะขาบวิ่งพรืดพรับตาเดียวไม่รู้หายไปไหน หลวงพ่อปานสั่งด่วน บอก รีบไปแบกไอ้ลาวเข้ามา เดี๋ยวมันตาย ความจริงถ้าเป็นฉันตอนนั้นฉันไม่แบกหรอก ปล่อยให้มันม่องตี่ไปดีกว่า แต่ตอนนี้น่ากลัวจะแบกเหมือนกัน สงสารมัน ผลที่สุดพระทั้งวัดก็วิ่งไปในป่าช้า พระที่เขารู้จักทางว่าเจ้าลาวพักอยู่กระท้อมไหนก็นำทางไป ถือตะกียงกันไปเป็นแถว

   เมื่อไปถึงปรากฏว่าเจ้าลาวบวมทั้งตัวเลย ร้องควาญครางอย่างบอกไม่ถูก หากำลังไม่ได้ต้องแบกกันมา ถามว่าเป็นไง บอกว่าถูกตะขาบกัด พระแบกเจ้าลาวมา เจ้าลาวร้องครวญคราง หลวงพ่อปานก็ถามมันทำท่านใช่ไหม มันบอกว่าใช่ มันยอมรับทุกอย่าง มันขอให้หลวงพ่อถอนให้มัน เห็นไหมล่ะ ทำเขาทำได้ เขาเจ็บแล้ว แล้วไป เขาไม่มีความสุขช่างเขา เขาถูกทรมานยังไงช่างเขา ครั้นตัวโดนเข้าบ้างละร้อง นี่สันดานของคนที่มีกิเลสเป็นอย่างนี้นะ กิเลสน่ะมีทุกคน

   แต่กิเลสเจ้านี่มันชั่วมาก หลวงพ่อปานก็ถามว่าจะให้รักษาไหม มันก็ขอร้องให้รักษา ท่านบอกว่ารักษาได้แต่ต้องบวช ถ้าไม่บวชท่านไม่รักษาให้ แล้วก็บวชนี่น่ะถอนความรู้ทั้งหมดวิชาทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมดจะเลิกทำ รับปากท่านได้ไหม ถ้าไม่รับปากกับท่านไม่ได้ท่านไม่บวชให้ ท่านไม่รักษาให้ ตายก็ตายไปซี ฉันไม่ได้ทำเธอนี่ มันเป็นกฏของกรรมที่เธอสร้างขึ้น

   เท่านั้น เจ้าลาวหมดท่า มันร้องไห้เสียดายของ ผลที่สุดไม่รู้จะทำยังไง ความปวดมันก็ทวีมากขึ้น ในที่สุดมันก็ยอมรับว่าจะเลิก ท่านก็รักษาให้ ฉันไม่เห็นท่านทำยังไง ท่านไปหยิบน้ำมนต์มาแล้วให้เจ้าลาวกิน เจ้าลาวดื่มเข้าไป ๓ อึก ประเดี๋ยวก็บอกว่าปวดอุจจาระ ท่านก็ให้ไปที่ร่องมันก็ถ่ายออกมา ไอ้ที่ถ่ายออกมาน่ะไม่ใช่อุจจาระหรอก มันเป็นโซ่เส้นเล็ก ๆ เหมือนโซ่ลิง ที่มันเป็นตะขาบนั้นแหละ พอกัดปับเป็นพิษแล้วเข้าไปในท้องเลย ตายแน่ บอกว่าเอ็งน่ะมันระยำ เอ็งคิดจะฆ่าฉัน เอ็งน่ะระยำมาก แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันนะไม่ตายเพราะมือเอ็งแน่ ถ้าฉันจะตายฉันต้องตายของฉันเอง ถ้าฆ่าฉันละไม่ตายแน่ เอาล่ะเป็นอันว่าพรุ้งนี้บวชกัน ว่ากันอย่างนี้เลยนะ ท่านเอาจริง ๆ

   พอวันรุ่งขึ้นท่านก็ให้บวชเลย แล้วเจ้าลาวคนนี้พอบวชแล้วก็เจริญกรรมฐานกับหลวงพ่อปาน อาศัยอารมณ์ไสยศาสตร์ที่เขามีอยู่ จิตเป็นสมาธิระดับสูง ภายในพรรษาเดียวเขาก็ได้อภิญญาสมาบัติ นั้นเป็นพระอภิญญาไปอีกองค์ พอได้อภิญญาถามว่า แกยังจะทำยังงั้นอีกไหม ตอบว่าไม่ทำหรอก ไปดูเมืองนรกแล้วเขาจดไว้เป็นแถวเชียว ไม่มีทางหรอก ผมหนีแน่ วิชาคววามรู้กรรมชั่วอย่างนี้ผมไม่เอาอีก ผมหนี สิ่งใดที่เป็นบุญ ทางใดที่จะหนีได้ผมรีบเปิด เป็นอันว่าแกอยู่กับหลวงพ่อปาน ๒ พรรษา ช่วยหลวงพ่อบานรักษาโรค หลวงพ่อปานให้เรียนวิชารักษาโรคแทน แล้วต่อจากนั้นแกก็ลาเข้าป่าไป เป็นอันว่าพระอภิญญาเข้าป่าไปหมด เห็นไหม นี่เขาไม่อยู่กันนา

หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3   หน้า 4   หน้า 5