จีวรวรรค (วรรคว่าด้วยจีวร) สิกขาบทที่ ๑ จีวรวรรค นิสสัคคิยกัณฑ์ (ห้ามขอผ้าห่มหนาวเกินราคา ๑๖ กหาปณะ)
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเลื่อมใสในธรรมเทศนาของนางถุลลนันทาภิกษุณี ออกปากให้ขอของได้ นางจึงขอผ้ากัมพลราคาแพง พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบท ปรับอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่นางภิกษุณีที่ขอ (หรือให้เขาจ่าย) ผ้าห่มหนาว ราคาเกิน ๔ กังสะ (๑๖ กหาปณะ).
สิกขาบทที่ ๒ จีวรวรรค นิสสัคคิยกัณฑ์ (ห้ามขอผ้าห่มฤดูร้อน ราคาเกิน ๑๐ กหาปณะ)
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเลื่อมใสในธรรมเทศนาของนางถุลลนันทาภิกษุณี ตรัสให้ขอสิ่งที่ต้องการได้ นางขอผ้าเปลือกไม้ ก็ถวายผ้าเปลือกไม้ตามประสงค์. มนุษย์ทั้งหลายพากันติเตียนว่ามักมาก (เข้าใจว่าจะขอผ้าที่ทรงห่มอยู่ซึ่งมีราคาแพง). พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบท ปรับอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่นางภิกษุณี เมื่อขอผ้าห่มฤดูร้อน ขอผ้าเกินราคา ๒ กังสะครึ่ง (๑๐ กหาปณะ).๑
(หมายเหตุ นิสสัคคิยกัณฑ์ที่แสดงไว้นี้ มีเพียง ๑๒ สิกขาบท ทั้ง ๆ ที่กล่าวมา มี ๓๐ สิกขาบท เพราะนำของภิกษุมาใช้ ๑๘ สิกขาบท. กล่าวอีกอย่างหนึ่งนิสสัคคิยปาจิตตีย์ของภิกษุ ๓๐ สิกขาบทนั้น เอาออกเสีย ๑๒ นำมาใช้สำหรับนางภิกษุณีได้ ๑๘ สิกขาบท. ที่เอาออก ๑๒ คือสิกขาบทที่ ๔ ที่ ๕ แห่งจีวรวรรค. สิกขาบทที่ ๑ ถึง ๗ แห่งโกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๑ ที่ ๘ และที่ ๙ แห่งปัตตวรรค).
๑. มีข้อน่าสังเกตอยู่ ๒ แห่ง คือผ้าห่มฤดูหนาว ใช้คำว่า ผ้าห่มหนัก (ครุปาปุรณํ) ผ้าห่มฤดูร้อน ใช้คำว่า ผ้าห่มเบา (ลหุปาปุรณํ) คำว่า ขอ แปลหักจากคำว่า "ทำให้เขาจ่าย" (เจตายเปยฺย)
|