องค์หนึ่งก่อนตายมีอารมณ์ผ่องใส จิตใจไม่มีกังวล ตายแล้วจึงเกิดเป็นเทวดา

   ส่วนอีกองค์ก่อนจะตายมีอารมณ์มัว คือเศร้าหมองนิดหน่อย จิตใจจึงกระสับกระส่ายแต่อารมณ์ไม่ชั่ว ตายแล้วไปเกิดเป็นตัวหนอนตัวใหญ่อยู่กองขี้ควาย

   อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ ให้ทำอารมณ์จิตให้ผ่องใส ” จึงมีความสำคัญมาก เพราะถ้ามีอารมณ์เศร้าหมองถึงแม้จะนิดหน่อยก็ตาม อย่างในเรื่องนี้ก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน พระองค์ที่ไปเกิดเป็นเทวดาได้มาพิจารณาดูว่า เวลาเรามาเกิดเป็นเทวดามีวิมานเป็นที่อยู่ มีนางฟ้าเป็นบริวารหนึ่งพันองค์ ส่วนเพื่อนของเราเวลานี้ไปอยู่ที่ไหน มองไปด้วยความเป็นทิพย์ของเทวดา ก็เห็นเพื่อนเพื่อนเป็นหนอนตัวใหญ่อยู่ในกองขี้ควาย ก็นึกถึงสัญญาที่เคยมีกันไว้สมัยเป็นพระสงฆ์เป็นสงฆ์ด้วยกัน ท่านจึงได้แปลงกายเป็นนกกระยางขาวปรอดบินมายังเมืองมนุษย์ เห็นเพื่อนซึ่งเป็นหมอนตัวใหญ่กำลังกินกำลังนอนแบบสบาย เรียกว่าที่กินที่นอนอันเดียวกัน มีความสุขอย่างอย่างที่ชาวบ้านเรียกว่า “ หนูตกถังข้าวสาร ”

   เพื่อนที่เป็นเทวดาทราบว่าหนอนเป็นหนอนเป็นสัตว์ที่มีอายุสั้น ถ้าตายจากหนอนเมื่อไร ด้วยอำนาจบุญเก่าที่ทำไว้ก็จะบันดาลให้ไปเกิดเป็นเทวดาทันที จะมีวิมานและมีนางฟ้าหนึ่งพันเป็นบริวารเหมือนกัน นกกระยางขาวปลอดที่แปลงที่แปลงกายมา ก็ย่องข้าไปใกล้ทำท่าจะจิกหนอน เพื่อทำลายซากให้หมดไป จิตของหนอนจะได้ไปเกิดเทวดา แต่หนอนตัวนั้นได้ร้องบอกว่า “ ช้าช้า ” เจ้าโจรร้ายจะมาทำลายชีวิตข้าเพื่อประโยชน์อะไร” นกกระยางจึงตอบว่า “ เราเคยเป็นเพื่อนกันกับท่านสมัยบวชเป็นพระด้วยกัน และมีสัญญาเดิมกันไว้ว่า ถ้าใครมีความสุขต้องช่วยคนที่ความทุกข์ เวลานี้ท่านเป็นหนอนอยู่ในกองขี้ควาย

   สมัยที่เป็นมนุษย์เราพากันรังเกียจว่าขี้ควายสกปรก และเหยียดหยามสัตว์เดรัจฉานว่าเป็นสัตว์ชั้นต่ำ เราจะทำลายซากภายนอกของท่านเพื่อให้จิตของท่านไปเกิดเป็นเทวดามีวิมานเป็นที่อยู่และมีนางฟ้าสวย ๆ เป็นบริวาร ” พระหนอนตอบว่า “ เรามีความสุขกว่าบรรดามนุษย์ทั้งหลาย เพราะมนุษย์ต้องทำมาหากิน เหน็ดเหนื่อย ถูกติฉินนินทราว่าร้าย ถูกกลั่นแกล้ง มีความทุกข์นานาประการ แต่เรามีความสุขกว่าคนมากมาย เพราะว่าบ้านของเราเป็นอาหารของเราเสร็จ กินที่นี่นอนที่นี่ ที่นอนก็นุ่มนิ้มดี เป็นอาหารเสร็จไปในตัว ไม่ต้องกลัวอด ไม่มีความลำบาก ”

   เป็นอันว่าพระหนอนไม่ต้องการให้ทำลายร่างกายของตน เพราะพอใจแบบนั้น เพื่อนที่แปลงตัวเป็นนกกระยางขาวปลอดก็ต้องบินกลับไป ”