ตายไม่สูญ..ตายแล้วไปไหน
 หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

หลวงพ่อปานกับขรัวอีโต้ ตอน ๑
อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

   ขอเล่าเรื่องของหลวงพ่อปานกับอีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นฆราวาส ชาวบ้านเรียกกันว่าขรัวอีโต้ ที่เรียกว่าขรัวอีโต้ก้เรียกตามหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานท่านเรียกตาคนนี้ว่าขรัวอีโต้ คือแกเป็นคนแก่ คนอายุไล่เลี้ยกับหลวงพ่อปาน มีอีโต้เป็นอาวุธประจำตัว จะไปไหนก็ตามแกจะต้องมีอีโต้ของแกติดตัวไว้เสมอ วันหนึ่งเวลาบ่ายประมาณ ๕ โมง เย็น ขรัวอีโต้นี้ที่อยู่จริงจังฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน มีพวกมอญจังหวัดปทุมเคยไปรักษาตัวที่วัดบางนมโค บอกว่าเคยพบขรัวอีโต้อยู่ที่ภูเขาสาริกาในเขตจังหวัดนครสวรรค์ เขาว่าอย่างนั้น

    เขาเคยพบอยู่ที่นั้น เวลาเขาไม่สบาย เขามาขายของแถวแถวจังหวัดนครสวรรค์ เขาก็ไปหาขรัวอีโต้ที่เขาสาริกา เขาว่าอย่างงั้นนะ แต่ฉันเองน่ะไม่รู้แน่นอนว่าแกอยู่ที่ไหน ขรัวอีโต้นี่ปฏิปทาแปลก ประเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง คือว่าตอน ๕ โมงเย็นวันหนึ่ง หลวงพ่อปานท่านเรียกฉันให้มารับท่านขนของไปบนกุฏิ ถ้าฉันไม่อยู่ท่านก็เรียกพระองค์อื่น แล้วท่านก็เลยไปนอนที่ป่าช่าเวลาประมาณเกือบ ๆ จะ ๒ ทุ่ม ท่านก็กลับ ตอนกลับนี้ท่านก็เอานมบ้าง น้ำร้อนบ้างมาเลี้ยงพระ ตอนเลี้ยงพระก็ถือโอกาสสั่งสอนพระไปในตัวเสร็จ

   แล้วก็นั่งคุยเรื่องการเจริญพระกรรมฐาน เข้าฌานสมาบัติของท่านว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ไปพบไปเห็นอะไรมาบ้างใครทำความดีความชั่วอะไรที่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระที่นั่งอยู่ที่นั้นแหละ ท่านก็ชี้เอาในขั้นปัจจุบันว่าในวันนี้ทำดียังไง ทำชั่งยังไง มันมีผลประการใด สำนักพระยายมเขาจดว่ายังไง สำนักของสวรรค์เขาจดว่าไง พระองค์ไหนที่ความดีก็มีจิตฟู พระองค์ไหนที่มีความชั่วก็มีอารมณ์หดหู่วงไปมาก ก็แสดงว่าเป็นการป้องกันพระของท่านลงนรกได้ดี ทำให้พระคิดกันว่าจะทำกรรมฐานกันให้เต็มอัตราศึก

   แต่วันนั้นวันที่ขรัวอีโต้มาท่านไม่ยักขึ้น (นอนที่ป่าช่า) ๕ โมงเย็ยเศษแล้วท่านก็นั่งเฉย พวกฉันก็คอนดูว่าเมื่อไหร่หลวงพ่อจะเรียก ก็นั่งกันอยู่ไม่ไกล คอยท่าน นี่มันได้เวลานานแล้ว จนเลยเวลา ๕ โมงกว่า ๆ ก็เห็นเรือลำหนึ่งเป็นเรือสำปั้นพายมามีประทุนครอบผ่านมาทางหน้าวัด พอจะลอยเขตวัดก็ปรากฏว่าเรือลำนั้นประทุนไฟไหม้ลุกขึ้น ไฟลุก เจ้าของพายมาคนเดียวโดดน้ำว่ายน้ำขึ้นมาบนวัด เรือแพของแกไม่สนใจ แกปล่อยไปตามยถากรรม ในที่สุดชาวบ้านแถวนั้นก็เก็บเอามาไว้หน้าวัด ช่วยกันดับไฟในเรือแล้วเอาเรือมาจอด แต่สำหรับเจ้าของน่ะไม่สนใจกับเรือ ฉันเห็นไฟลุกไหม้หลังคา

    ก็พอดีพบขรัวอีโต้ว่ายน้ำขึ้นมาพอดี พอขึ้นมาบนตลิ่ง แทนที่แกจะทำท่านนอบน้อมหรือว่ามีอาการนอบน้อมเหมือนชาวบ้านชาวเมืองธรรมดา แกก็เดินท่าทางองอาจเหมือนนักเลงโตมาถามหา นี่ท่านปานอยู่หรือเปล่า มีคนที่ยืนอยู่กับฉัน ๔๐ กว่าคน ทั้งพระบ้างไม่ใช่พระบ้าง ทุกคนพอได้ยินเสียงแบบนี้รู้สึกไม่พอใจ ทุกคนหน้าเครียดเหมือนกันหมด เพราะว่าไม่มีใครเลยที่จะมาเรียกหลวงพ่อปานว่าท่านปาน มีแต่เขาเรียกกันว่าท่านใหญ่ ปกติคนแถวนั้นเรียกกันว่าท่านใหญ่ สำหรับหลวงพ่อเล็กเป็นรองลงเขาเรียกหลวงพ่อเล็ก แต่หลวงพ่อปานนี่เขาเรียกกันว่าท่านใหญ่ เป็นยังงั้น ถ้าใช้คำว่าท่านใหญ่ก็เป็นอันรู้กัน ตีความหมายว่าเขาพูดถึงหลวงพ่อปาน

   แต่ว่าขรัวอีโต้แกมาใช้วาจาว่าท่านปานอยู่ไหม พวกเราถึงแม้ว่าจะไม่พอใจก็ตาม ก็พูดกับแกดี ๆ บอกว่าหลวงพ่อกำลังนั่งอยู่กับแขก โยมต้องการอะไร แกก็บอกว่าเดี๋ยวต้องไปถามเขาหน่อยว่าทำไมไอ้เรือของข้าน่ะมาหน้าวัดเขาทำไมไฟจึงไหม้ เอ้ะ นี่มันก็แปลกเหมือนกัน พวกเราก็พากันยิ้ม นึกว่าอีตาคนนี้ไม่บ้ามากก็คงเลยบ้านิด ๆ เรียกว่าถ้าไม่บ้าก็ไม่พอดีบ้า นิด ๆ เรือของแก แกพายแกมาเอง แล้วไฟก็ไหม้หลังคาเรือของแก แกจะไปถามคนบนบกว่าทำไมไฟไหม้เรือแก ก็นึกในใจว่าอีตานี่แกชอบกล

    แล้วแกเดินผ่านมา มุ่งหน้ามาหาหลวงพ่อปาน ฉันกับทุกคนก็ตามแกมาชักไม่ไว้ใจ แกถืออีโต้มาด้าย เพื่อนฉันอีกคนที่หลวงพ่อเรียกเจ้าลิงเล็ก นี่ตามปกติเวลาเป็นฆราวาสนี่เขาคล่องเหลือเกินเรื่องตีกันละเขาออกหน้า ถ้าเขาออกหน้า ฉันอยู่หลังรับรองว่าเรื่องอาวุธไม่โดนแน่ ถ้าเขาใช้หอกก็ตาม ใช้มีดใช้ไม้ก็ตาม เขามีปืนพก ตีมีดตีไม้ตีหอกกระเด็นหมด เขาไวมาก เก่งมาก เขาก็สกดรอยตามหลังขรัวอีโต้มาเลย เขาบอกว่าวันนี้ถ้าไม่ดีกูล็อคคอแน่ ไอ้แก่ ๆ แบบนี้ไม่ถึงครั้งนาทีหรอก ตาตั้ง เขาว่าอย่างนั้น

   เมื่อมาถึงหลวงพ่อปานแล้ว อีตานั้นก็พูดเอะอะโวยวายมาตลอดทาง แกไม่เดินมาเฉย ๆ พอมาถึงแล้วก็เอาอีโต้ชี้หน้าพูดว่า หนอยแน่ นักเลงโต แกล้งกันได้นี่หว่า หลวงพ่อปานก็ยกมือป้องหน้าถามว่าใคร แกก็บอกว่าข้าเองแหละวะ พวกเราไม่พอใจมากเหมือนกัน หลวงพ่อปานป้องหน้าพอเห็นเข้าร้องว่า อ้อ นึกว่าใคร ขรัวอีโต้หรอกรึ นี่พวกคุณปล่อยเขาเถอะ คนนี้ไม่ใช่คนบ้าหรอก แกล้วบ้า ไอ้คนบ้าจริง ๆ น่ะมันบ้าไม่มาก ไอ้คนบ้าไม่จริงนี่อาการบ้ามันมากกว่าคนบ้าปกติ แกหัวเราะกั๊ก ๆ อีตาขรัวอีโต้น่ะ พอหลวงพ่อปานว่าเท่านั้นหัวเราะกั๊ก ๆ แกเลยบอกว่า นี่พวกพระของท่านนี่สำคัญนะ ผมรู้นะว่าตามมาจะมาล็อคคอผม นี่เขายังไม่รู้ฤทธิ์ขรัวอีโต้นะ ประเดี๋ยวจะแสดงฤทธิ์ให้ดู

   แล้วแกก็วางมีดลงกราบหลวงพ่อปานในฐานะที่หลวงพ่อปานเป็นพระ พอแกกราบลงไปแล้ว หลวงพ่อปานก็ประกาศว่า ขรัวอีโต้ไม่ใช่ใครหรอก เป็นเพื่อนฉันเอง เขาเก่งนะคนนี้ เก่งกสิณมากได้อภิญญาเหมือนกัน แต่ทว่าเป็นฆรวาส ถึงแม้เป็นฆรวาสก็ตามเถอะ แต่จิตของเขาใช้ได้ เรื่องความดีนี่ไม่ใช่จะเอาผ้าเหลืองมาหุ้มห่อกันเฉย ๆ คนที่เอาผ้าเหลืองมาห่อมาหุ้มห่อตัว โกนหัว โกนคิ้ว แต่ไม่ทำความดี ก็เลวกว่าฆรวาสที่เขามีดีเสียอีก

   แล้วตาขรัวอีโต้ก็คุยโอ่อยู่พักหนึ่ง อวดเดชอวดศักดาด้วยประการทั้งปวง เมื่อคุยอยู่สักพักแล้วก็บอกว่า นี่ท่าน พระพวกนี้ท่านไม่รู้จักผม เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ประเดี๋ยวผมจะแสดงฤทธิ์ให้ดูสักอย่าง จะให้อีโต้ว่ายน้ำ แกว่าอย่างนั้น จะให้อีโต้ว่ายน้ำให้ดู แกก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินไปที่ท่าน้ำ พวอเราก็ตามกันไปหมด แกก็เหวี่ยงอีโต้าไปกลางแม่น้ำ ปุ๋ม มีดอีโต้มันก็จมหายไป อีโต้น่ะก็มีดเหล็กธรรมดา แถมด้ามก็เป็นด้ามเหล็กอีกด้วย ไอ้เหล็กม้วน ๆ ที่เขาเรียกบ้อง พอมีดจมลงไปแล้วสักครู่หนึ่งแกก็ตบมือเรียกว่า อีโต้จงขึ้นมาหาข้า ข้าขี้เกียจไปงมหาเอ็ง เท่านั้นแหละมีดโต้มันก็โผล่ผลุงมาตรงที่มันจมลงไปโผล่ขึ้นเหนือน้ำ แล้ววิ่งจู๊ดคล้ายเรือเร็ว แกเอามือรอไว้ใกล้น้ำเจ้าด้ามก็เข้ามาถึงมือพอดี แกบอกว่านี่เป็นฤทธิ์หนึ่งนะ ฤทธิ์ใหญ่ ๆ มียิ่งกว่านี้แต่ฉันไม่แสดง

   บอกว่าจะเป็นการแสดงอวดเจ้าของถิ่น แกพูดแล้วแกก็หันหน้ามาดูเพื่อนฉัน ๒ ลิง คือลิงขาวกับลิงเล็กเพราะเจ้าสองคนเขาได้อภิญญา เจ้าสองคนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม แล้วแกก็บอกว่าคุณ ๆ ทั้งสององค์นี่ได้อภิญญาก็จริงนะ แต่ว่ายังเป็นอภิญญาใหม่ ต้องเล่นให้คล่อง เจ้า ๒ คนนั้นตกใจว่าแกมาประเดี๋ยวเดียวแกรู้ได้อย่างไร ก็เลยไปสะกิดกันบอกว่าอย่าไปพูดเลย อย่าไปสงสัยนะ แกเป็นเพื่อนของหลวงพ่อนะ เข้าใจว่าอย่างดีที่สุดแกก็มีดีคล้ายคลึงหลวงพ่อสำหรับหลวงพ่อนี่เราไม่มีอะไรจะหลบท่านได้เลย เรื่องการปิดความชั่วหรือความดีนี่เราไม่มีทางจะปกปิดท่านได้เลย ก็ขรัวอีโต้นี่เป็นเพื่อนของหลวงพ่อ ขนาดหลวงพ่อให้อภัยแล้วก็ต้องดี ถ้าไม่ดีหลวงพ่อไม่ให้อภัยแล้วก็ต้องดี ถ้าไม่ดีแล้วหลวงพ่อไม่ให้อภัย

หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3   หน้า 4   หน้า 5