ศาลา
หน้าแรก
คำแนะนำการฝึกมโนมยิทธิ
การฝึกมโนมยิทธิ๑
การฝึกมโนมยิทธิ๒
การฝึกมโนมยิทธิ๓
การท่องเที่ยวตามภพต่าง ๆ
การฝึกญาณ ๘

การฝึกญาณ ๘

คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก

การฝึกทิพจักขุญาณ   ฝึกปุพเพนิวาสานุสสติญาณ   ฝึกจุตูปปาตญาณ
ฝึกเจโตปริยญาณ   ฝึกอดีตตังญาณ   ฝึกปัจจุปันนังสญาณ
ฝึกอนาคตังสญาณ   ฝึกยถากรรมมุตาญาณ

การฝึกทิพจักขุญาณ

ครู         : “ขณะนี้ขอให้ทุกคนตัดสินใจให้แน่นอนอีกครั้ง ว่าเราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป จะเป็นคน เป็นเทวดาเป็นพรหม ไม่ต้องการ ต้องการอย่างเดียวไปพระนิพพาน แม้ว่าร่างกายจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันจะขาดใจตายเดี๋ยวนี้เราก็พร้อมมุ่งไปนิพพานแห่งเดียว ตัดสินใจได้ไหมคะ....?”
ศิษย์        : “ได้”
ครู         :“เมื่อตัดสินใจได้แล้วให้ตั้งใจนึกถึงบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้อารมณ์จิตสอาดถึงที่สุด สามารถรู้สิ่งต่าง ๆ เวลานี้ได้ชัดเจนแจ่มใสตรงตามความเป็นจริงทุกประการ....เวลานี้มีใครอยู้ข้างหน้าบ้างไหมคะ ...?”
ศิษย์        :“มี”
ครู         :“ใครคะ..?”
ศิษย์        :“พระพุทธเจ้า”
ครู         :“กราบนมัสการท่าน ขณะที่นึกกราบ ขอเห็นอทิสสมานกายของเราด้วยค่ะ มีไหมคะ...?”
ศิษย์        :“มี”
ครู         :“แต่งตัวเหมือนเดิมไหมคะ...?”
ศิษย์        :“ไม่เหมือน”
ครู         :“แต่งยังไงคะ...?”
ศิษย์        :“สวย เหมือนเทวดา”
ครู         :“ใช้ได้คะ ถูกต้อง นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ดูรอบ ๆ ซิคะ มีใครมาอีกไหม...?”
ศิษย์        :“มี”
ครู         :“มามากหรือน้อยคะ...?”
ศิษย์        :“มากมาย เต็มไปหมด”
ครู         :“แต่งตัวยังไงคะ...คะ...?”
ศิษย์        :“ใส่ชฏาเหมือนเทวดา”
ครู         : “ใช้ได้ ใจรู้สึกว่าท่านที่มาเป็นใครค่ะ...?”
ศิษย์        :“เคยเป็นพ่อ เป็นแม่ มาก่อน”
ครู         :“ดีแล้ว เวลานี้เห็นอทิสสมานกายของเราอยู่ใช่ไหมคะ นึกให้อทิสสมานกายของเรานี้มากเท่ากับจำนวนท่านที่มา แล้วกราบท่านบนตัก ทำได้ไหมค่ะ...?”
ศิษย์        :“ทำได้แล้ว เห็นหลวงพ่อมาด้วย ”
ครู         :“ดีใจไหมคะที่หลวงพ่อมาช่วยเรา...?”
ศิษย์        :“ดีใจมาก”
ครู         :“กราบท่านที่พระบาท ดูซิคะ มีใครมาอีกไหมที่สว่างมาก เท่า ๆ กับหลวงพ่อ...?”
ศิษย์        :“มี ยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน”
ครู         :“กราบท่าน ท่านเป็นใครคะ...?”
ศิษย์        :“ท่านแม่”
ครู         :“ดีมาก ท่านแม่ช่วยเราแล้ว ขอท่านไปกับเราด้วย ท่านจะไปไหมคะ...?”
ศิษย์        :“ไป”
ครู         :“ขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอท่านพ่อท่านแม่ผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยพาไปนิพพาน ไปวิมานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน.....ถึงหรือยังคะ...?”
ศิษย์        :“ถึงแล้ว”
ครู         :“พบอะไรบ้างคะ...?”
ศิษย์        :“เห็นวิมานใหญ่ สว่างดี”
ครู         :“เข้าไปเลยค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่มาด้วยหรือเปล่าคะ...?”
ศิษย์        : “มาด้วย เข้าได้แล้ว”
ครู         :“เจอใครบ้างคะ ในวิมานพระพุทธองค์...?”
ศิษย์        :“เห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่บนแท่น กลางวิมาน”
ครู         :“เข้าไปใกล้ ๆ ท่าน กราบนมัสการใกล้ ๆ พระบาทแล้วดูซิคะ พระพุทธองค์ แต่งองค์ยังไง...?”
ศิษย์        :“เหมือนเทวดา”
ครู         :“นี่แหละค่ะ พระพุทธองค์อยู่ที่นิพพานจะแต่งองค์แบบนี้เรียกว่า ภาพพระนิพพาน จำให้ติดใจ นึกถึงพระพุทธเจ้าคราวใดนึกถึงภาพนี้นะคะ เห็นตัวเราไหมคะ....?”
ศิษย์        : “เห็น อยู่ตรงหน้า ตัวเล็กนิดเดียว”
ครู         :“ ใช่ พระพุทธเจ้าท่านมีพระวรกายใหญ่กว่าเรามาก เพราะท่านมีบารมีมาก ตัวเราเล็กขนาดไหนคะ...?”
ศิษย์        :“นิดเดียว”
ครู         :“นอกจากพระพุทธเจ้า และท่านพ่อท่านแม่ที่พาเรามาแล้ว ในวิมานยังมีใครอีกไหมคะ ดูซิ”
ศิษย์        :“นั่งเต็มไปหมดครับ แต่งตัวเหมือนเทวดาหมด”
ครู         :“ความรู้สึกของใจ ท่านเป็นใครคะ...?”
ศิษย์        : “สาวก”
ครู         :“ถูกแล้วท่านเป็นพระอรหันต์ สาวกของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกให้อทิสสมานกายของเราที่นั้นมีจำนวนมากเท่ากับพระอรหันต์ แล้วกราบท่านบนตัก”
ศิษย์        :“กราบแล้วครับ”
ครู         :“ตั้งใจขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้การฝึกความรู้ในด้านญาณ ๘ ประการ ซึ่งเป็นความรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนี้ขอบารมีท่านช่วยให้ข้าพเจ้ารู้ได้ชัดเจนเเจ่มใสและถูกต้องตามความเป็นจริงทุกประการนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
           ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นสภาพของเดนพระนิพพานว่ามีอาณาเขตแค่ไหน ความสว่างไสวมีเพียงใด มีอะไรอยู่บ้าง ขอดูภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”
ศิษย์        :“กว้างขวางสุดตาก็ยังไม่สิ้นอาณาเขต”
ศิษย์        :“สว่างมากครับ”
ศิษย์        : “มีวิมานยอดเเหลมอยู่มากมายเต็มเนื้อที่เลย”
ครู         :“วิมานสว่างไหม....ทำด้วยอะไรคะ...?”
ศิษย์        : “ทำด้วยแก้ว สว่างในตัวเอง สวยครับ”
ครู         :“ที่ให้ดูภาพนี้เพราะต้องการให้ท่านทราบตามความเป็นจริงว่า พระนิพพานเป็นดินแดนที่มีอยู่จริง ๆ เราสามารถพบได้ ถ้าสลัดกิเลสทิ้งให้หมดใจโดยสิ้งเชิง แม้แต่ละอองกิเลสก็ไม่เหลือติดใจ อย่างเวลานี้นี่แหละ เราจะพบพระนิพพานได้ ต่อไปให้ทุกคนกราบขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นเป็นภาพเนรมิตว่ามีท่านผู้ใดบ้างที่สามารถอยู่พระนิพพานได้และมีวิมานอยู่ทั่วไปตามที่เห็นอยู่ขณะนี้...?”
ศิษย์        :“มีพระพุทธเจ้ามากมายนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นครับ”
ครู         :“ถูกต้อง นึกให้อทิสสมานกายเรามีจำนวนเท่ากับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แม้จะเป็นภาพเนรมิตก็ตั้งใจนึกกราบนมัสการพระพุทธองค์ที่ใกล้ ๆ พระบาท”
ครู         :“นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ที่นิพพานยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์อีกเป็นปริมาณเท่าใด ขององค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพทั้งหมดเลยพระพุทธเจ้าข้า.....ใครเห็นอะไรบ้างตอบมา”
ศิษย์        :“โอ้โฮ้?! มากมายอะไรยังงั้น เต็มสุดตาทั่วไปหมด แต่งองค์ยังกะเทวดาทั้งนั้นเลยครับ”
ครู         :“มีใครยังเห็นไม่เต็มที่มีไหมคะ....? ถ้ามีให้ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วย ขอท่านพ่อ ท่านแม่ช่วย ให้เห็นให้เต็มที่...เป็นไง เต็มที่หรือยังคะ...?”
ศิษย์        : “มีภาพมากขึ้นอีกค่ะ”
ครู         :“เอาละให้นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้แล้วให้กายของเรามีจำนวนมากเท่าท่านที่ปรากฏทั้งหมดแล้วกราบท่านนะคะ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระชินศรีทุก ๆ พระองค์ช่วยให้เห็นภาพพรหมและเทวดาทั้งที่เป็นพระอริยเจ้าและไม่ใช่ มีเท่าใดขอเห็นทั้งหมดพระเจ้าข้า”
ศิษย์        :“มาเต็มเลยครับ”
ศิษย์        :“แสงสว่างน้อยลงไปถนัดเลยค่ะ”
ครู         :“ก็เทวดาหรือพรหม จะเทียบกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้ายังไงล่ะ ก็ต้องกราบท่านในฐานะท่านเป็นผู้ประเสร็ฐ เราเป็นคนจะยังไง ๆ ก็เอาดีไม่ได้เพราะยังมีร่างกายอยู่ ท่านทั้งหมดไม่มีร่างกายอย่างเรา ท่านก็สบาย ไม่มีความทุกข์ เท่าที่ท่านเห็นภาพต่าง ๆ มาทั้งหมดนี้ ท่านใช้ลูกตาหรือเปล่าคะ....?”
ศิษย์        :“เปล่าครับ ใช้ใจครับ”
ครู         :“เมื่อจิตหรืออทิสสมานกายของท่านสะอาดก็พบกับสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ เราเห็นพระพุทธเจ้าได้ พรหม เทวดา ก็เห็นได้ เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ อย่างนี้ท่านเรียกว่าทิพจักขุญาณ”

ฝึกปุพเพนิวาสานุสสติญาณ

ครู         “ต่อไปเราจะใช้ทิพจักขุญาณที่เราได้แล้วนี้ ไปรู้เรื่องอื่นต่อไป คือการระลึกชาติ คราวที่แล้วเราไปเที่ยว พรหม สวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย เราถอยหลังชาติการเกิดของเราได้ว่าเราเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้างกี่ชาติ ตอนขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านพ่อท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยให้เห็นภาพในอดีต คือก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าจะมาเกิดเป็นคนในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากไหนขอดูภาพตามความเป็นจริง ....มีภาพเกิดขึ้นหรือยังคะ....?”
ศิษย์        :“มีอยู่ตรงหน้า”
ครู         :“รูปร่างเป็นยังไงคะ...?”
ศิษย์        :“สวยดี มีชฏาใส่ด้วย”
ครู         :“ดูให้ทั่วตัวซิ แต่งตัวเหมือนอะไร...?”
ศิษย์        : “ เทวดาครับ”
ครู         :“เป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชื่ออะไร เข้าไปถามท่านแม่ ความรู้สึกของจิตตอนนี้คือคำตอบค่ะ”
ศิษย์        :“ดาวดึงส์ครับ”
ครู         :“ถูกต้องแล้ว คุณมาจากเทวดา ถอยหลังไปอีกสักชาติซิคะ ว่าก่อนจะไปเกิดเป็นเทวดาคุณเป็นอะไรมาก่อนคะ ว่าก่อนจะไปเกิดเป็นเทวดาคุณเป็นอะไรมาก่อน ขอบารมีสมเด็จพระชินวรช่วยให้เห็นภาพชัดเจนตามความเป็นจริง”
ศิษย์        :“เป็นคนครับ”
ครู         :“ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยให้เห็นภาพสมัยที่เกิดเป็นคนตั้งแต่เกิดมาจนตายทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะตอนตายใจนึกถึงอะไร ขอพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ พระเจ้าข้า”
ศิษย์        :“ตอนเป็นเด็กก็ยังงั้นแหละครับ ยิงนก ตกปลา ไปเรื่อยก็บาปละ โตมาหน่อยก็มีโอกาสทำบุญกับพระองค์หนึ่ง ถวายทานท่าน แต่ผมก็ยังกินเหล้าอยู่นี่ เอ...ตอนตายนี่มันกระทันหันจริง ๆ หัวใจมันตีบอึดอัด ก็นึกถึงพระที่เคยถวายทานท่าน รักท่านมาก อยากให้ท่านช่วย ก็เลยขาดใจตายลอยไปเป็นเทวดา”
ครู         :“อาศัยนึกถึงพระนะคะจึงไปเป็นเทวดาได้ เป็นอันว่าการนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์แค่นิดเดียวก็ไปเป็นเทวดาได้ เกินคุ้มจริง ๆ โชคดี
           ถ้าเราจะถอยหลังชาติการเกิดของเราไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีที่สิ้นสุด เราจึงรวบยอดการเกิดเป็นพรหมเท่าไร เทวดาเท่าไร คนเท่าไร สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต และสัตว์นรก เราเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น เพราะกรรมอะไรเป็นต้นเหตุ จำได้ไหมคะ ทำดีอะไรไว้จึงไปเป็นเทวดาเป็นพรหมได้ หรือว่าทำชั่วอะไรบ้างที่ทำให้เราไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน กรรมชั่วส่วนนี้ไม่น่าทำต่อไป กฏของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความสุข เช่น ไปเป็นเทวดา เป็น พรหม หรือกฏของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความทุกข์แสนสาหัสเช่นไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานนี้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ยถากรรมมุตาญาณ เวลานี้จิตเราสะอาดดูภาพไปเลยว่าเราเคยเกิดเป็นพรหมมากี่ชาติ เทวดากี่ชาติ คนเท่าไร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน แต่ละอย่างมีปริมาณเท่าใด...?”
ศิษย์        :“มากมายนับไม่ไหวแล้วครับ ”
ครู         :“เรื่องการระลึกชาตินี้ทุกท่านอาจไปซ้อมดูของท่านเองได้แต่ละอย่างไป เช่นเรารังเกียจไส้เดือน กิ้งกือ ก็ขอดูภาพถอยหลังไปว่าเราเคยเกิดเป็นไส้เดือน กิ้งกือบ้างไหม ดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ หลวงพี่ว่าไงคะมีภาพไหม”
ศิษย์ (พระ)       : “เยอะเลยครับ ”
ครู         :“เห็นแล้วรู้สึกเป็นไงบ้างคะ...?”
ศิษย์        :“สลดใจครับ”
ครู         :“อยากเกิดอีกไหมคะ...?”
ศิษย์        :“ไม่เอาแล้วครับ เบื่อเต็มที”
ครู         :“ก็ดีที่เบื่อ การถอยหลังชาติการเกิดของเราทำให้เกิดอารมณ์เบื่อไปเอง เห็นไหมว่าพระพุทธเจ้าสอนปุพเพนิวาสานุสสติญาณไว้เพื่อให้เราเบื่อในการเกิด”

ฝึกจุตูปปาตญาณ

ครู         :“ต่อไปเป็นจุตูปปาตญาณ เป็นการใช้ทิพจักขุญาณรู้เรื่องของบุคคลหรือสัตว์อื่นว่า ก่อนที่เขาจะมาเกิดน่ะมาจากไหน และตายแล้วไปไหน ถ้าเราทำจนคล่องตัวดีแล้ว ได้ยินชื่อคนบอกได้เลยว่าก่อนเกิดมาจากไหน หรือได้ข่าวคนตายตามดูได้เลยว่า อทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน”
ครู         : “เวลานี้ขอให้ทุกคนกราบนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำใจให้สบาย ๆ เอ้า ! พิณทิพย์ขอดูดวงแขว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้เธอมาจากไหน ดูภาพที่อยู่ข้างหน้ามีลักษณะเป็นยังไง...?”

( พิณทิพย์ และดวงแข เป็นชื่อของผู้รับการฝึก)

ศิษย์        :“พรหม ค่ะ”
ครู         :“ตรงกันใช่ไหม ต่อไป แม่ชีคะดูหลวงพี่ที่มาจากเชียงใหม่องค์นี้ซิคะ ว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้ท่านมาจากไหน....?”
ศิษย์        : “พรหมค่ะ”
ครู         :“หลวงพี่ดูซิคะ ใช่ไหม...?”
ศิษย์ (พระ)       : “ใช่ครับ”
ครู         :“ต่อไปหลวงพ่อดูคุณลุงคงซิคะว่าก่อนมาเกิดชาตินี้มากจากไหน...?”
ศิษย์ (พระ)       : “เทวดาครับ”
ครู         :“คุณลุงคง ใช่หรือเปล่าค่ะ...?”
ศิษย์        :“ใช่ครับ ”
ครู         :“ต่อไปขอให้ทุกคนขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่าคนหรือสัตว์ที่ตายไปแล้วไปไหน คำว่า ตาย คือ อทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน เรารู้จักแล้วใช่ไหมคะว่า รูปร่างของสัตว์นรกเป็นยังไง เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน คน เทวดา พรหม หรือพระที่เข้าพระนิพพานไปแล้ว มีลักษณะเป็นเช่นไร ดังนั้นเพื่อขอดูภาพอทิสสมานกายที่ออกไปแล้ว เรารู้จักทันทีว่าอยู่ที่ไหน”
ครู         :“หลวงพี่คะบอกคนที่รู้จักและตายไปแล้วมาสักคนซิคะ ”
ผู้ฝึก        : “เป็นพระครูอยู่ที่วัด .....ครับ เพิ่งตายไม่นานมานี่เอง ”
ครู         :“เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้าไหมคะ...?”
ศิษย์        :“เห็น”
ครู         :“ดูภาพพระพุทธเจ้าให้ชัด แล้วขอบารมีพระพุทธองค์ช่วย ขอดูภาพ พระครู ....ที่มรณภาพไปแล้วนี้ เวลานี้อยู่ที่ไหนขอองค์สมเด็จพระจอมไตรและท่านพ่อท่านแม่ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”
ศิษย์        :“เทวดาค่ะ”
ศิษย์(พระ)        :“ครับ แต่งตัวเหมือนเทวดา”
ครู         :“คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงคะ...?”
ศิษย์        :“เทวดาครับ ”
ครู         :“ถามพระครู....ซิคะว่าก่อนตายทำใจยังไงจึงมาเกิดเป็นเทวดาได้”
ศิษย์        :“ท่านบอกว่า ใจสบายนึกถึงการก่อสร้างบูรณะวัดให้ดีขึ้น ใจก็เป็นสุข”
ครู         :“ก็ต้องจำเอาไว้นะคะว่า การทำความดีมีผลอย่างนี้ การรู้เรื่องการเกิดและการตายของบุคคลอื่นอย่างนี้เขาเรียกว่า จุตูปปาตญาณ”

ฝึกทิพจักขุญาน