พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๑

 


พระอาริยเมตไตรย
ต่อ ๕

       พระองค์ก็นิสีทนาการนั่งบนพระบวรพุทธอาสน์ในพระวิหาร ส่วนสมเด็จพระบรมโพธสัตว์ก็เสด็จลงจากรถ เข้าไปสู่บุพพารามวิหาร ทอดพระเนตรแลไปได้ทัศนาการเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบไปด้วยทวัตติงส

       มหาบุรุษลักษณะอสีตนุพยัญชนะประดับทั้งพระพุทธรัศมีอันโอภาสสว่างรุ่งเรืองออกจากพระบวรกายอันเสด็จนั่งอยู่ในที่นั้น พระองค์ก็ทรงวิสัญญีภาพสลบลงตรงพระพักตรแห่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความโสมนัสสาการ เกิดความปิติยินดีหาที่สุดมิได้

       ส่วนสมเด็จพระสัพัญญูเจ้าจึงมีพระพุทธฏีกาตรัสว่า “ ดูก่อนมหาบุรุษราชผู้เป็นอภิชาติชายอันประเสริฐพระตถาคตเสด็จอยู่ที่นี้แล้ว ” ครั้งนั้นสมเด็จพระบรมสังขจักร์ก็ได้ซึ่งอัสสาสประสาท เกิดความยินดีชื่นชมก้มเศียรเกล้า คลานเข้าไปในสำนักสมเด็จพระพุทธองค์เจ้า

        เสด็จนั่งยังอันที่สมควรแล้วยกพระกรขึ้นประนมบังคมเหนือศิโรตม์กระทำอภิวาทนมัสการกราบทูลว่า “ ภนฺเต ภควา ข้าแต่สมเด็จพระพุทธองค์เจ้าบัดนี้ข้าพระบาทถึงสำนักพระองค์เจ้าแล้ว ขอจงทรงพระกรุณาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้า โปรดตรัสแสดงพระสัทธรรมเทศนา อันอุดมให้ ข้าพระบาทฟังในกาลบัดนี้ ฯ ”

       สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่าดูก่อนบพิตรผู้ประเสริฐ จงตั้งโสตประสาทสดับรสพระสัทธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้วพิจารณาธรรมกถา อันกล่าวในคุณพระนิพพานบัดนี้ ฯ

       ปางนั้นสมเด็จพระชินศรี จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนา โปรดแก่พระยาสังขจักร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระสัทธรรมเทศนา บทหนึ่งสิ้นเนื้อความลงแล้วก็ทูลห้ามสมเด็จพระพุทธเจ้าว่า ขอพระองค์จงหยุดพระสัทธรรมเทศนาเสียเถิด อย่าทรงสำแดงต่อไปเลย ฯ

        มีปุจฉาว่า เหตุไฉนพระเจ้าสังขจักร์จึงทูลห้ามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียดังนี้ เดิมทีสิมีพระทัยผูกพันธ์ในพระพุทธศาสนา ระลึกถึงซึ่งคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าเป็นอันมาก สู้ทรงสละศิริราชสมบัติบรมจักร์เสด็จมาด้วยความลำบากแทบถึงชีวิต

        ครั้นมาประสพพบพระภควันตบพิตร พระองค์ประทานธรรมเทศนาแล้วห้ามเสียด้วยเหตุประการใด ฯ

       วิสัชชนาว่าสมเด็จบรมสังขจักร์ทรงคิดเห็นว่า ถ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาเป็นอันมาก แล้วพระองค์ก็เสด็จมาแต่พระองค์เดียวเปลี่ยวพระทัยนัก จะหาเครื่องไทยธรรม อันสมควรที่สักการบูชา

        ให้สมควรแก่รสพระสัทธรรมนั้นหามีไม่ บัดนี้เราได้สดับรับรสพระสัทธรรมเทศนาแต่บทเดียว เครื่องสักการบูชาของอาตมานี้ มิพอสมควรกันกับพระสัทธรรม

       พระองค์ทรงคิดดังนี้จึงทูลห้ามสมเด็จพระพุทธเจ้าเสีย พระองค์จึงกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเกล้ากระหม่อมฉันได้สดับฟังพระสัทธรรมของพระองค์ในกาลบัดนี้ พระองค์ทรงพระมหากรุณาตรัสพระสัทธรรมเทศนาสำแดงพระนิพพานอันเป็นที่สุดพระสัทธรรมอยู่แล้ว

        ข้าพระพุทธเจ้าจะตัดเศียรเกล้า อันเป็นที่สุดสรีระกายแห่งข้าพเจ้า ออกกระทำการสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนา ของสมเด็จพระพุทธองค์ก่อน ตรัสดังนั้นแล้ว