พระเวสสันดร ๕

 
    ทุก ๆ บ้านในระแวกนั้นทีแต่เสียงฮึด ๆ ฮือ ๆ ของเมีย ซึ่งถูกบรรดาสามีลงทัณฑ์เข้าให้อย่างสมรัก และต่างก็ได้รับคำสั่งสอนให้เอาอย่างอมิตดาทั้งนั้น

     เมื่อสั่งสอนจนหอมปากหอมคอแล้ว เรื่องก็สงบ เงียบจริง ๆ เสียงดุด่าอย่างทุก ๆ วันไม่ปรากฎอีกเลย พรรคผัวธิปไตรก็จัดการพรรคภริยาธิปไตรลงอย่างราบคาบอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ

     รุ่งขึ้น หลังจากฝ่ายผัวออกเดินทางไปปฎิบัติการงานแล้ว แม่ภารยาคนดีก็มาชุมนุมกัน คนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า
     “เมื่อวานนี้หลังจากบ่อนแตกแล้ว ฉันก็กลับไปบ้าน ไปเห็นพ่อเจ้าประคุณผัวยืนรอคอยอยู่ เรานึกว่าจะแหวใส่ให้สักหน่อยแก้กลุ้มที่บ้านที่บ่อนแตกไป พ่อไม่ยอมให้พูด ตรงรี่เข้ามาซัดตุ้บเข้าให้ที่สีข้าง เล่นเอาหน้าอกหน้าใจแทบพังแน่ะ ปากก็ร้องว่า ดีแต่เข้าบ่อน การบ้านการเรือนก็ไม่เอา ไม่ดูเยี่ยงอย่างแม่อมิตดาเขาเลย” ไอ้เราจะสู้ก็สู้ไม่ไหว พ่อแล่นทั้งถีบทั้งเตะ จนน่วมไปทั้งตัว”

     อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า
     “ของฉันก็เหมือนกันแหละย่ะ พ่อทั้งเตะทั้งถีบไม่ให้เราตั้งตัวได้เลย พอเงื้อมมือว่าจะตบ ที่ไหนได้พ่อถีบเสียแอ่น จนต้องบอกว่ายอมนั้นแหละจึงหยุด ยังแถมสั่งสอนให้เอาเยี่ยงอย่างอีอมิตดาเมียไอ้แก่ขอทานชูชกเสียด้วยสิ”
     “ของฉันก็พอ ๆ กัน พอเจอหน้าก็กรากเข้าใส่ยังกับมวยคู่อาฆาต เราไม่ทันจะตั้งตัวสักหน่อยพ่อก็ซัดเปรี้ยง ๆ ยังกับฟ้าผ่า เห็นดาวกลางวันแสก ๆ ไปหมด เราจะสู้ก็ไม่ไหวต้องยอมให้ซ้อม ถามว่าเรื่องอะไรก็ไม่บอก แถมหมัดเอย ศอกเอย จนเราถามไม่ออก ลงไปนอนหมอบนั่นแหละ พร้อมกับเอ่ยให้เอาเยี่ยงเมียไอ้ขอทาน อพิโธ่เอ๋ย..ก็เมียขอทานเราเป็นเมียมันเสียเมื่อไหร่ จะได้ทำอย่างนั้น”
     “พวกเรานี่น่าเห็นใจนะ แต่ก่อน แต่ไรผัวของเราไม่เคยจะฮึดสู้ แม้ถูกเฆี่ยนตีอย่างลูกก็ยังยอมให้เฆี่ยนตีเลย ให้นอนนอกมุ้งก็ยอม แถมอ้อนวอนท่าโน้นท่านี้จนกว่าเราจะใจอ่อนแต่เดี๋ยวนี้สิไม่ได้ ถนัดแต่ศอกถัดมวย เท้าอย่างไรพ่อไม่เลือก เหตุที่เห็นเช่นนี้เพราะที่สามใช่ไหม”
     “แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ”
     “เรื่องไม่เห็นจะยากเลย ก็พ่อเจ้าประคุณที่ลุกขึ้นมาตบตีพวกเราแล้วยังไม่พอแถมสั่งสอนว่าให้เอาเยี่ยงอย่างเมียไอ้แก่ขอทาน อีนางนั้นแหละตัวการสำคัญที่ทำให้ผัวของพวกเราลุกขึ้นมาเล่นงานเราล่ะ”
     “เออ จริงสินะ เมียไอ้แก่นั่นแหละตัวสำคัญ ตั้งแต่มันเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเรานี้ เหมือนความไม่ดีทั้งหลายจะไหลตามมันมาด้วย แต่แล้วไม่ยักจะอยู่กับมัน ผ่ามาอยู่กับพวกเราเสียฉิบ”
     “แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะปลอดภัยจากมือเท้าของสามีของพวกเราล่ะ”
     “ถ้าเมียตาแก่ขอทานยังอยู่ พวกเราก็จะไม่มีวันที่จะปลอดภัยเป็นแน่ บางทีอาจจะได้กินอย่างอื่นทั้งเช้าทั้งเย็นแทนข้าวก็ได้”
     “ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปจัดการให้มันอยู่ไม่ได้”
     “ตบเลยดีใหม?”
     “ไม่พอ ต้องกระทืบด้วย”
     “เอ๋ะ ไม่ได้ ๆ บ้านเมืองมีขื่อมีแป พวกเราใช้กฎหมายเถื่อนไม่ได้”
     “งั้นทำไงดีล่ะ”
     “พวกเราต้องช่วยกัน เจอมันที่ไหนก็เสียดสีด่าว่ากระแนะกระแหนมันไปเรื่อย ๆ สักวันมันก็อายจนต้องหลบหนีไปเอง”
     “เออ อย่างนี้ค่อยยังชั่ว เป็นอันว่าที่ประชุมตกลงเอาตามนี้นะ”


     เมื่อที่ประชุมของภรรยาพราหมณ์ทั้งหลายตกลงกันแล้ว พอถึงเวลาไปตักน้ำทุก ๆ คนต่างพากันไปคอยที่ท่าน้ำ คอยที่จะพบกับผู้ที่ทำให้ตนต้องทนเจ็บช้ำ เพราะน้ำมือสามีของตัวเอง เข้าแบบโบราณแท้ที่ว่า “รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง” ตัวเองไม่ดีสิโทษเขาผู้นั้นผู้นี้ อนิจจา...อย่างนี้มีมาแล้วชั่วกัปป์ชั่วกัลป์

     พอได้เวลาตักน้ำ อมิตดาสาวน้อยผู้น่าสงสารก็ยกหม้อน้ำขึ้นแบกตรงมาหมายจะอาบน้ำชำระร่างกายและตักน้ำไปใช้สอยในกิจอื่น
     “เมียอ้ายขอทานมาแล้ว” เสียงเขาบอกกระซิบต่อ ๆ กัน และจิ๊จ๊ะเสียงฮาป่าก็เริ่มขึ้น จากนั้นเสียงใครต่อใคร....ใส่คะแนนไม่ทันจากแม่พวกนั้น
     “รูปร่างก็สะสวย ไม่น่ามาอยู่กับไอ้คนขอทานเลย หรือว่าแกไปเก็บมาจากสำนักไหนกระมัง”
     “โอ้ย รูปนี้ร้อยทั้งร้อย เป็นนางกลางเมืองแน่ ๆ ทีเดียว”
     “อยากเป็นคุณนาย ที่แท้ก็เดนเขาเลือกแล้ว จึงตกมาถึงตาแกขอทาน”
     “หนุ่ม ๆ ไม่มีหรือยังไงแม่เอ๋ย หน้าด้านมาอยู่กับอ้ายแก่คราวพ่อได้”
     “แม่ดูอ้ายสารรูปขอทานหรือเปล่า อุตสาห์ยอมให้มันก่ายเกย แต่ฉันยังงี้อดขยะแขยงมิได้เลย”
     “ตาแก่มันมีอะไรดีกระมัง แม่ยังเป็นสาวจึงยอม”
     “ไม่มีพ่อหรืออย่างไร จึงเอาอ้ายคนชนิดนี้”

     เรื่องการด่าก็เป็นที่รู้กันแล้วว่าผู้หญิงน่ะเวลาจะด่าไม่รู้ว่าสรรหามาจากไหน ปทานุกรมเล่มใหญ่ ๆ น่ะอย่าไปเปิดหาเลยไม่พบหรอก ที่แจ้งที่ลับที่ไหน ๆ แม่ก็เอามาไขหมด อมิอตดาถูกด่าเข้าเช่นนั้น ชะงักไม่กล้าลงไปตักน้ำ มองไปทางไหนก็ล้วนแต่ยื่นหน้ายื่นปากเป็นชักใยไปตาม ๆ กัน บางคนแถมขยับไม้ขยับมือจะเล่นงานเอาเสียด้วย
     “ตบเอาฟันไปทำลูกเต๋าดีไหมพวกเรา”
     “เอาซี่โครงไปเหน็บฝาเรือนบ้านฉันดีกว่า” อมิตดาเจอเข้าอย่างนี้เข้าได้แต่น้ำตาไหลนองหน้า
     “เป่าปี่แล้วพวกเรา แม่สาวน้อยเขาเก่งอย่างนี้ แล้วอ้ายเฒ่าจะไม่หลงได้ยังไง”
     “เอ้า พวกเราช่วยกันเชิดหน่อย” ปากก็ทำเสียงล้อเลียนต่าง ๆ นา ๆ หันหลังกลับบ้านน้ำตาของอมิตดาสาวน้อยอาบหน้าสะอึกสะอื้นขึ้นเรือนได้ก็ปิดประตูเงียบ จนเสียงแม่ค้าปากตลาดเหล่านั้นเงียบไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งนึกถึงตัวเองว่าทำอะไรผิดไป

     พอดีในขณะนั้นชูชกก็กลับมาจากการปฎิบัติภารกิจประจำวัน คือการขอทาน พอเห็นสาวน้อยเมียรักสะอึกสะอื้นอยู่ก็เข้าไปถาม
     "หนูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรบอกมา อ้ายเฒ่าคนนี้จะไปจัดการให้”

     ถามทีไรสาวน้อยก็ได้แต่นิ่ง ตาผัวเฒ่าก็เฝ้าอ้อนวอนถามไถ่ จนสาวน้อยยอมบอกความ
     “ต่อไปฉันจะไม่ออกไปตักน้ำอีกแล้วล่ะ เพราะแม่พวกชาวบ้านพากันมารุมด่าฉันที่ท่าน้ำ แม้น้ำฉันก็จะไม่ลงไปอาบ ฉันจะอาบมันที่บนเรือนนี่แหละ”
     “ไม่เป็นไรแม่หนู พี่เฒ่าจะจัดการให้เสร็จ อย่าไปฟังยาย


หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3   หน้า 4   หน้า 5   หน้า 6   หน้า 7   หน้า 8