ใช่แต่เท่านั้น ภควา ศัพท์นี้ถ้าแปลตามปรมัตถนัยนั้นแปลได้ ๕ นัยคือ ภควา แปลว่ามีพระภาค คือบารมีธรรมประการ ๑ ภควา แปลว่าหักเสียซึ่งกองกิเลสมีราคะเป็นต้นประการ ๑ ภควา แปลว่ากอปรด้วยบุญสิริประการ ๑ ภควา แปลว่าเสพซึ่งทิพย์พรหมวิหารประการ ๑ ภควา แปลว่าคายเสียซึ่งกิริยาอันเวียนไปในไตรภพ บ่มิได้บังเกิดสืบไปในภพทั้ง ๓ ประการ ๑ เป็น ๕ นัยดังนี้ สิริแปลในบุรพนัย ๘ อปรนัย ๕ จึงเป็นแปลแห่งภควาศัพท์ ๑๓ นัยด้วยกันพระนามชื่อว่าภควานี้ สมเด็จพระชนนีมารดาจะถวายก็หามิได้ สมเด็จกรุงสิริสุทโธทนะผู้เป็นพระปิตุราช แลพระบรมวงศ์ศากยราช อันเป็นญาติทั้ง ๒ ฝ่าย ๆ ละ ๘ หมื่น ๆ จะถวายก็หามิได้ ใช่แต่เท่านั้นจะได้เป็นพระนามอันมเหสักขเทวราช มีท้าวสหัสสนัยบพิตรแลสันดุสิตเทวราชเป็นประธานถวายก็หามิได้ พระนามอันนี้เป็นคุณวิโมกขันติกนาม พระองค์ได้คราวเดียวกันกับพระสัพพัญญุตญาณเหนืออปราชิตบัลลังก์ ณ ควงไม้พระมหาโพธิ์
ในคัมภีร์พระวิสุทธิมรรคนี้ ท่านยกขึ้นว่าเป็นเนมิตตกนามแต่ภควาบทเดียว ในคัมภีร์นิเทศแลปฏิสัมภิทานั้น ท่านยกขึ้นว่าเป็นคุณเนมิตตกวิโมกขันตินาม ตั้งแต่พระอรหังตลอดจนภควา เมื่อพระโยคาพจรระลึกถึงพระคุณแห่งสมเด็จพระสรรเพชญ์พุทธเจ้าโดยนิยมดังกล่าวมานี้แล้ว ราคะ โทสะ โมหะ ก็มิได้ครอบงำน้ำจิตแห่งพระโยคาพจร ฯ ก็ซื่อตรงเป็นอันดี นิวรณธรรมทั้ง ๕ มีกามฉันทนิวรณ์เป็นต้นก็สงบลง เมื่อจิตสงบลงตรงพระกรรมฐานแล้ววิตกวิจารอันน้อมไปในพระพุทธคุณก็จะบังเกิด เมื่อวิตกวิจารบังเกิดแล้งปีติทั้ง ๕ ประการ คือ ขุททกาปีติ ขณิกาปีติ โอกกันติกาปีติ อุพเพงคาปิติ ผรณาปีติ ก็จะบังเกิดในสันดาน เมื่อปีติบังเกิดเเล้ว กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ อันเป็นพนักงานรำงับกายรำงับจิตก็จะบังเกิด เมื่อพระปัสสัทธิทั้ง ๒ บังเกิดแล้ว ก็เป็นเหตุจะให้สุข ๒ ประการ คือสุขในกาย สุขในจิต นั้นบังเกิด เมื่อสุขบังเกิดแล้วน้ำจิตแห่งพระโยคาพจรก็จะตั้งมั่นด้วยอุปจารสมาธิ
อันจำเริญพุทธานุสสตินี้กำหนดให้สำเร็จคุณธรรมแต่เพียงอุปจารฌาน บ่มิอาจให้ถึงซึ่งอัปปนาอาศัยว่าน้ำจิตแห่งพระโยคาพจร ที่จะลึกซึ่งพระพุทธคุณนั้น ระลึกด้วยนัยต่าง ๆ มิใช่แต่ในหนึ่งนัยเดียว อันพระพุทธคุณนี้ลึกล้ำคัมภีรภาพยิ่งนัก หยั่งปัญญาในพระพุทธคุณนั้น ไม่มีที่สุดไม่มีที่หยุดยั้งไม่มีที่ตั้ง เหตุฉะนี้พระโยคาพจรผู้จำเริญพุทธานุสสติ จึงคงได้แก่เพียงอุปจารฌาน แลท่านผู้จำเริญพุทธานุสสตินี้ จะมีสันดานกอปรด้วยรักใคร่ในสมเด็จพระสรรเพชญ์พุทธองค์จะถึงซึ่งไพบูลย์ไปด้วยคุณธรรม คือ ศรัทธา สติ ปัญญา แลบุญสันดานนั้นจะมากไปด้วยปรีดาปราโมทย์ อาจอดกลั้นได้ซึ่งทุกข์แลภัยอันจะมาถึงจิตนั้น จักสำคัญว่าได้อยู่ร่วมด้วยสมเด็จพระผู้มีพระภาค
ร่างกายแห่งบุคคลผู้มีพระพุทธานุสสติกรรมฐานซับซาบอยู่นั้น สมควรที่จะเป็นที่สักการแห่งหมู่เทพยดาแลมนุษย์ เปรียบประดุจเรือนเจดีย์ น้ำจิตแห่งบุคคลผู้นั้นจะน้อมไปในพุทธภูมิจะกอปรด้วยหิริโอตัปปะ มิได้ประพฤติล่วงซึ่งวัตถุอันพระพุทธองค์บัญญัติห้ามไว้ จะมีความกลัวแก่บาปละอายแก่บาป ดุจดังว่าเห็นสมควรพระพุทธองค์อยู่เฉพาะหน้าแห่งตน แม้ว่าวาสนายังอ่อนมิอาจสำเร็จฌานสมาบัติมรรคผล ก็มีสุคติภพเป็นเบื้องหน้าเหตุดังนั้นนักปราชญ์ผู้มีปัญญาอย่าพึงประมาท ในพุทธานุสสติกรรมฐานอันมีคุณานิสงส์เป็นอันมาก โดยนัยกล่าวมานี้ ฯ