พระอนาคตวงศ์
กัณฑ์ที่ ๔

 


พระดิสสะ
จบตอน

        ในกาลครั้งนั้น ยังมีพระอริยสาวกองค์ ๑ แห่งพระโกนาคมน์เจ้า เข้าไปสำราญอยู่ในป่าหิมพานต์ พระฤๅษีทั้งหลายได้ทัสสนาเห็นพระอรหันต์อันวิเศษมาก็มีความเลื่อมใส ไหว้กราบสักการบูชาพระอริยสาวกเจ้า นิมนต์ให้ยับยั้งอยู่สิ้นราตรีหนึ่งแล้ว ครั้งรุ่งขึ้นเป็นเวลาเช้า

        พระดาบสธรรมเสนบรมโพธิสัตว์นั้นก็เหาะมายังสำนัก สมเด็จพระโกนาคมน์เจ้าด้วยพระอริยสาวก แล้วก็เข้าไปกราบนมัสการแทบพระบาทมูลแห่งสมเด็จพระสัพพัญญูพิจารณาดูทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะ แล้วก็เกิดความโสมนัสยินดีขึ้นมา จึงกราบทูลอาราชธนาพระโกนาคมน์เจ้าให้ตรัสพระสัทธรรมเทศนา ฯ

        ครั้งนั้นสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคเจ้า จึงทรงพระมหากรุณาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า ฯ “ “ ดูก่อนธรรมเสนดาบสผู้เจริญ บัดนี้สมควรตัวท่านจะพินิจพิจรณา ซึ่งกิริยาอันจะให้ไปสู่เมืองแก้วคือพระอมตมหานครนิพพาน จึงจะชอบแก่ตัวท่าน ฯ จึงมีพระพุทธฏีกา ตรัสเป็นนัยคัมภีร์ด้วยประการดังนั้น พระธรรมเสนดาบสได้สดับก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา

        คิดว่าจะตัดซึ่งเศียรเกล้าออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนา แห่งสมเด็จพระโกนาคมน์เจ้าเถิด จึงกระทำอธิษฐานเล็บของพระองค์ให้คมดุจดาบตัดซึ่งเศียรเกล้าให้ขาดแล้ว ก็วางไว้ในฝ่าพระหัตถ์ชูขึ้นกระทำสักการบูชาสมเด็จพระพุทธเจ้า กล่าวเป็นพระคาถาตั้งความปรารถนาว่า

        “ พระองค์ทรงพระนามว่าโกนาคมน์เจ้า ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ แล้วนานไปในอนาคนกาลเบื้องหน้าข้าพระบาทขอปรารถนาให้ได้สำเร็จพระศรีสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ด้วยศีลทานของข้าพระบาทนี้ อนึ่งเล่าพระองค์ผู้ทรงพระมหากรุณาที่เป็นที่พึ่งแก่ไตรโลกแล้ว จะล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่เมืองแก้ว ก่อนข้าพระบาทเล่า ข้าพระบาทขอปรารถนาให้สำเร็จพระนิพพานในกาลเบื้องหน้า ด้วยเดชะผลศีลทานของข้าพระบาทในครั้งนี้เถิด ฯ ”

        กล่าวพระคาถาเป็นใจความสองข้อ ด้วยประการดังนี้แล้ว ดาบสธรรมเสนก็จุติไปบังเกิดในสุดาสวรรค์ อัศจรรย์ก็บังเกิดมีดุจในหนหลัง ฯ นี่แหละดูก่อนสำแดงสารีบุตร อันว่าช้างนาฬาคีรีหัตถีเป็นบรมโพธิสัตว์แต่ครั้งศาสนาพระโกนาคมน์ ได้สร้างพระบารมีมาเป็นอันนยิ่ง นานไปเบื้องหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระดิสสสัพพัญญู ฯ แสดงมาด้วยเรื่องราว ช้างนาฬาคีรีหัตถีบรมโพธิสัตว์คำรบ ๙ ก็สิ้นเนื้อความยุตติลงแต่เท่านี้ ฯ
 

อวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้