ประสบการณ์ตายของพระมหาถาวร
(หลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง)
ตายครั้งที่ ๖
การตายครั้งที่ ๖ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ตอนนี้มาอยู่ที่วัดท่าซุงเป็นปีแรก สถานที่อยู่ซึ่งท่านเจ้าอาวาสนิมนต์มาบอกว่าจะสร้างกุฏให้หนึ่งหลัง ไป ๆ มา ๆ กุฏของท่านมีแต่พื้นกับหลังคา ก็ต้องมาทำเองเป็นกระต๊อบเพิงหมาเเหงนกุฏเวลานี้นำมาสร้างอยู่ในโบสถ์ แต่ขยายกว้างออกไปและสวยกว่าเก่า เดิมทีเดียวทำแค่ ปุ ๆ ปะ ๆ แค่พออยู่ได้ยาวแค่ ๖ ศอก กว้าง ๔ ศอก วันนั้นฉันก็นอนอยู่ที่กระต๊อบโคนโพธิ์ ตอนนั้นมีเตียงอยู่เตียง ก็นอนตะแคงขวา กำลังทางร่างกายก็น้อยลงไปทีละนิด ๆ ในที่สุดก็ใกล้จะหมดแรง สายตาที่มองยาวออกไปมันก็เริ่มสั้นเข้ามาทีละน้อย ๆ จนกระทั้งเห็นสั้นเข้ามาห่างจากร่างกายไปประมาณสัก ๒ วา อาการอย่างนี้มันเคยมีมากับฉันคืออาการเพลีย
แต่ว่าอาการป่วยคราวนี้ของฉันไม่ได้ยั้งตัว หมายความว่าฉันเผลอไปเมื่ออายุ ๑๒ ปี มาครั้งหนึ่งแล้ว เกือบจะต้องถูกจับไปสอบสวนที่สำนักของท่านพระยายมราช ฉะนั้นการภาวนาฉันไม่มีหยุด การพิจารณาก็ดีถือเป็นปกติ เวลาไหนต้องการภาวนาก็ภาวนา เวลาไหนต้องการพิจรณาก็พิจารณา
เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ฉันก็นึกถึงร่าวกายว่า ดีไม่ดีมันตายวันนี้แหละ มันจะตายเมื่อไรก็ช่างเราเตรียมำร้อมไว้เพื่อจิตเป็นสุข มีความรู้สึกว่าร่างกายเราประคบประหงมมันเท่าไรมันดีไม่ได้ เลิกกันเสียทีนะ เอ็งจะตายก็ตายไปเถอะ ก็เลยบอกว่า มึงพังเสียได้ก็ดี กูจะได้มีความสุขเจ้าตัณหาเอ๋ย ฉันเป็นทาสแกมา ๕๐ ปีแล้ว ความดีนิดหนึ่งของแกไม่มีสำหรับฉันเลย ไอ้ร่างกายนี้แกให้ข้ามา และเวลานี้ข้ามีความเบื่อหน่ายร่ายกายที่แกให้ แกจะต้องการร่างกายของแกคืนไปก็เชิญ ฉันไม่มีความปรารถนาร่างกายเลว ๆ อย่างนี้ พอจิตคิดเท่านี้ ไอ้ตัวสั้นของสายตามันก็หยุดมันไม่สั้นเข้ามาอีก กายมันเพลียแต่ใจไม่ได้เพลียไปด้วย กายยิ่งเพลียเพียงใดจิตยิ่งแจ่มใสมากขึ้น ความสว่างไสวของจิตมาดขึ้นกว่าเก่า แพรวพราวเป็นระยับ
แต่ก็มีแปลกอย่างหนึ่ง ในอากาศไม่เห็นมีใครเลย ไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นพรหม ไม่เห็นใครทั้งหมด ก็มีความรู้สึกว่าถ้าอาการอย่างนี้มันไม่เอาจริง แต่ในใจนั้นอยากให้มันเอาจริง เมื่อสายตายาวออกไป ร่างกายก็เริ่มมีกำลัง จึงคิดในใจว่า ตัณหาเอ๋ย เจ้าทำไมถึงหลอกเราอย่างนี้ เจ้าคิดหรือไม่ว่าเราต้องการเจ้า เราเบื่อเจ้า เราเกิดมาหลายอสงไขยกัปเพราะเป็นทาสของเจ้า ไม่มีความดีสำหรับเราเลย ความจริงเราไม่ต้องการร่างกายเลว ๆ ของเจ้า เมื่อไรเจ้าจะมาทวงเจ้าร่างกายของเจ้าตัวนี้ไป มันนึกอยู่คนเดียว พอนึก ๆ ไปก็เลยทำใจหยุด จะนึกไปทำไม มันจะอยู่ก็อยู่ มันจะตายก็ตาย มันตายเมื่อไรไปบ้านของเราเมื่อนั้น ใจฉันก็จับอยู่ที่บ้านสวยแจ๋ว มีความสวยงามมากมีความสุข
ในระหว่างนั้นเองก็เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายใหญ่มาก ถ้าพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก ต้องถึง ๑๐ องค์ ถึงจะเท่าพระวรกายของพระองค์ เวลานั้นเห็นชัดเจนเจ่มใสแพรวพราวเป็นระยับลอยอยู่ข้างหน้าไม่ไกลจากฉันนัก ท่านลอยต่ำกว่าหลังคากระต๊อบหลังนั้น แต่เวลานั้นภาพหลังคาไม่ปรากฏ เห็นแต่พระพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสว่า สัมพเกษี อาการเพียงเท่านี้ เธอเป็นทุกข์มากหรือ ก็ตอบพระองค์ว่า ข้าพระพุทธเจ้า ไม่ทุกข์พระพุทธเจ้าข้า ท่านตรัสว่า ไม่ทุกข์ ทำไมจึงมีการท้าทายกับตัณหา ตอบพระองค์ว่า การท้าทายตัณหาก็เพราะข้าพระพุทธเจ้าไม่ต้องการตัณหาและก็ไม่ต้องการสมบัติของตัณหา
เวลานี้สมบัติของตัณหาแต่ละชิ้นไม่ต้องการเลย มีความต้องการอย่างเดียวคือบ้านหลังนั้น พระองค์ก็ทรงยิ้มแล้วตรัสว่า
อาการป่วยเท่านี้ อาการทุกขเวทนาเพียงเท่านี้จงอย่าบ่นนะ ทำใจให้สบาย จิตไม่ยึดถืออะไรทั้งหมด สลัดทุกอย่าง กามตัณหา ภวตัณหา วิภาวตัณหา สลัดให้หมด จงเข้าใจในทุกข์ของโลก คนที่เกิดมาในโลก ใครก็ตาม พระอรหันต์ก็ป่วย ร่างกายของเธอจะไม่ป่วยไม่ได้
หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า เธอจงรักษากำลังใจอย่างนี้ให้ปกติเป็นเอคคตารมณ์ คือมีอารมณ์อันเดียวที่เราต้องการอย่างนี้ ถ้าพลาดพลั้งลงอบายภูมิ เจ้าหนี้ของเธอที่ยังไม่ได้ใช้ชำระหนี้เฉพาะคน สัตว์ไม่คิด เท่านี้เธอดู ท่านชี้ไป ฉันเห็นหัวคน เขาาตัดหัวคนวางเรียงพื้นที่จากแนวคลอง วางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยจน สุดของพื้นที่ของวัดท่าซุงด้านเหนือสุดเลย
และก็ไม่ได้วางชั้นเดียว เต็มพื้นที่หมด กุฏอะไรไม่เห็นทั้งนั้น เห็นแต่หัวคนวางเรียงเป็นระเบียบสูงกว่ายอดโพธิ์หนึ่งเท่าหรืออาจเป็นหนึ่งเท่าเศษ ท่านบอกว่า คนทั้งหมดนี้เธอฆ่ามาในอดีต และเวลานี้กรรมที่เธอทำกับเขาทุกคน เธอยังไม่ได้ใช้หนี้ เวลานี้เธอกำลังใช้หนี้เศษกรรมส่วนอื่น ส่วนใหญ่นี่ยังไม่ได้ใช้
จึงได้กราบเรียนถามท่านว่า การสร้างบาปขนาดนั้น ทำไมไม่ไปอบายภูมิ ท่านตรัสว่า ทุกชาติหลังจากนั้นมาพันชาติเศษ เธอเป็นนักรบก็จริงแหล่แต่ทว่าก็เป็นนักบุญด้วย นักรบก็เป็น นักบุญก็เป็น ดังนั้นเวลายามว่างก่อนรบก็ทำบุญ เวลาไปรบจิตใจก็นึกถึงพระเป็นที่พึ่ง กลับมาจากการรบก็ทำบุญ และก็ชอบเจริญสมาธิ นักรบต้องใช้อาวุธฟาดฟันกัน โดยเฉพาะใช้มีดใช้ดาบใช้หอกต้องหนังเหนียวทุกคน จะหนังเหนียวได้เพราะอาศัยคุณพระคุ้มครอง ฉะนั้นจิตใจจึงนึกถึงพระเป็นปกติและเวลาจะตาย จิตใจนึกถึงพระเป็นปกติ อย่างนี้อารมณ์ฌาณ อาศัยกำลังของฌาณก็หนีบาปไปทุกครั้งพันชาติเศษ
แล้วสมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ก็ทรงให้โอวาทว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอจงถือกำลังใจสังขารุเปกขาญาณเป็นอารมณ์ อะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายก็ถือว่าเฉยไว้ เขาจะชมก็เฉย เขาจะด่าก็เฉย แล้วร่างกายจะเจ็บไข้ไม่สบาย ก็ทำใจสบาย ๆ เฉย ยอมรับนับถือกฏของธรรมดา คิดว่าร่างกายของเราต้องเป็นอย่างนั้น อย่าใช้อารมณ์ฝืนกฏของธรรมดาเท่านี้ อารมณ์จิตของเธอจะเป็นสุข
หัวคนที่ปรากฏทั้งหมดนี่นับแสน กรรมอันนี้ไม่สามารถจะตามเธอทัน เธอมีโอกาสจะไป บ้านของเธอตามความประสงค์