ประสบการณ์ตายของพระมหาถาวร
(หลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง)
ตายครั้งที่ ๘
วันที่ ๓ ตุลาคม พ. ศ. ๒๕๓๒ มีอาการผิดปกติ ไปนั่งรับแขกฉันหมากเข้าไปรู้สึกยัน เวลานั้นประมาณสักบ่าย ๒ โมง ๓ นาที จำได้ไม่แน่นอนนัก กำลังรับแขกอยู่ก็เกิดปวดอุจจาระ ก็ลุกไปส้วม มันก็อาเจียน ก็หยิบขันน้ำมารองอาเจียน พออาเจียนเท่านั้นมันหมดความรู้สึกตัว แต่มีความรู้สึกว่าตัวออกไปนั่งคุยกับเทวดา ๒ องค์ เป็นท่านอินทกะทั้งสองท่าน คือ ท่านบุเรงนอง กับ ท่านปีสะสาวี คุยกันแบบสบาย ร่างกายเป็นอย่างไรไม่รู้เรื่องเลยออกเมื่อไรไม่รู้
พอกลับเข้ามาในตัวอีกทีก็รู้สึกว่า เสมหะนองเถือกเต็มพื้นไปหมด มันก็ไม่มีแรง นั่งรวบรวมกำลังใจอยู่นิดหนึ่ง ประตู่ใส่กลอน พอมีแรงนิดหน่อยก็ค่อย ๆ เกาะราวผ้าไปถอดกลอน ก็พอดีพระสมุห์บัญชาเรียกพระปลัดวิรัชว่า วิรัช ๆ เร็ว ๆ วิรัชเร็ว ๆ จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องเลย ปรากฏว่ามารู้เรื่องอีกทีก็เขานวดมือแล้ว ตอนออกตอนแรกพระท่านบอกว่า เป็นการออกไปจากร่างกายเพราะร่างกายมันหนัก ถ้าไม่ออกไปจากร่างกาย มันหายใจไม่ทัน เสมหะออกมา มันจะขาดใจตายตอนนั้น พระท่านกลัวจะตาย ท่านเลยดึงวิญญาณออกไปข้างนอก พอออกตอนหลังท่านเรียกว่า สลบ เพราะไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ตัวสลบกับออกไปข้างนอก มันไม่เหมือนกันเพราะสลบไม่มีความรู้สึก
ต่อมารู้สึกตัวเห็นเขานวดกันไปนวดกันมา ก็พอดีจ่าปัญญากับคุณบังเอิญ สองสามีภรรยาหวังจะมาเยี่ยมก็มาพบอาการหนักเข้า ทุกคนก็วิ่งกันวุ่นวาย กำนันสมบอกว่าคนร้องไห้กันหลายคน มันน่าร้องไห้เพราะไม่มีความรู้สึกแล้ว พอยกออกไปเหมือนกับคนตาย แต่พออาการคลายตัวขึ้นมาก็ปรากฏว่า มีความรู้สึกว่ามีแรงนิดหน่อย มีอาการสดชื่น เขานวดบ้าง เขาบีบบ้าง เขาทำอะไรก็ตาม ความสดชื่นก็ปรากฏ อีกสักครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเดินได้.......
ในที่สุดหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านก็มรณภาพเมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ ตุลาคม พ. ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๑๖ . ๑๐ น. ที่โรงพยาบาลศิริราช ได้มีพิธีสวดอภิธรรมเป็นเวลา ๑๐๐ วัน พระศพท่านอยู่ในโลงแก้ว ประดิษฐานอยู่ในพระมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร ที่วัดท่าซุงมาจนทุกวันนี้