พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๔

 


พระดิสสะ
หน้า ๔

       ครั้นถึงแล้ว ชาวเมืองเห็นพระธรรมเสนดาบสก็ชวนกันสรรเสริญยิ่งนักหนา ฝ่ายพระธรรมเสนดาบส ก็เข้าไปสู่สำนักพระราชบิดา พระธรรมราชาธิราช ทอดพระเนตรเห็นโอรสทรงเพศเป็นบรรชิตดาบสเข้ามาหาดังนั้น ก็บังเกิดความเสนหาเป็นอันมาก ยังพระธรรมเสนดาบสราชโอรส ให้นั่งบนตักแล้ว ก็ตรัสไต่ถามพระพฤติเหตุทั้งปวงว่า ดูก่อนพ่อพระกนิษฐกุมารทั้ง ๔ คนนั้น ไปอยู่ในที่ใดหรือ จึงมาแต่พ่อผู้เดียวดังนี้ ฯ

       พระดาบสธรรมเสนจึงเล่าความแต่หนหลัง ตั้งแต่ต้นจนอวสานให้พระบิดาฟัง สิ้นทุกสิ่งทุกประการ ฯ สมเด็จพระธรรมราชาได้ทรงฟัง จึงตรัสว่า ดูก่อนพ่อธรรมเสนผู้ลูกรัก บัดนี้บิดาก็แก่ชราอายุมากแล้วบิดาจะยกศิริราชสมบัติมิ่งมไหศวรรย์เศวตฉัตรมอบให้ในกาลบัดนี้ ฯ

       เมื่อพระธรรมเสนดาบสได้สดับฟังพระบิดาตรัสดังนั้น ก็รับเอาศิริราชสมบัติตามพระบิดาให้ ฯ จึงมีคำโจตย์เข้ามาว่า พระธรรมเสนดาบสนั้นทรงเพศบรรพชิต สำเร็จอิทธิฤทธิ์อภิญญาณสมาบัติทุกประการอยู่แล้ว เหตุไรเล่าจึงรับเอาศิริราชสมบัติในครั้งนี้ ฯ พระอรรถกาถาจารย์เจ้าผู้เป็นปราชญ์วิสัชชนาแก้ว่า

        พระธรรมเสนนั้นเป็นหน่อพุทธางกูรจะใคร่ก่อสร้างพระบารมีแสวงหาโพธิญาณ ถ้ายับยั้งอยู่ด้วยเพศดาบสบรรพชิตดังนี้แล้ว ก็มิอาจจะกระทำทานมหาบริจากอันใดได้ด้วยไม่มีบุตรภรรยายอดรักข้าทาษหญิงชายและโคมพหิงส์ช้างม้าราชรถ สรรพสิ่งทั้งปวงซึ่งจะสละเป็นมหาบริจาก แม้อยู่เป็นฆราวาส ประกอบไปด้วยบุตรภรรยาแล้วจึงอาจสามรถยังมหาทานให้บังเกิดกองการทานบรมี เป็นปรมัตถมงกฏได้โดยสะดวก

       เหตุดังนั้นพระธรรมเสนดาบสบรรชิตบรมโพธิสัตว์ จึงรับเอาศิริราชสมบัติ ที่สมเด็จพระราชบิดายกให้ ฯ ครั้งนั้นพระบรมโพธิสัตว์ธรรมเสนก็เปลื้องเครื่องบริกขารบรรพชิตออกเสียจากสรีรกาย ทรงเพศเป็นคฤหัสถ์แล้ว ก็กล่าวประกาศเป็นถ้อยคำอธิษฐาน ดูก่อนอัฐบริกขารผู้เจริญเอ๋ย ท่านจงไปยังสำนักพระดาบสทั้งหลายเถิด ในขณะขาดคำอธิษฐานแห่งพระบรมโพธิสัตว์เจ้าครั้งนั้นเครื่องบริกขารทั้ง ๘ ก็ปลิวลอยไปในอากาศเวหา ลงยังสำนักแห่งพระดาบสทั้งหลาย

       ส่วนสมเด็จพระธรรมราชาธิราช ผู้เป็นพระบิดาก็ให้ตีกลองร้องป่าวชาวพระนคร ให้มหาชนทั้งหลายสันนิบาตประชุมพร้อมกันแล้ว จึงกระทำอภิเศกสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ผู้เป็นพระราชโอรส กับด้วยนางลัมภุสสราชเทวี เป็นอัครมเหสีครอบครองกรุงจำปากมหานครเป็นสุขสำราญมา จนพระราชเทวีอัครมเหสีทรงพระครรภ์ ถ้วนทศมาสแล้วก็คลอดพระราชบุตร เมื่อพระราชบุตรบทจรยกย่างได้ถนัดแล้ว นางก็ทรงครรภ์อีกประสูติพระราชธิดา

       ลำดับนั้น พระเจ้าธรรมเสนผู้เป็นบรมกษัตริย์แสวงหาพระโพธิญาณเสด็จด้วยพระราชโอรสทั้งสองและพระราชมเหสีไปประพาสนอกพระนคร เพื่อจะลงสรงสาครเล่นให้เป็นสุขสำราญ กับด้วยราชบริวารสาวสนมกรมในทั้งปวงและหมู่มุขมนตรีทั้งหลายก็เล่นน้ำสำราญใจ ฯ

       ครั้นนั้นยังมียักษ์ตนหนึ่งได้ทัสสนาการเห็นกุมารทั้งสององค์ก็มีความปรารถนาเพื่อจะกินเป็นภักษาหาร บมิอาจอดกลั้นความอยากอยู่ได้ จึงเดินมาสำแดงกายให้ปรากฏฉะเพาะหน้าแห่งพระเจ้าธรรมเสนบรมกษัตริย์แล้วก็ร้องขอด้วยคำว่า

       “ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ข้าพเจ้ามาบัดนี้มีความปรารถนาจะขอรับพระราชทาน ๒ กุมารปิโยรสของพระองค์ พระองค์จงทรงพระกรุณาข้าพเจ้า โปรดเกล้าพระราชทานกุมารให้แก่ข้าพเจ้ากินเป็นภักษาหารในกาลบัดนี้เถิด ฯ ”