พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๕

 


พระสุมงคล
เริ่มต้น

       ( ภควา “ โภ สาริปุตฺต ติสฺสสฺส พุทฺธสฺส สาสนากาเล อติกฺกนฺเต ตตฺถ กปฺเป หตฺถีปาลิเลยฺโย อนาคเต สุมงฺคโล นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถสีติ ) ฯ

       ( อนุสนธิ พระสัทธรรมเทศนา มีปุพพาปรสืบเนื่องมาโดยลำดับ บัดนี้จะได้วิสัชชนาในประวัติกาลแห่งองค์สมเด็จศรีสรรเพ็ชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า สุมงคลต่อไป ดำเนินความว่า ) ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระนามว่าพระดิสสสัพพัญญูเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ

       ในลำดับนั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุมงุลในอนาคตกาล พระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์ได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวันแล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่าง ๆ ด้วยพระพุทธานุภาาพ

       ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรมวาณิชยกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นไม้กัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต่นรำตกแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตรเทพธิดาได้ซึ่งทิพย์สมบัติ ในสวรรค์เทวโลก ฯ

       สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมายังแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ

       ดูก่อนสำแดงสารีบุตร แต่กาลก่อนล่วงลับไปแล้วช้านาน ช้างปาลิไลยตัวนี้เป็นพระบรมโพธสัตว์ ได้บังเกินเป็นสมเด็จพระบรมจักรพรรตราธิราช ทรงพระนามว่า พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ ในภัททกัปป์อันนี้ และมีแก้ว ๗ ประการ คือจักร์แก้ว ๑ นางแก้ว ๑ แก้วมณีโชติ ๑ ช้างแก้ว ๑ ม้าแก้ว ๑ ปรินายกแก้ว ๑ คฤหบดีแก้ว ๑ สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ ได้เสวยศิริราชสมบัติอยู่ในทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๑ พันเป็นบริวาร พระองค์ทรงพระสำราญอยู่เป็นปกติ

       มาจนถึงกาลสมเด็จพระกุกกุสนธสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดในโลก กาลครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ได้ทรงทราบว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสในโลกแล้ว จึงได้ตรัสประกาศสั่งจักร์แก้วว่า ดูก่อนจักร์แก้วผู้เจริญ ท่านจงไปยังท้องพระมหาสมุทร์ ถือเอาดวงแก้วมณีมาให้แก่เรา จักร์แก้วนั้นก็ไปยังท้องพระมหาสมุทร์ ดุจดังว่ามีจิตวิญญาณ นำเอาแก้วมณีมาถวาย ฯ

       แล้วอยู่มาภายหลังพระองค์จึงตรัสสั่งช้างแก้วว่า ดูก่อนช้างแก้วผู้เจริญท่านจงไปในที่ฉัตรทันตสระ แล้วพาช้างแก้วมาให้แก่เรา ฯ ครั้งนั้นช้างแก้วก็เหาะไปยังฉัตรทันตสระ พาเอาช้างชาติฉัตรทั้งหลาย ประมาณ ๘ หมื่นมาถวาย ฯ