๓. กฐินขันธกะ (หมวดว่าด้วยกฐิน)
ภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป ซึ่งเป็นผู้ถือการอยู่ป่า, การเที่ยวบิณฑบาต, นุ่งห่มผ้าบังสุกุล (ผ้าเก็บตกมาปะติดปะต่อทำเป็นจีวร) และใช้จีวร ๓ ผืน (ไม่เกินกว่านั้น) เป็นวัตร เดินทางจะมาเฝ้าพระผู้มีพระภาค มาถึงเมืองสาเกต ถึงวันเข้าพรรษา ต้องจำใจจำพรรษาอยู่ในเมืองสาเกตุ มีความระลึกถึงสมเด็จพระบรมศาสดา ออกพรรษาแล้วจึงมาเฝ้าทั้งที่จีวรเปียกน้ำฝน และต้องเดินทางลุยน้ำลุยโคลน พระผู้มีพระภาคทรงปรารภเหตุนั้น จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้จำพรรษาแล้วกราลกฐินได้. (กราลกฐิน คือลาดไม้สะดึงหรือไม้แบบ ลงไปเอาผ้าทาบ ตัดผ้าตามไม้แบบนั้น แล้วช่วยกันทำจีวรแจกแก่ภิกษุผู้สมควร).
อานิสงส์ ๕ ของภิกษุผู้ได้กราลกฐิน
ทรงแสดงอานิสงส์ ๕ สำหรับภิกษุผู้ได้กราลกฐิน คือ ๑. ไปไหนไม่ต้องบอกลาภิกษุอื่น ตามความในสิกขากบทที่ ๖ อเจลกวรรค ปาจิตตียกัณฑ์ ๒. ไปไหนไม่ต้องนำไตรจีวรไปครบสำรับ ตามสิกขาบทที่ ๒ จีวรวรรค นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ฉันอาหารรวมกลุ่มกันได้ ตามสิกขาบทที่ ๒ โภชนวรรค ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. เก็บจีวรไว้ได้หลายตัวตามต้องการโดยไม่ต้องวิกัป (คือทำให้เป็นสองเจ้าของ) ตามสิกขาบทที่ ๔ จีวรวรรค นิสสัคคิยกัณฑ์ และ ๕. ผ้าที่เกิดขึ้นในวัดนั้นเป็นของเธอ (คือเธอมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง ภิกษุเขตอื่นมาก็ไม่มีสิทธิ).
ทรงให้สวดประกาศกฐิน
ทรงอนุญาตให้สวดประกาศมอบผ้ากฐินแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เป็นการสงฆ์ โดยตั้งญัตติ ๑ ครั้ง สวดประกาศขอความเห็นชอบ ๑ ครั้ง (รวมเรียกว่าญัตติทุติยกรรม).
ทรงแสดงเรื่องกฐินเป็นอันกราลและไม่เป็นอันกราล
ทรงแสดงว่ากฐินไม่เป็นอันกราลด้วยเพียงสักว่า ขีด, ประมาณ, ซักผ้า, กะผ้า, ตัดผ้า, เย็บเนา, เย็บล้มตะเข็บ เป็นต้น รวมทั้งไม่เป็นอันกราลด้วยผ้าที่ทำนิมิต (พูดให้เขาใช้ผ้านั้น ๆ เป็นผ้ากฐิน) และด้วยผ้าที่เลียบเคียงให้เขาถวายเป็นผ้ากฐิน.๑
แล้วทรงแสดงว่ากฐินเป็นอันกราลด้วยผ้าใหม่, ผ้าเทียมใหม่, ผ้าเก่า เป็นต้น รวมทั้งการปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระวินัยอีกหลายประการ.
ข้อกำหนดในการเดาะกฐิน
ทรงแสดงมาติกา คือแม่บทหรือข้อกำหนดในการเดาะกฐิน (คือเลิกหรือรื้อไม้สะดึงออกได้) รวม ๘ ประการ คือ ๑. เดินทางไปที่อื่นไม่คิดจะกลับมา ๒. ทำจีวรเสร็จแล้ว ๓. ตั้งใจเลิกเรื่องการทำจีวร ๔. จีวรที่กำลังทำอยู่ ทำเสียหรือหายเสีย ๕. ด้วยได้ยินข่าว คือเธอจากไปด้วยคิดจะกลับมาอีก แต่ได้ยินข่าวว่าในวัดที่เธออยู่เขาเลิกทำกันแล้ว ๖. ด้วยหมดหวัง คือหวังว่าจะได้จีวร แต่ก็ไม่สมหวัง ๗. อยู่นอกเขตสีมา คือคิดจะกลับมาที่วัดนั้น จนหมดสมัยของกฐิน และ ๘. เลิกกฐินพร้อมกับภิกษุทั้งหลาย คือเมื่อพ้นกำหนดก็เป็นอันเลิกกฐินร่วมกัน. (ต่อจากนี้เป็นคำอธิบายมาติกาทั้งแปดโดยพิสดาร). ในตอนท้ายได้สรุปเกี่ยวด้วยปลิโพธ (ความหมายใจหรือห่วงใย) ๒ ประการ คืออาวาสปลิโพธ ความห่วงใยด้วยวัด (คือตั้งใจจะกลับมาที่วัด) กับจีวรปลิโพธ ความห่วงใยด้วยจีวร (คือหมายใจจะทำจีวรภายในกำหนด) ถ้าหมดปลิโพธ ก็เป็นอันเลิกกฐิน.
๑. มีเหตุเกิดขึ้นบ่อย ๆ ภิกษุผู้ไม่รู้วินัยข้อนี้ ชักชวนชาวบ้าน หรือพูดเลียบเคียงให้เขาทอดกฐินในวัดของตน กฐินนั้นก็ไม่เป็นกฐิน คือเป็นโมฆะ ไม่ได้ประโยชน์ทั้งผู้ถวายผู้รับ ข้อนี้ควรช่วยกันรับรู้ไว้ด้วย
|