พระวิธูรบัณฑิต ๓

     เมื่อปุณณกะกำจัดให้เทพธิดาหนีไปได้แล้ว เมื่อท้างเธอทอดลูกบาศออกไป แม้จะมองเห็นว่าเมื่อตกถึงพื้นจะต้องแพ้เพราะแต้มไม่ดี ท้าวเธอก็ไม่สามารถจะรับลูกบาศไว้ได้ต้องปล่อยให้ตกพื้น ผลก็คือแต้มแพ้
   ถ้าพูดอย่างนักเลงลูกเต๋า ในฐานะที่พระเจ้าธนญชัยโกรพทอดก่อนก็เป็นเจ้ามือ และแทนที่จะเป้า คือมีแต้มเดียวกันทั้ง  ๓  หรือ ๔ - ๕ - ๖   ซึ่งเรียกว่าโง่วลัก อันเป็นแต้มที่ต้องกินลูกค้าทั้งหมด   กลับเป็น ๑ -๒ -๓  ซึ่งเรียกว่าหัก อันเป็นแต้มที่จ่ายรอบวง
   นี่ก็เช่นเดียวกัน พอทอดก็ตกเป็นแต้มที่ต้องจ่าย โดยอีกฝ่ายไม่ต้องทอดเลย เป็นอันว่าท้าวเธอแพ้โดยที่จะต้องจ่ายราชสมบัติพร้อมทั้งประเทศให้แก่ฝ่านชนะ คือปุณณกะยักษ์

     เมื่อเป็นเช่นนั้นฝ่ายผู้ชนะคือปุณณกะยักษ์ก็เรียกร้องค่าเดิมพัน
   ทรัพย์สินเงินทองและช้างม้าวัวควาย ตลอดจนข้าทาสทั้งหลายข้าพเจ้าไม่ต้องการ ยินดียกให้พระองค์ทั้งหมด แต่ข้าพระองค์จะขอเพียงเจ้าวิธูรคนเดียวเท่านั้น”
   เห็นจะต้องขัดข้องเสียแล้วกระมัง”
   “เพราะอะไร?”
   “เพราะวิธูรบัณฑิตมิใช่สมบัติของข้าพเจ้า ๆ ไม่อาจจะให้ได้ นอกจากนี้ท่านปรารถนาอะไรเอาไปเถอะ”
    “ไม่ได้ ข้าพระองค์ปรารถนาเพียงเจ้าวิธูรเท่านั้น”
   “เราก็บอกท่านแล้วว่าวิธูรบัณฑิตผู้อาจารย์ของเรานั้นไม่ใช่สมบัติของเราที่จะยกให้ใครได้”
   “พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า สมบัติในแผ่นดินเว้นจากพระองค์และพระมเหสีและเศวตฉัตรแล้ว พระองค์จะยอมยกให้ทุกอย่าง”
   "จริงอย่างนั้น แต่ท่านวิธูรนั้นเหมือนตัวเรา และหัวใจของเรา ๆ จึงยอมให้ไม่ใด้”
   “ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมฉันเห็นว่าต้องให้วิธูรบัณฑิตเป็นผู้ตัดสินว่าควรจะเป็นประการใด”

     เรื่องก็เป็นอันตกลงว่าต้องให้วิธูรบัณฑิตเป็นผู้ตัดสินว่าควรเป็นประการใด จึงรับสั่งให้ไปตามเจ้าวิธูรมา เมื่อเจ้าวิธูรมาแล้วจึงตรัสเล่าความให้ฟัง และปุณณกะยักษ์ได้กล่าวเสริมว่า
   “เจ้าบัณฑิต เราได้ยินข่าวลือว่าเจ้าเป็นบัณฑิตทรงตรงไว้ซึ่งธรรมสุจริต เพราะฉะนั้นเจ้าบอกเราได้หรือไม่ว่า เจ้านั้นเสมอพระมหากษัตริย์หรือเป็นเพียงข้าทาสของพระองค์เท่านั้น”

   วิธูรบัณฑิตได้ยินเช่นนั้นก็ดำริว่า
   “หากว่าเราจะกล่าวว่าเป็นญาติของพระเจ้าแผ่นดิน มาณพนี้จะเชื่อหรือ หากจะพูดว่าเป็นผู้ยิ่งกว่าพระเจ้าแผ่นดินก็จะได้แต่ความจริงเราเป็นผู้ได้รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นพระองค์เป็นเจ้านายเรา เราเป็นทาสของพระองค์ถึงเราจะเป็นอย่างไรเราก็จะไม่พูดปดมดเท็ดเป็นอันขาด"

   จึงบอกว่า
   “มาณพ ข้าพเจ้าจึงเป็นทาสของพระราชา หาใช่จะเสมอกับพระเจ้าแผ่นดินไม่”

   ปุณณกะยักษ์ตบมือดังสนั่น พลางพูดว่า
   “วันนี้เราชนะพระราชาถึง ๒ ครั้ง ครั้งเเรกด้วยการทอดบาสสกาพนัน ครั้งที่สองด้วยการตัดสินของเจ้าวิธูร ดังนี้จะเห็นได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินทำไมจึงจะหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมให้เจ้าวิธูรไปกับเรา” พระเจ้าธนญชัยโกรพทรงกริ้วเจ้าวิธูรอยู่แล้วที่เห็นว่ามาณพดีกว่าพระองค์ จึงได้พูดจาเอนเอียงไปทางมาณพ จึงตรัสกับปุณณกะยักษ์ว่า
   “เมื่อเจ้าปราชญ์เขาปฎิญาณตนว่าเป็นทาสเรา เราก็ยินดีจะมอบให้กับท่านตามประสงค์ แล้วแต่ท่านจะจัดการเอาเถิด แต่ว่าเมื่อเจ้าปราชญ์ไปแล้ว เมื่อใดเราจะได้ฟังเทศนาอันไพเราะอีกเล่า ขอเจ้าปราชญ์จงแสดงธรรมสั่งสอนคนที่ครองเรือนเป็นครั้งสุดท้ายเถิด”
   เจ้าวิธูรก็รับคำ พระองค์จึงให้จัดที่นั่งแสดงธรรมอันควร แล้วก็เจ้าวิธูรนั่งบนที่นั่ง ให้โอวาทแก่พระองค์

     ครั้นจบแล้วปุณณกะยักษ์ก็ชักชวนให้เจ้าวิธูรออกเดินทางไปด้วยกัน แต่วิธูรขอทุเลาก่อน  ๔ วัน เพื่อไปจัดการอะไรให้เรียบร้อยเสียก่อนปุณณกะยักษ์ก็ยินยอม
   ในระยะ   ๓ วันนั้น วิธูรจัดสถานที่ให้ปุณณกะยักษ์อาศัยพักผ่อนเป็นอันดี ยามราตรีก็มีดนตรีมาขับกล่อมประโคม ถึงเวลาโภชนาอาหารก็บำรุงบำเรอเป็นอย่างดี แล้ววิธูรก็ลาภารยา และบุตรและสะใภ้ ตลอดจนข้าทาสบริวานทั้งหลายเพื่อออกเดินทางไปกับมาณพ และก็ให้โอวาทแก่คนเหล่านั้น เพื่อปฎิบัติชอบกับพระเจ้าแผ่นดิน

   เมื่อครบ   ๓ วันแล้ว ก็ไปถวายบังคมลาพระเจ้าโกรพตลอดจนมหาชนชาวพระนคร แล้วก็ออกเดินทางไปกับปุถณณกะยักษ์ ปุณณกะยักษ์ปรารถนาจะได้หัวใจเจ้าวิธูรอย่างเดียวเท่านั้น จึงบอกกับวิธูรว่า
   “เจ้าไม่มีทางจะได้กลับมายังเมืองมนุษย์อีกแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าจงจับหางม้าของเราไว้ให้มั่นอย่าได้ตกใจกลัว เราจะรีบขับม้าไป” ปุณณกะยักษ์คิดจะขี่ม้าไปในภูเขาและป่าไม้ เพื่อจะให้ร่างของพระวิธูรกระแทกกับภูเขาหรือต้นไม้จะได้ตายไป ตนจะได้เอาหัวใจไปถวายพญาวรุณนาคราช แต่จะขับม้าแทรกไปในที่แห่งใดก็ตาม ที่เหล่านั้นก็แหวกเป็นช่องไปไม่กระทบกายของพระวิธูรเลย เพราะอำนาจศีลสัตย์ที่พระวิธูรได้รักษานั้นเอง

     เมื่อเห็นว่าภูเขาและต้นไม้ไม่กระทบร่างกายเจ้าวิธูรแน่แล้วก็คิดจะฆ่าด้วยลมกรด เพราะธรรมดาลมนี้พัดผ่านถูกใครเข้าแล้ว ผู้นั้นจะต้องกระจัดกระจายไปด้วยอำนาจลม แต่นี่ลมก็แยกออกเป็น   ๒ ภาค ไม่ถูกกายของพระวิธูรอีก แม้จะขับม้าไปกลับมตั้ง   ๒ - ๓ เที่ยว  ก็ไม่สามารถจะให้พระวิธูรตายได้ เหลียวหลังกลับมาดู ก็เห็นเจ้าวิธูรหน้าตาผ่องใสเกาะหางม้ามั่นคงอยู่เห็นว่าพระวิธูรไม่ตายด้วยลมกรดแล้ว ก็ชักม้ามายังภูเขาให้เจ้าวิธูรนั่งบนยอดเขา คิดแต่จะให้ตายให้ได้มิฉะนั้นความรักของเราก็ไม่สำเร็จ แต่จะฆ่าด้วยมือตัวเองก็มิได้

     เมื่อเห็นพระวิธูรนั่งเรียบร้อยดีแล้ว ตัวเองก็เนรมิตเป็นยักษ์ใหญ่ปานภูเขาหิมพานต์ร้องตวาดเสียงดังฟ้าลั่น ตาแดงดุจแสงพระอาทิตย์ ผลักเจ้าวิธูรให้นอนหงาย แล้วจับใส่เข้าปากทำเหมือนจะเคี้ยวเสียให้ตาย แต่เจ้าวิธูรก็มิได้กลัว เพราะปลงตกเสียแล้ว ตามแต่เขาจะทำประการใดก็ช่าง เพราะฉะนั้นถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น พระวิธูรก็ไม่กลัว จะทำอย่างไรก็เฉยเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ

   ปุณณกะยักษ์จะแปลงกายอย่างไร เพื่อให้ตกใจกลัวก็ไม่สำเร็จ เลยบันดาลด้วยฤทธื์เป็นลมมีกำลังแรงเพื่อจะพัดเจ้าวิธูรให้ตกจากยอดเขาถึงแก่ความตาย แต่ก็ไม่สามารถจะพัดให้เจ้าวิธูรให้ตกไปได้ จึงแทรกกายไปในภูเขาโผล่มาขึ้นมาคว้าเจ้าวิธูรได้ก็ขว้างไปด้วยกำลังไกลถึง   ๑๕ โยชน์   เจ้าวิธูรก็ไม่ตายอีก ก็คิดจะฟาดกับภูเขาให้ถึงแก่ความตาย

     เป็นอันว่าความคิดของปุณณกะยักษ์ที่คิดจะให้เจ้าวิธูรตายเองนั้นไม่สำเร็จ จึงคิดจะฆ่าด้วยมือของตัวเองล่ะ
   พระวิธูรคิดว่า เออ.. มาณพนั้นช่างกระไรโหดเหี้ยมเหลือประมาณ ดูว่ามีความต้องการจะฆ่าเราเสียจริง ๆ จำเราจะต้องถามดูให้รู้เหตุ จึงถามว่า
   “มาณพ ท่านนี้มีนามใด เป็นพวกพ้องของยักษ์ตนใดจึงมีใจโหดเหี้ยมเหลือประมาณ”
   “เราชื่อปุณณกะยักษ์ เป็นหลานและอำมาตย์ของท้าวเวสสุวัณ”
   “ทำไมท่านจึงพยายามฆ่าเรา”
   “เพราะเราอยากได้นางอินทตี ธิดาของพญาวรุณนาคราช"
   “นางอยากฆ่าเราให้ตายนักรึ ท่านถึงได้พยายามเป็นนักหนาที่จะฆ่าเรา”

   “นางก็ไม่ได้บอกว่าให้เราฆ่าท่าน แต่นางว่าถ้าใครรับอาสาไปนำเอาหัวใจเจ้าวิธูรบัณฑิตมาถวายพระวิมาลาชนนีของนางได้ นางยินดีจะมอบกายและใจให้กับผู้นั้น เราพยายามที่จะทำให้ท่านตาย เพื่อจะนำเอาหัวใจของทานไปถวายพระวิมาลาชนนีของอินทตี”

     พอได้ยินเท่านั้นเจ้าวิธูรก็คาดคะแนความได้ตลอดว่าเพราะนางวิมาลาต้องการจะได้สดับธรรมจากเรา จึงได้บอกกันพญาวรุณนาคราช ซึ่งก็นึกไม่ถึงว่านางอยากจะฟังธรรมกลับคิดว่านางอยากได้หัวใจเรา ธรรมดานักปราชญ์คำสั่งสอนนั้นแหละเป็นหัวใจล่ะ เราต้องทรมานปุณณกะยักษ์ให้เสื่อมความร้ายกาจเสียก่อน จะสั่งสอนภายหลัง เมื่อคิดได้ดังนี้จึงกล่าวว่า
   “ท่านปุณณกะยักษ์ท่านวางเราเสียก่อนเถิด แล้วค่อยฆ่าทีหลัง”

หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3   หน้า 4