อารมณ์ทั้ง ๔ ประการนี้ สมเด็จพระศาสดาจารย์ ตรัสเทศนาว่าวิสัยรูป ๔ ประการ
แลภาวะรูป ๒ ประการนี้ คืออิตถีภาวรูปประการ ๑ ปริสภาวรูปประการ ๑ เป็น ๒ ประการด้วย
อิตถีภาวรูปนั้น บังเกิดเนื่อง ๆ กันอยู่ในสันดานแห่งสตรีบ่มิได้รู้ขาดสาย อิตถีภาวรูปนี้ เป็นใหญ่ในที่จะกระทำให้รูปกายเป็นสตรีให้กิริยามารยาทอากัปปะอาการทั้งปวง เป็นกิริยามารยาทอากัปปะอาการแห่งสตรี
ก็ฝ่ายว่าปุริสภาวรูปนั้น บังเกิดเนื่อง ๆ กันอยู่ในสันดานแห่งบุรุษมิได้รู้ขาดสาย ปุริสภาวรูปนี้ เป็นใหญ่ในที่จะกระทำให้รูปกายเป็นบุรุษ ให้กิริยามารยาทอากัปปะอาการทั้งปวงเป็นกิริยามารยาทอากัปปะแห่งบุรุษ
ถ้าบุรุษจะกลายเป็นสตรี ขณะเมื่อเพศจะกลับเป็นสตรีนั้นปุริสภารูปดับไป บ่มิได้บังเกิดสิ้นภาวะ ๑๗ ขณะจิต เมื่อปุริสภาวรูปดับไปแล้วไม่บังเกิดล่วงไปได้ถึง ๑๗ ขณะจิตแล้วอิตถีภาวรูปจึงบังเกิดขึ้นในลำดับนั้น
เมื่ออิตถีภาวรูปบังเกิดขึ้นแล้ว รูปก็กลายเป็นสตรีไป กิริยามารยาทอากัปปะอาการทั้งปวง ก็กลายเป็นสตรีไปในกาลนั้น
ถ้าหญิงจะกลับเพศเป็นชายเล่า ขณะเมื่อเพศจะกลายเป็นชายนั้นอิตถีภาวรูปก็ดับไป บ่มิได้บังเกิดสิ้นภาวะ ๑๗ ขณะจิต เมื่ออิตถีภาวรูปดับล่วงไปไม่บังเกิดถึง ๑๗ ขณะจิตนั้นแล้วปุริสภาวรูปก็บังเกิดขึ้นในสันดาน ครั้นปุริสภาวรูปกายบังเกิดแล้วรูปกายก็กลายเป็นบุรุษ กิริยามารยาทอากัปปะอาการทั้งปวง ก็กลายเป็นบุรุษสิ้นในกาลนั้น
สตรีจะกลายเป็นบุรุษนั้นอาศัยด้วยกุศลมีกำลัง กุศลที่ตนได้รักษาศีล ๘ เว้นจากเมถุนสังวาสนั้นก็ดี กุศลที่ตนได้รักษาศีลกาเมสุมิจฉาจารไม่เอาใจออกนอกสามีนั้นก็ดี กุศลทั้งสองประการนี้ ถ้ามีกล้าหาญอยู่ในสันดานสตรีภาพผู้ใด ถ้าสตรีภาพผู้นั้นมีความปรารถนาที่จะเป็นชาย ก็จะได้เป็นชายสำเร็จมโนรถความปรารถนากุศลกล้ามีกำลังแล้ว เพศสตรีนั้นก็จะกลับกลายเป็นบุรุษไป กุศลนั้นเข้าชักนำกำจัดเสียซึ่งอิตถีภาวรูปนั้นดับสูญไปแล้ว ก็ตกแต่งปุริสภาวะให้เกิดขึ้นในสันดาน ให้รูปกายแลกิริยามารยาท อากัปปะอาการทั้งปวงกลับกลายเป็นบุรุษให้เห็นประจักษ์แก่ตาในอัตตภาพชาตินี้
เพศสตรีกลายเป็นบุรุษนั้น มีเยี่ยงอย่างแต่ปางก่อนครั้งสมเด็จพระพุทธองค์ ยังทรงทรมานมีพระชนม์โปรดเวไนยสรรพสัตว์อยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งมีนามโคตรมิได้ปรากฏในวาระพระบาลี สตรีผู้นั้นมีศรัทธาไปบวชเป็นนางภิกษุณีในพระศาสนา อุตสาหะรักษาศีลบริสุทธิ์เป็นอันดี นางภิกษุณีนั้น ครั้นว่ามีจิตอันเบื่อหน่ายจากที่จะเป็นสตรีภาพมีความปรารถนาจะใคร่เป็นบุรุษ เมื่อมีความปรารถนาดังนั้น อาศัยด้วยกุศลกล้า อิตถีภาวรูปก็อันตรธานหาย ปุริสภาวรูปที่เป็นใหญ่กระทำให้รูปกายเป็นผู้ชายนั้นก็บังเกิดขึ้นมาใหม่ทันใด นางภิกษุณีก็กลายเป็นบุรุษไปในกาลนั้น ครั้นกลายเป็นบุรุษไปแล้ว สมเด็จพระพุทธองค์ก็ทรงกรุณาโปรดให้มาอยู่กับภิกษุสงฆ์ทั้งปวง
ฝ่ายข้างบุรุษเล่าที่กลายเป็นสตรีนั้นก็มีมาแต่ปางก่อน บุตรชายโสโรยเศรษฐี อยู่ในโสโรยนครแต่ครั้งก่อน เมื่อสมเด็จพระพุทธองค์ยังทรงทรมานมีพระชนม์โปรดเวไนยสรรพสัตว์อยู่นั้น บุตรชายเศรษฐีนั้นวันหนึ่งออกไปภายนอกพระพารา ลงไปสู่ท่าเพื่อจะอาบน้ำ ได้เห็นพระมหากัจจายนเถระท่านยืนห่มผ้าจีวรอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ก็บังเกิดความปรารถนาอันเป็นบาปว่า พระมหาเถระองค์นี้รูปร่างท่านงามดีนักหนา ถ้าเป็นภรรยาของอาตมานี้จะดีทีเดียว ข้อหนึ่งภรรยาของอาตมานี้ ถ้ามีรูปโฉมสีสัณฐ์พรรณอย่างพระมหาเถระองค์นี้จะดีทีเดียว เมื่อจิตคิดลาลมแต่เท่านี้ ปุริสภารูปนั้นก็อันตราธานหาย รูปกายก็กลายเป็นสตรีไปในขณะบัดเดียวนั้น ครั้นกลายเป็นสตรีไปแล้ว ก็หนีไปสู่เมืองตักกศิลา ไปอยู่เป็นภรรยาของบุตรชายเศรษฐีเมืองตักกศิลา อยู่จำเนียรนานมาเบื้องหน้าได้พบกันกับสหายให้สหายไปอาราธนานิมนต์พระมหากัจจายนเถระมาฉัน กระทำอภิวันท์นบน้อมนมัสการขอประทานโทษ ครั้นพระมหาเถระเจ้าโปรดให้อภัยโทษแล้วอิตถีภาวรูปก็อันตรธานหาย ปุริสภาวรูปที่เป็นใหญ่ในที่กระทำให้เป็นผู้ชายนั้นจึงบังเกิดขึ้น กระทำในรูปกายเป็นผู้ชายคงคืนดังเก่า
ว่ามาทั้งนี้ จะให้เห็นว่าหญิงจะกลายเป็นชายนั้น อาศัยด้วยกุศลมีกำลัง ฝ่ายผู้ชายจะกลายเป็นหญิงนั้น ก็อาศัยด้วยมีความประมาทพลาดพลั้งลงที่ใดที่หนึ่งแล้ว เพศก็กลายเป็นสตรีไป บุรุษจะเป็นสตรีนี้มีง่าย สตรีจะใคร่เป็นผู้ชายนั้นเป็นอุดมเพศ เป็นเพศอันอุดม บุคคลอันปรารถนาปัจเจกภูมิ แลพุทธภูมินั้น จะสำเร็จก็อาศัยด้วยอยู่ในเพศเป็นบุรุษ ๆ นั้น จึงสร้างบารมีปรารถนาพุทธภูมิปัจเจกภูมินั้นก็ได้ ถ้าเป็นสตรีเพศอยู่แล้ว จะสร้างบารมีปรารถนาพุทธภูมิ ปัจเจกภูมินั้นขัดอยู่ ให้ปรารถนาเป็นบุรุษเสียก่อนครั้นได้เป็นบุรุษแล้วจึงให้ปรารถนาพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ ความปรารถนาจึงจะสำเร็จ ถ้าไม่ปรารถนาเป็นบุรุษก่อน แลปรารถนาตรงเอาพุทธภูมิ ปัจเจกภูมินั้น ความปรารถนาไม่สำเร็จ เหตุฉะนี้จึงว่าเพศบุรุษนั้นได้ชื่อว่าอุดมเพศ อุดมกว่าเพศสตรีพึงเข้าใจเถิดว่าพรรณนามาทั้งนี้ จะให้เห็นแจ้งว่า อิตถีภาวรูปนั้นเป็นใหญ่ที่จะตกแต่งให้รูปกายเป็นบุรุษ