หลวงพ่อฤษีลิงดำ

“พระติสสะก่อนตายจิตถึงจีวรแพรผืนใหม่”
ตายแล้วไปเกิดเป็นเฝ้าจีวรอยู่ ๗ วัน
   “ ..ท่านติสสะ ท่านบวชในสำนักขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะพระองค์ยังมี พระชนมายุอยู่ ต่อมาวันหนึ่งท่านเห็นเพื่อนเขาห่มจีวรแพร ท่านก็อยากห่มจะห่มจีวรแพรบ้าง พอดีท่านมีจีวรอยู่ผืนหนึ่งรู้สึกว่าจะเป็นผ้าเนื้อหยาบสักหน่อย ท่านจึงให้พี่สาวจัดการทำให้ พี่สาวเห็นผ้าของพระน้องชายเนื้อหยาบมาก ก็ทุบเสียไปสะสางไปกรอใหม่เป็นผ้าเนื้อนิ้ม ทำให้เป็นผ้าเนื้อละเอียดเย็นแล้วก็นำมาย้อนดูเป็นผ้ามีราคาสูง แล้วเอาไปให้พระน้องชาย

   เวลานั้นพระติสสะท่านป่วยมากจนไม่สามารถจะครองจีวรนี้ได้ เมื่อเห็นผ้าที่พี่สาวนำไปให้เป็นผ้าเนื้อละเอียดดีมาก แต่ผ้าของท่านที่ให้ไปเป็นผ้าเนื้อหยาบ อาศัยกำลังใจที่สะอาดมากของท่านจึงบอกกับพี่สาวว่า “ ผ้าผืนนี้อาตมารับไม่ได้ ” พี่สาวก็ถามว่า “ ทำไม ” ท่านก็บอกว่า “ ผ้าอาตมาที่ให้พี่ไปเป็นผ้าเนื้อหยาบ แต่ผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่มีเนื้อดีมาก ไม่ควรแก่การที่จะรับไว้เพราะผิดพระวินัยเกรงว่าจะเป็นว่าจะเป็นการขโมยหรือโกงผ้าของบุคคลอื่น ”

   พี่สาวจึงบอกว่า “ ความจริงผ้าผืนนี้เป็นผ้าของท่าน เมื่อท่านนำผ้าเนื้อหยาบมาให้ ฉันก็เลยทุบทำเสียใหม่ เอาด้วยมากรอเสียใหม่ ทำใหม่หมดเป็นด้ายเส้นเล็ก ๆ เนื้อถึงได้บางสวยแบบนี้ ” ท่านก็ยอมรับเห็นว่าไม่ผิดพระวินัย เมื่อพี่สาวกลับไปแล้ว ท่านก็อยากจะห่มจีวรผืนนี้เต็มที่ แต่ห่มไม่ไหวเพราะป่วยจนลุกไม่ขึ้น จิตใจก็สาวกลับไปแล้ว ท่านก็อยากจะห่มจีวรผืนนี้เต็มที แต่ห่มไม่ไหวเพราะป่วยจนลุกไม่ขึ้น จิตใจก็มีความรู้สึกรักจีวรผืนนี้มาก แต่ไม่นานนักไม่ทันได้ห่มจีวรท่านก็ถึงแกความตาย ก่อนจะตายจิตแทนที่จะนึกพระรัตนตรัย จิตท่านไปกระหวัดนึกถึงจีวร แทนที่จะไปเกิดเป็นเทดาบนสรรค์ กลับไปเกิดเป็นเล็นตัวเล็ก ๆ อาศัยอยู่ในตะเข็บของจีวรอยู่ ๗ วัน

   ตามพระวินัยถ้าพระตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดต้องตกเป็นของสงฆ์ ญาติพี่น้องจะถือว่าฉันมีสิทธิ์เป็นทายาทผู้รับมรดกไม่ได้ ถ้าจะให้กันต้องให้ก่อนตาย ถ้าไม่ให้ก่อนตายตกเป็นของสงฆ์หมด เมื่อพระติสสะตายแล้ว บรรดาพระทั้งหลายก็ไปจัดการว่าทรัพย์สมบัติของพระติสสะมีอะไรบ้าง ก็หยิบโน่นหยิบนี่ตามที่มีอยู่ หยิบอย่างอื่นไม่มีเรื่อง พอพระองค์หนึ่งไปจับจีวรแพรผืนนั้นเข้า เล็นติสสะร้องตะโกนเสียงดังว่า “ ไอ้ขโมยปล้นจีวร ไอ้ขโมยปล้นจีวร ” แต่เป็นการบังเอิญจริง ๆ พระที่ไปนั้นไม่มีพระหูทิพย์เลย เลยไม่ได้ยิน พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระคันธกุฏีได้ยินเสียงเล็นตะโกแบบนั้น ทรงบอกพระอานนท์ว่า “ ไห้รีบไปที่กุฏิท่านติสสะเดี๋ยวนี้

   บอกพระทั้งหลายว่าจีวรผืนนั้นให้วางไว้ก่อน ภายใน ๗ วันนี้ห้ามมาแตะต้องเด็ดขาด วันที่ ๘ จึงแตะต้องได้ ” พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ เป็นเพราะอะไร ” พระองค์ตรัสว่า “ พระติสสะก่อนที่จะตายห่วงจีวร และมีความรักในจีวรผืนนี้มากเพราะเนื้อดีมาก ดีกว่าทุกผืนที่เคยมีอยู่ เธอตั้งใจจะครองผ้าผืนแต่ว่าโอกาสไม่มีตายเสียก่อน ก่อนจะตายจิตใจก็นึกถึงจีวรผืนนี้ ตายแล้วก็ต้องมาเกิดเป็นเล็นเฝ้าจีวรอยู่ ๗ วัน ” เพราะเล็นมีอายุแค่ ๗ วัน หลังจากนั้นวันที่ ๘ เล็นตัวนี้ก็จ ะตาย อายุขัยของเขาแค่นี้นั้น มีอายุขัยแค่ ๗ วันเหมือนกับยุง

เล็นติสสะตายแล้ว
ก็ไปเกิดเทวดาบนสรรค์ชั้นดุสิต

   การที่องค์สมเด็จพระสวัสดิโสภาคย์ทรงแนะนำให้เจริญพระกรรมฐาน ทำสมาธิจิตและวิปัสสนาญาณก็เพื่อจิตมุ่งอะไร ใจจะไปอย่างนั้นตามกำลังของใจเมื่อตายไปแล้ว ขณะทรงชีวิตอยู่ให้มีความรู้สึกนึกถึงความตายไว้เป็นปกติและไม่ประมาทในชีวิต อย่าหลงใหลใฝ่ฝันกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เกินไป ให้คิดถึงความจริงของคนว่า ถ้าตายไปแล้วไม่มีโอกาสที่จะครองทรัพย์สมบัติใด ๆ ได้อีก ทุกสิ่งทุกอย่างปล่อยมันไว้ ตายแล้วก็เลิกกัน ถ้าอารมณ์จิตของท่านเป็นอย่างนี้ จิตใจก็จะผ่องใส ถ้าจิตใจของเราในระหว่างเป็นมนุษย์จับพระนิพพานเป็นอารมณ์ ตายเมื่อไรก็ไปพระนิพพานเมื่อนั้น...”

หน้า 1   หน้า 2   หน้า 3   หน้า 4   หน้า 5   หน้า 6   หน้า 7   หน้า 8   หน้า 9